รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 308 สวมเกราะทีเดียวยี่สิบกว่าชั้น คราวนี้คงไม่เป็นไรแล้ว!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 308 สวมเกราะทีเดียวยี่สิบกว่าชั้น คราวนี้คงไม่เป็นไรแล้ว!
“ตอนนี้สู้ได้หรือยัง?”
อันหลานเสวี่ยมองอู่เยว่ด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก
ก่อนหน้านี้อู่เยว่ต้องการประลองฝีมือกับนางให้ได้ สุดท้ายสู้ได้แค่นี้หรือ!?
นาง…ไม่สบอารมณ์มาก!
“ได้แล้ว…”
อู่เยว่ตอบด้วยน้ำเสียงไร้เรี่ยวแรง ปราศจากความกระปรี้กระเปร่าโดยสิ้นเชิง
เขาไฉนเลยจะกระปรี้กระเปร่าไหว
หนนี้เสียหน้าเสียศักดิ์ศรีเสียทุกอย่าง อย่าว่าแต่สร้างความรู้สึกดี ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างอันหลานเสวี่ยกับเขากลับยิ่งแย่ไปอีก เป็นที่โมโหโทโสของอันหลานเสวี่ย…
“อย่างไรก็ต้องรักษาไว้สักอย่างมิใช่หรือ!”
เขาขบกรามเอ่ย ดวงตาเป็นประกาย กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เขาไม่สามารถพ่ายแพ้ไปอย่างนี้ได้!
หากพ่ายแพ้ทั้งอย่างนี้จริง เขาคงเหมือนพวกขโมยไก่ไม่ได้ เสียข้าวสารหนึ่งกำมือ ขายหน้าเป็นที่สุด!
“โล่มา!”
เขาตะเบ็งเสียง พลังวิถีแกร่งกล้าหลอมรวมอยู่ที่มือ ค่อย ๆ กลายเป็นรูปโล่ใหญ่
“ไม่เป็นไร…ค่อยเป็นค่อยไป”
อันหลานเสวี่ยมีสีหน้าเย็นชา มิได้รีบร้อนลงมือ
หนนี้นาง…โกรธจริง ๆ แล้ว!
“ดาบมา!”
หลังโล่ใหญ่ก่อรูปก่อร่าง อู่เยว่ตะเบ็งเสียงอีกครั้ง หลอมรวมดาบเล่มใหญ่ด้วยพลังวิถีแกร่งกล้า
“ต้องให้เวลาท่านกว่านี้หรือไม่”
อันหลานเสวี่ยยังไม่ลงมือ
การโจมตีสองครั้งก่อนหน้า ทำให้นางพอทราบระดับพลังของอู่เยว่แล้ว
ในสถานการณ์ขอบเขตเดียวกัน อู่เยว่มิใช่คู่ต่อสู้ของนาง
ตั้งแต่ได้ต่อสู้มาถึงตอนนี้ นางยังมิได้ใช้วิชาทรงพลังที่สุดด้วยซ้ำ…
ในภาพวาดเหมันต์ที่ท่านเซียนประทานแก่นาง มีวิถีเหมันต์สูงส่งเหลือคณาแฝงอยู่ นางตระหนักรู้สุดยอดวิชาเหมันต์ได้จากภาพนั้น นี่ต่างหากคือวิชาทรงพลังที่สุดของนางซึ่งยังมิได้สำแดง!
“เกราะ!”
อู่เยว่ไม่เกรงใจกันจริง ๆ เขาใช้พลังวิถีหลอมเป็นเสื้อเกราะอีกครั้ง
“มีอีกหรือไม่”
อันหลานเสวี่ยยังมิได้ลงมือ
“มาอีกชั้น!”
อู่เยว่ตวาด ก่อนจะหลอมเกราะบนตัวอีกครั้ง
เขาหวาดกลัวจากใจจริง กลัวว่าตัวเขาจะต้านการโจมตีจากหอกหิมะของอันหลานเสวี่ยไม่ไหว!
“ข้าให้โอกาสท่านทำเช่นนี้ต่อ”
อันหลานเสวี่ยมีสีหน้าเย็นชา นางโกรธจริง ๆ แล้ว จำต้องให้บทเรียนอู่เยว่อย่างหนัก
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
เอาสิ อู่เยว่ไม่เกรงใจกันเลยจริง ๆ ใช้พลังวิถีหลอมเกราะสวมใส่อีกหลายครั้ง
“ไอ้บัดซบ!”
ผู้อาวุโสตระกูลอู่เห็นดังนั้นก็โกรธจนควันออกจมูก
ขายหน้าเกินไปแล้ว!
สภาพอย่างกับเต่าหดหัว!
“ถ้าไม่ไหวก็กลับมาเถิด!”
“เพิ่งเคยเห็นเช่นนี้ครั้งแรกเลย!”
บรรดาบุตรสวรรค์บนยอดเขาเห็นแล้วนึกขันยิ่ง พากันโห่ใส่อู่เยว่ไม่หยุดปาก
อู่เยว่อีกด้านมิได้แยแสคนเหล่านี้
เขารู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของอันหลานเสวี่ยดี หากไม่ใส่เสื้อเกราะให้มากชั้นหน่อยเขารู้สึกไม่ปลอดภัย!
ถึงแม้ยามนี้บรรดาบุตรสวรรค์หัวเราะเยาะเขา แต่ไม่เป็นไร ตราบใดที่เขาชนะก็เป็นอันจบ!
หลังจากชัยชนะเป็นของเขา เสียงเย้ยหยันเหล่านี้ย่อมหายไป
หากเขายอมถอยโดยไม่สู้ นั่นต่างหากคือความอัปยศอย่างแท้จริง คือจุดด่างพร้อยที่ไม่อาจลบล้างตราบชั่วชีวิต!
คิดมาถึงนี่ อู่เยว่ก็เพิ่มเกราะให้ตัวเองอีกหลายชั้น
เขาสวมเกราะให้ตัวเองทั้งหมดยี่สิบกว่าชั้นถึงวางใจได้อย่างสิ้นเชิง
“ความประมาทของท่านในตอนนี้จะกลายเป็นความสำนึกเสียใจของท่านในอีกประเดี๋ยว!”
อู่เยว่หันมองอันหลานเสวี่ย เอ่ยด้วยท่าทางมั่นใจ “มาเถิด เราสองคนมาต่อสู้กันอย่างแท้จริงเสียที ข้าจักให้ท่านได้ประจักษ์ถึงพลังของข้า!”
“ท่านผิดแล้ว”
อันหลานเสวี่ยมองอู่เยว่ ดวงตางดงามเปล่งประกายน่าหวาดหวั่น “นี่หาใช่ความประมาท หากแต่เป็นความมั่นใจเต็มเปี่ยม!”
เสียงดังฟึ่บ นางออกกระบวนเคลื่อนไหว หอกน้ำแข็งในมือเปล่งประกายเย็นเยียบเจิดจ้า พลังหิมะเยือกแข็งในปฐพีโถมทับเข้ามาอยู่ในหอกน้ำแข็งของนางอย่างบ้าคลั่ง!
นางแทงหอกนั้นออกไป แม้กระทั่งมิติยังระเบิดไม่หยุดหย่อน ภาพการณ์สยดสยองยิ่ง!
อู่เยว่ยกโล่ใหญ่ขึ้นป้องกันทันที
ทว่าทั้งหมดนี้เปล่าประโยชน์!
หอกน้ำแข็งดุดันไร้เทียมทาน ไม่มีสิ่งใดยับยั้งได้ โล่ใหญ่ที่อู่เยว่ยกขึ้นพังทลายตามเสียง มิได้ห่างชั้นกันเพียงเล็กน้อย!
ตึง ตึง ตึง!
จากนั้น เสียงพังทลายดังตามขึ้นมากมาย เกราะยี่สิบกว่าชั้นที่อู่เยว่ทึกทักเอาเองว่าหยุดยั้งหอกน้ำแข็งได้แตกออก!
ภายใต้การจู่โจมของหอกน้ำแข็ง เกราะยี่สิบกว่าชั้นบนตัวอู่เยว่เปราะบางราวกับกระดาษ ไม่อาจป้องกันสิ่งใดได้เลย!
“ไอ้…ระยำเอ๊ย!”
อู่เยว่หน้าซีดเผือด ทรมานใจเป็นหนักหนา
ซวยแล้ว…
ซวยฉิบ!
เขายอมสวมเกราะกว่ายี่สิบชั้นโดยไม่ห่วงภาพพจน์ กระนั้นท้ายที่สุดแล้วยังป้องกันไว้ไม่ได้…
ขายขี้หน้าจนศักดิ์ศรีไม่มีเหลือจริง ๆ!
ทว่าเขายังเพ้อฝันไปหน่อย…
อันหลานเสวี่ยไม่คิดจะปล่อยอู่เยว่ไปทั้งอย่างนี้ นางโกรธจริง ๆ แล้ว
หอกน้ำแข็งแทงทะลุเกราะทุกชิ้นบนตัวอู่เยว่ กระนั้นก็มิได้แทงต่อไป
อันหลานเสวี่ยโบกมือ เก็บหอกน้ำแข็งกลับ
“ข้าละอายยิ่ง สู้ท่านไม่ได้ ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ ขอบคุณแม่นาง!”
อู่เยว่กล่าว เขาคิดว่าอันหลานเสวี่ยเก็บหอกน้ำแข็งกลับหมายความว่า การต่อสู้นี้จบแล้ว
“ไม่ต้องขอบคุณ มันยังไม่จบ”
อันหลานเสวี่ยหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะคว้าแขนอู่เยว่ แล้วเหวี่ยงขึ้นเหวี่ยงลง ปิดท้ายด้วยการจับเขาทุ่มพื้น!
“ท่าน!”
อู่เยว่โมโหมาก แต่ต้านแรงไม่ได้เลย มือข้างนั้นของอันหลานเสวี่ยพันธนาการแขนเขาอย่างแน่นหนา เขาสลัดไม่ออก!
ตึง ตึง ตึง!
พื้นบนยอดเขาผ่านกระบวนการจัดการพิเศษของตระกูลซางมาแล้ว แข็งแรงไร้เทียมทาน อู่เยว่โดนทุ่มพื้นจนดูไม่ได้ ไม่เหลือเค้าโครงเดิม กระอักเลือดไม่หยุด ฟันหน้ายังโดนกระแทกจนหักหลุดออกไป!
บรรดาบุตรสวรรค์ได้เห็นภาพนี้เป็นต้องแข่งกันตาโต ไม่มีผู้ใดคาดถึงว่าอันหลานเสวี่ยผู้งดงามหมดจดจะรุนแรงได้ปานนี้!
แต่เพียงไม่นานพวกเขาก็เข้าใจ
อู่เยว่ปั่นหัวถึงเพียงนั้น ฟื้นพลังขอบเขตระหว่างต่อสู้ตามอำเภอใจ เป็นใครก็ทนไม่ไหว ที่อันหลานเสวี่ยโกรธถึงเพียงนั้นก็มีเหตุผล
ท้ายที่สุด อันหลานเสวี่ยระบายความโมโหจนหมดแล้ว จึงโยนอู่เยว่ไปด้านหนึ่ง
“ท่านออมมือให้แล้ว”
อันหลานเสวี่ยเอ่ยยิ้ม ๆ แล้วกลับไปยังที่นั่งของตน
อู่เยว่มีสภาพน่าสังเวชเป็นที่สุด หัวถูกกระแทกจนบวมเหมือนหัวหมู ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีตรงไหนที่ไม่ฟกช้ำ กระดูกในกายยังหักเป็นจำนวนมากอีกด้วย
เขาร้องไห้ออกมา ร้องไห้อย่างน่าอนาถ ไยตนต้องไปยุ่งกับอันหลานเสวี่ยด้วย กิตติศัพท์ที่สั่งสมมาทั้งชีวิตพังครืนที่นี่!
“เก่งมาก”
หลี่จิ่วเต้ายกนิ้วโป้งให้อันหลานเสวี่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
เขาเห็นทุกอย่าง อันหลานเสวี่ยอัดอู่เยว่อย่างหนัก เขาเห็นแล้วก็รู้สึกสะใจ ซ้ำยังรู้สึกว่าได้ระบายอารมณ์อย่างมาก
ชายหนุ่มยังคิดในใจอยู่เลยว่าอู่เยว่ผู้นี้ไยต้องอวดเก่งด้วย ทีแรกนึกว่าอีกฝ่ายเก่งนักเก่งหนา ผลสุดท้ายก็ดีแต่เปลือกนอก ภายในหาได้มีความสามารถไม่
“ขอบคุณคุณชายที่ชม”
อันหลานเสวี่ยกล่าวยิ้ม ๆ ตัวนางเอกก็รู้สึกได้ระบายอารมณ์ ยามนี้จึงสาแก่ใจอย่างมาก!
…
ดินแดนฝอ
เขาญาณทรายพิภพ
นักรบพระโพธิสัตว์ทั้งแปดพาเณรน้อยกลับมาถึงเขาญาณ
“อมิตาภพุทธ นำตัวเขาไปขังไว้ที่ยอดเขาจิ่วฉง”
เสียงภิกษุดังขึ้น เงาพระปรากฏ ออกคำสั่งแก่นักรบพระโพธิสัตว์ทั้งแปด
“ยอดเขาจิ่วฉง!? เพราะเหตุใด!”
เณรน้อยตะโกนลั่น “พระสังฆราช เสี่ยวเต๋อจื่อผู้นี้ทำสิ่งใดผิดมหันต์เลยหรือ!”
เงาพระนั้นคือเงาของพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน
ทว่า เงานั้นกลับมิได้สนใจเณรน้อย ไม่นานนักก็สลายไป
เณรน้อยใจหายวาบ ตระหนักแล้วว่าเขาคงสร้างเรื่องไว้จริง ๆ
พระสังฆราชมิเคยล้อเล่นกับเขา!
ยอดเขาจิ่วฉง คือสถานที่ที่พุทธสาวกถูกนำตัวไปขังในกรณีทำผิด
เขาทำผิดสิ่งใด ไยพระสังฆราชถึงต้องจับเขาไปขังบนยอดเขาจิ่วฉง
หรือเพราะเขาชอบกินเนื้อดื่มสุรา ไม่ยอมปฏิบัติตนอยู่ในศีลในธรรม?
จะเป็นไปได้เยี่ยงไร!
พระสังฆราชเคยกล่าวต่อเขาว่า ทุกอย่างตามแต่ที่เขาต้องการ ถึงคราวตรัสรู้จักรู้แจ้งได้เอง ไม่มีการฝืนบังคับเขาไม่ว่าเรื่องใด
คง…เกิดเรื่องใหญ่แล้วจริง ๆ!
เขาไม่สบายใจอย่างมาก!