รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 297 เณรน้อยผู้นี้น่าสนใจ พามาให้ข้าดูหน่อย!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 297 เณรน้อยผู้นี้น่าสนใจ พามาให้ข้าดูหน่อย!
พระอาจารย์เกาเซิงร้อนใจแทบแย่
ต้าเต๋อก่อเรื่องเก่งปานนั้น มิหนำซ้ำยังเคยมีเรื่องมีราวกับอ้ายฉานซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มนั้น หากเขาเข้าไป ไม่แน่ว่าอาจเกิดเรื่องใหญ่ได้!
เขารีบร้อนจากไป หมายจะจับตัวต้าเต๋อกลับมา
“ขอเชิญพุทธบุตรออกจากที่นี่ด้วย”
นอกวังที่หลี่จิ่วเต้าพำนัก มีผู้อาวุโสตระกูลซางเฝ้าอยู่ พวกเขาสกัดต้าเต๋อ ไม่ยอมให้เขาเข้าไป
ม่านพลังที่นี่ถูกบิดาฉงคูทำลายลง หลังจากนั้น ผู้อาวุโสเก้าจึงจัดเตรียมยอดฝีมือผู้อาวุโสมาคอยอารักขาที่นี่หลายคน ป้องกันมิให้ผู้ฝึกตนอื่น ๆ มารบกวนท่านเซียนที่นี่
ลูกตาเล็ก ๆ ของต้าเต๋อกลอกไปมา เขาหัวเราะเบา ๆ พร้อมกล่าวว่า “ข้ากับอ้ายฉานที่อยู่ด้านในเป็นสหายกัน ข้ามาเยี่ยมนาง”
“สหายหรือ?”
ผู้อาวุโสท่านหนึ่งขมวดคิ้ว ไม่แน่ใจว่าจริงหรือเท็จ
“เจ้าเข้าไปรายงานที บอกว่าข้าต้าเต๋อมาหานาง กินเนื้อไม่ดื่มสุราได้อย่างไร ข้านำสุรามาให้!”
ต้าเต๋อคลี่ยิ้มกว้าง หยิบสุราโถหนึ่งออกจากคลังมิติแล้วถือไว้ในมือ
เหล่าผู้อาวุโสเห็นเช่นนั้นแล้วเป็นต้องอึ้งกันหมด สาวกพุทธศาสนาดื่มสุราตามอำเภอใจได้ด้วยหรือ…
พวกเขาเคยได้ยินมานานแล้วว่า พุทธบุตรนามต้าเต๋อผู้นี้ต่างจากผู้อื่น บัดนี้ดูแล้วแตกต่างจริง ๆ ประหลาดคนใช้ได้!
“นี่คือสุราชั้นดี ข้าลักเอามาจากพระอากาศครรภโพธิสัตว์ ปกติข้ายังมิกล้าดื่มเท่าไร ทุกครั้งที่ดื่มก็ดื่มเพียงไม่กี่หยดเท่านั้น!”
ต้าเต๋อบอก
เพื่อให้ได้กินเนื้อ เขายอมลงทุนลากเลือด!
หนนี้เขามิได้โป้ปด สุรานี้เขาขโมยมาจากพระอากาศครรภโพธิสัตว์จริง ๆ หายากยิ่ง ตัวเขาเองยังมิกล้าดื่มเพราะความเสียดาย
ลักเอามาจากพระอากาศครรภโพธิสัตว์?
พระอากาศครรภโพธิสัตว์ดื่มสุราด้วยหรือ???
สีหน้าบรรดาผู้อาวุโสประหลาดยิ่งกว่าเดิม วาจาของต้าเต๋อคือสิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึง
หรือว่าพุทธศาสนานั้นมือถือสาก ปากถือศีล ฉากหน้าแสร้งว่ามีศีลข้อห้ามอย่างเข้มงวด มีข้อปฏิบัติอย่างเคร่งครัด แต่แท้จริงแล้วลับหลังมิได้เป็นเช่นนั้น ไม่มีข้อห้ามใด ๆ ทั้งสิ้น?
“ทุกท่านอย่าฟังที่เขาพูดเหลวไหล!”
ตอนนั้นเอง พระอาจารย์เกาเซิงมาถึง เขาได้ยินคำกล่าวของต้าเต๋อพอดี ใบหน้าชราดำคร่ำเครียดยิ่งกว่าก้นหม้อเสียอีก
จะมิให้หน้าดำได้เยี่ยงไร พุทธศาสนาแทบไม่เหลือความน่าเกรงขามเพราะต้าเต๋อแล้ว!
“อมิตาภพุทธ ทุกท่านอย่าเข้าใจผิด พระอากาศครรภโพธิสัตว์ของศาสนาเราไม่มีทางดื่มสุราแน่นอน สุรานี้เป็นของอสูรร้ายตนหนึ่งที่พระอากาศครรภโพธิสัตว์ของเรากำราบได้ พระอากาศครรภโพธิสัตว์ไม่ทันนำไปทิ้งก็โดนเขาขโมยไปเสียก่อน”
พระอาจารย์เกาเซิงอธิบายอย่างร้อนรน
“ช้าก่อน ท่านพูดเช่นนี้ไม่ถูกนะ เรียกการกระทำของพุทธสาวกอย่างเราว่าขโมยได้เยี่ยงไร ข้ากำลังสั่งสมบุญต่างหาก!”
ต้าเต๋อเอ่ยด้วยท่าทางจริงจัง “หากข้าไม่เก็บสุรานี้ไป มิเป็นการปล่อยให้สุราเสียเปล่าหรอกหรือ ข้าเป็นถึงพุทธบุตร ซ้ำยังเป็นต้าเต๋อผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคต สุราสร้างความสุขสมให้ข้าได้ หรือก็คือสุราสร้างความสุขสมให้พระได้ นับว่าเป็นบุญอย่างใหญ่หลวง เป็นบ่วงบุญกรรมอันยิ่งใหญ่ ในอนาคต ทั้งสุรานี้และพระอากาศครรภโพธิสัตว์ล้วนต้องได้รับประโยชน์มหาศาลจากบ่วงบุญกรรมอันยิ่งใหญ่นี้!”
พระอาจารย์เกาเซิงได้ยินวาจานั้นแล้วโมโหจนหัวใจสั่นไปหมด
ขโมยสุราก็คือขโมยสุรา มัวพล่ามเรื่องบุญเรื่องกรรมกระไร บ่วงบุญกรรมอันยิ่งใหญ่รึ มียางอายบ้างเถอะ!
“กลับไปกับอาตมาเดี๋ยวนี้!”
ใบหน้าชราของเขาดำคร่ำเครียดถึงขีดสุด เอื้อมมือไปหิ้วปีกต้าเต๋อขึ้นมา
ต้าเต๋อสลัดไม่หลุด จึงตะเบ็งเสียงดังก้องขึ้นมา “อ้ายฉาน สหายของข้า ข้ามาหาเจ้าแล้ว เจ้าออกมาหาข้าที!”
“หุบปาก!”
พระอาจารย์เกาเซิงตวาด รีบปิดปากต้าเต๋อ แล้วพาเขาไปจากที่นี่โดยไว
สร้างเรื่องเก่งนัก!
เขารู้สึกกลัวใจจริง ๆ!
…
ภายในวังของหลี่จิ่วเต้า
“บัดซบ เณรน้อยคนนั้นนี่!”
อ้ายฉานได้ยินเสียงเรียกขานนางจากข้างนอก นางฟังปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นเสียงของเณรน้อยผู้นั้น
ช่วยไม่ได้ เณรน้อยผู้นั้นพิลึกกึกกือถึงปานนั้น จนนางจำได้อย่างแม่นยำ
“เณรน้อย? เณรน้อยกระไร?”
เซี่ยเหยียนถามอ้ายฉานด้วยความแปลกใจ
เณรหรือพระภิกษุมีอยู่ในดินแดนฝอเท่านั้น อ้ายฉานไปข้องแวะกับเณรตั้งแต่เมื่อใด
“อย่าให้พูดถึงเลย เณรน้อยผู้นั้นช่าง…น่าชิงชังเหลือทน ประหลาดคนเกินไป!”
อ้ายฉานขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน นางไม่เคยเจอคนเฉกเช่นเณรน้อยผู้นั้นมาก่อน!
“ฮ่า ๆ รีบเล่ารายละเอียดมาเร็ว!”
ได้ยินคำปรามาสเณรน้อยเช่นนี้ของอ้ายฉาน เซี่ยเหยียนยิ่งสนอกสนใจเข้าไปใหญ่
ภิกษุนั้นจิตใจผ่องใส อยู่ในกฎเกณฑ์เคร่งครัด จะน่าชิงชังสักแค่ไหนเชียว?
“เณรน้อยผู้นั้นน่ะหรือ ข้าจะบอกให้พวกท่านฟัง ไม่มีเค้าความเป็นพุทธสาวกแม้แต่น้อย ซ้ำยังอ้างว่าตนคือพุทธบุตรกลับชาติมาเกิด อนาคตจักตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน!”
อ้ายฉานเล่าความเป็นมาโดยละเอียด ไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียว เล่าเหตุการณ์ที่นางกับเณรน้อยแย่งชิงวัวยักษ์สีดำออกมาทั้งหมด
เซี่ยเหยียน อันหลานเสวี่ย และเหล่าเด็ก ๆ ต่างมีสีหน้าประหลาดระหว่างที่ฟัง
ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดอ้ายฉานถึงให้คำปรามาสเณรน้อยผู้นั้นว่าประหลาดคน!
กินเนื้อดื่มสุรา กล่าววาจาเกี้ยวพาราสี ไหนจะอมิต้าเต๋อฝอ ข้าพระพุทธไร้เกศา ข้าต้าเต๋อเปี่ยมเมตตาที่สุด…
เณรน้อยผู้นี้พิลึกคนยิ่ง!
“พระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิดหรือ!”
อีกด้าน หลังหลิงอินได้ฟังเรื่องเล่าของอ้ายฉาน กลับมีท่าทีแตกต่างจากพวกเซี่ยเหยียนอย่างสิ้นเชิง นางกลัดกลุ้มเหลือแสน นึกถึงข่าวลือเก่าแก่ข่าวหนึ่ง
เป็นข่าวลือเก่าแก่ที่เกี่ยวกับพุทธศาสนา
ลือกันว่าพุทธศาสนาจะมีพุทธบุตรกลับชาติมาเกิด ถือกำเนิดขึ้นในยุคสมัยหนึ่ง พุทธบุตรผู้นี้จักผสานคุณงามความดีทั้งปวงของพุทธศาสนาไว้ด้วยกัน นำพาพุทธศาสนาสู่จุดสูงสุดอย่างแท้จริง!
ในหลายยุคหลายสมัยที่ผ่านมา พุทธบุตรมิเคยถือกำเนิด ยุคสมัยนี้…พุทธบุตรถือกำเนิดขึ้นแล้วหรือ?
หากเป็นความจริง สถานะของเณรน้อยผู้นี้ย่อมสูงส่งจนน่าสะพรึง เกรงว่าแม้แต่พระสังฆราชองค์ปัจจุบันก็ต้องยำเกรงเณรน้อยผู้นี้
“น่าสนใจยิ่ง เอาอย่างนี้ อ้ายฉาน เจ้าไปเรียกเขามาให้ข้าดูหน่อย”
หลี่จิ่วเต้ายิ้ม นึกสนใจในตัวเณรน้อยผู้นี้ขึ้นมา
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสถิตย์อยู่ในใจ เนื้อวัวนั้นโอชะเป็นหนึ่ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่องอยู่ในใจ สุราเมรัยสร้างความสุขสม…
เณรน้อยผู้นี้มีวจีตลก กลายเป็นที่สนใจของเขา
“หา?”
อ้ายฉานมีหน้าตาตกตะลึง คิดไม่ถึงสักนิดว่าท่านเซียนจะเกิดความสนใจต่อเณรน้อยผู้นี้
“ในเมื่อคุณชายอยากพบ เช่นนั้นข้าจะไปเรียกเขามา!”
อ้ายฉานเอ่ย ก่อนจะวิ่งออกจากวัง
หรือนี่คือจุดประสงค์ที่ท่านเซียนมาที่นี่?
หลิงอินคิดในใจ
นางไม่เคยคิดว่าท่านเซียนมาที่นี่เพราะว่างจึงมาเที่ยวเล่น นางคิดว่าที่ท่านเซียนมาที่นี่ต้องมีความนัยมากกว่านั้นแน่นอน
บัดนี้ ท่านเซียนสนใจในตัวเณรน้อยผู้นี้อย่างเห็นได้ชัด นางคาดการณ์ว่า ท่านเซียนมาที่นี่จะเป็นเพราะต้องการพบเณรน้อยผู้นี้หรือไม่
หากเป็นเช่นนี้จริง เณรน้อยผู้นี้ฉกาจยิ่ง ย่อมไม่ธรรมดา ท่านเซียนถึงได้ให้ความสำคัญ
ทว่านางยังมิกล้าแน่ใจนัก
เณรน้อยเก่งกาจปานนั้นจริงหรือ ถึงขั้นเป็นที่ให้ความสำคัญของท่านเซียนได้เชียวหรือ?
นางคลางแคลงใจ
…
หลังจากอ้ายฉานออกจากวัง ก็สอดส่ายสายตาไปมา พบว่าเณรน้อยไม่อยู่แล้ว
นางถามกับผู้อาวุโสตระกูลซางซึ่งคอยอารักขาวัง “เมื่อครู่มีเณรน้อยคนหนึ่งมาที่นี่ใช่หรือไม่”
“อืม เข้ามาแล้ว แต่โดนพระอาจารย์เกาเซิงพากลับไปแล้ว”
ผู้อาวุโสตระกูลซางตอบ
“เข้าใจแล้ว”
อ้ายฉานถามไถ่ที่พำนักของเณรน้อยจากผู้อาวุโสตระกูลซาง แล้วจึงมุ่งหน้าไปทางนั้น
ท่านเซียนต้องการพบเณรน้อยผู้นี้ นางก็ต้องพาเณรน้อยผู้นี้ไปให้ได้!