รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 367 เส้นทางเชื่อมตรงยุคโบราณ ประสานวิญญาณในกาลปัจจุบัน!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 367 เส้นทางเชื่อมตรงยุคโบราณ ประสานวิญญาณในกาลปัจจุบัน!
ช่างเป็นคนอาภัพ ทำดีกลับไม่ได้ดี
หลี่จิ่วเต้าปวดร้าวหัวใจ เขากลับมาถึงเมืองชิงซาน เด็ดดอกไม้ที่งดงามที่สุดในลานเก็บเอาไว้
เขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก หมายมั่นปั้นมือบรรเลงเพลงฉินอันไพเราะที่สุด เขาพกฉินของตนไปด้วย
จากนั้น เขาขี่ม้าขาวกลับไปยังเขาฉิน
หลิงอินรออยู่นาน เมื่อเห็นท่านเซียนแบกฉินไว้บนหลัง ในมือถือดอกไม้ผลิบานสะพรั่งงดงามนานาชนิดก็ซาบซึ้งเหลือคณา
ท่านเซียนดีกับนางมากจริง ๆ!
หลี่จิ่วเต้ากระโดดลงจากม้าขาว วางดอกไม้ไว้บนหลุมศพ
“สวรรค์มองเห็นทุกการกระทำของมวลมนุษย์ คนทำดีย่อมได้ดีในที่สุด ชีวิตนี้ไม่ได้ดี ย่อมได้ดีในชีวิตหน้า!”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยเสียงจริงจัง
เขาเชื่อเสมอว่าคนดีได้ดี สวรรค์ไม่มีทางทำร้ายคนดี ตอนนี้บุญนั้นอาจยังไม่สนอง ทว่าสุดท้ายแล้วย่อมต้องสำแดงออกมา
จากนั้น เขาวางฉินลง นิ้วขาวผ่องเรียวยาวเริ่มต้นบรรเลง
นี่คือเพลงฉินที่เขาประพันธ์ขึ้นใหม่ เขาตั้งชื่อว่า ‘คะนึงหา’ ทำนองค่อย ๆ ดังออกมา ไพเราะเนาะหู เรียกว่าเป็นเสียงสวรรค์คงไม่เกินไปนัก
ชายหนุ่มมีสมาธิใจจดใจจ่อ จิตใจไม่วอกแวก ตั้งใจบรรเพลงบทเพลงนี้
คล้อยตามการดังขึ้นของเสียงฉิน ม่านหมอกยุ่งเหยิงหลั่งไหลออกจากขอบฟ้า มิติบิดเบี้ยว ปรากฏหลุมดำแห่งหนึ่ง
หลุมดำนั้นลึกล้ำมองไม่เห็นที่สิ้นสุด วังเวงเย็นยะเยือก ทว่าผ่านไปไม่นาน ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นภายในหลุมดำ!
เส้นทางโบราณหลอมรวมขึ้นในนั้น!
ขณะเดียวกัน ความมืดมิดภายในหลุมดำหายไปเช่นกัน ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ปรากฏในนั้น
“นี่มัน!”
หลิงอินได้เห็นภาพนี้แล้วต้องสะท้านใจเหลือคณา
ท่ามกลางหลุมดำไกลโพ้น นางสัมผัสได้ถึงกฎแห่งกาลเวลาอันเปี่ยมล้น ราวกับหลุมดำเชื่อมทะลุปริภูมิเวลา!
เส้นทางโบราณยืดขยาย ภาพเหตุการณ์ภายในหลุมดำเกิดการเปลี่ยนแปลง
“สวรรค์ เชื่อมทะลุปริภูมิเวลาได้จริงหรือนี่!”
หลิงอินสะท้านใจถึงขีดสุด ไม่รู้ต้องใช้คำใดแสดงความตะลึงในใจนาง
นางติดตามข้างกายท่านเซียนมานานแล้ว เรียกได้ว่าสิ่งที่ได้พบได้เห็นน่าทึ่งเหลือแสน ใช่ว่าตะลึงกับสิ่งอื่นได้ง่าย ๆ
ทว่าภาพตรงหน้านี้ สร้างความตะลึงให้นางมหาศาล!
หลุมดำเชื่อมทะลุปริภูมิเวลาได้จริง ๆ คล้อยตามการยืดขยายของเส้นทางโบราณ นางรู้สึกถึงพลังปราณของยุคโบราณ ได้เห็นภาพในสมัยยุคโบราณ!
หัวใจของนางเต้นรัวเร็ว ท่านเซียนต้องน่าประหวั่นพรั่นพรึงปานใดถึงทำได้ขนาดนี้กัน ปริภูมิเวลายังเชื่อมทะลุได้ง่าย ๆ!
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว พลิกผันโลกทัศน์ของนางจนกลับตัลปัตร ผู้เป็นเซียนสยดสยองถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
เชื่อมทะลุปริภูมิเวลา ฝืนให้สายน้ำไหลย้อนกลับ พริบตาเดียวก็มาถึงยุคโบราณ สวรรค์ ไม่มีสิ่งใดที่ท่านเซียนทำไม่ได้จริง ๆ!
เส้นทางโบราณขยายต่อไปเรื่อย ๆ ลมหายใจของหลิงอินเริ่มถี่กระชั้น นางได้เห็นสิ่งใดหรือ?
นางได้เห็นลานเล็กแสนคุ้นเคยแห่งหนึ่ง!
ที่นั่นคือลานเล็กของเสี่ยวหยา!
เส้นทางโบราณยืดขยาย ตรงเข้าไปถึงลานเล็กของเสี่ยวหยา และทะลุผ่านเรือนไม้เข้าไปในตัวบ้าน
“จักรพรรดิบุปผา!”
หลิงอินเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน โทสะพลุกพล่านในใจคูณทวี นางได้เห็นจักรพรรดิบุปผาและได้เห็นเสี่ยวหยา!
เสี่ยวหยาตัวโชกเลือดล้มอยู่บนพื้น เพิ่งถูกจักรพรรดิบุปผาขุดกระดูกออกไป!
ทว่าเสี่ยวหยาก้าวสู่เส้นทางฝึกตน บำเพ็ญวิญญาณออกมาได้แล้ว วิญญาณของนางตั้งใจจะหนี กลับโดนจักรพรรดิบุปผารั้งไว้ จักรพรรดิบุปผาโหดเหี้ยมอำมหิต ไม่ให้โอกาสเสี่ยวหยาแม้แต่น้อย ถอนรากถอนโคน ทำลายวิญญาณเสี่ยวหยาจนสิ้นซาก
ทว่าในตอนนั้นเอง พลังประหลาดบางอย่างไหลเวียนอยู่ในเส้นทางโบราณ เศษธุลีของวิญญาณเสี่ยวหยาที่ควรถูกทำลายไปแล้วกลับค่อย ๆ ถูกดูดกลืนเข้าไปในเส้นทางโบราณ
จากนั้น วิญญาณของเสี่ยวหยาก็ประสาน กลับคืนสู่ร่างวิญญาณสมบูรณ์ ปราศจากรอยขีดข่วน!
‘นี่มันวิชาอะไรกันนี่!!!’
หลิงอินร้องตะโกนในใจ เส้นทางโบราณแทบเสยหน้าจักรพรรดิบุปผาอยู่แล้ว แต่จักรพรรดิบุปผากลับไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของเส้นทางโบราณสักนิด!
และที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ หลังจากวิญญาณของเสี่ยวหยาประสานเสร็จสิ้น เส้นทางโบราณเริ่มหดกลับคืน และพาวิญญาณของเสี่ยวหยาจากยุคโบราณมายังที่นี่!
เชื่อมทะลุปริภูมิเวลายังไม่พอ ประสานวิญญาณเสี่ยวหยาที่ถูกทำลายจนสูญสลายซ้ำยังพากลับมาจากยุคโบราณยังยุคปัจจุบันได้อีกด้วย!
สวรรค์ ฝีมือเยี่ยงนี้เหลือเชื่อเกินไปแล้ว!!!
ท่านเซียนน่ากลัวยิ่งนัก!
เส้นทางโบราณเชื่อมตรงถึงหลุมศพของเสี่ยวหยา วิญญาณของเสี่ยวหยาก้าวเดินจากเส้นทางโบราณจนมาอยู่ตรงหลุมศพ ก่อนจะเข้าไปในหลุมศพ
หลิงอินเห็นดอกไม้ที่ท่านเซียนนำมาจากบ้านโบกไสวทันทีที่วิญญาณเสี่ยวหยาเข้าไปในหลุมศพ พลังมวลแล้วมวลเล่าหลั่งไหลเข้าไป
นางรีบโคจรพลังมากระจุกอยู่ที่ดวงตา หมายจะมองทะลุเข้าไปว่าเกิดสิ่งใดขึ้นในหลุมศพ
ภายในหลุมศพ วิญญาณของเสี่ยวหยาผสานเป็นหนึ่งกับกระดูก และหลังจากพลังของดอกไม้หลั่งไหลเข้าไปในหลุมศพ นางได้เห็นเลือดเนื้อค่อย ๆ งอกเงยขึ้นจากกระดูก!
ท่านเซียนทำได้แล้ว เสี่ยวหยาคืนชีพแล้วจริง ๆ!
นางตื้นตันใจจนพูดไม่ออก สายตาที่มองจ้องท่านเซียนเปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้ง!
เมื่อใดที่เลือดเนื้อของเสี่ยวหยางอกเงยครบถ้วน เสี่ยวหยาจักถือกำเนิดขึ้นใหม่อีกครั้ง!
เพลงฉินเนิบนาบสะท้อนก้องไกล ค่อย ๆ ดำเนินมาถึงบทสุดท้าย หลุมดำและเส้นทางโบราณ ณ เส้นขอบฟ้าก็สลายหายไปทีละน้อย
สิ้นลำนำสุดท้าย ขอบฟ้าคืนสู่ความสงบ ราวกับไม่เคยมีเรื่องใดเกิดขึ้น
หลี่จิ่วเต้าลุกขึ้น หันมองหลุมศพพลางกล่าว “เจ้าเป็นเด็กสาวจิตใจดี ชีวิตหน้าย่อมต้องเปี่ยมล้นไปด้วยบุญวาสนาอันสูงส่ง ข้าเชื่อในข้อนี้”
“ขอบคุณคุณชาย!”
หลิงอินขอบคุณจากใจจริง
หลี่จิ่วเต้าคิดว่าหลิงอินขอบคุณเขาที่บรรเลงเพลงฉินและนำดอกไม้มาให้ จึงคลี่ยิ้มและเอ่ยขึ้น “สมควรทำอยู่แล้ว”
คำว่า ‘สมควรทำอยู่แล้ว’ ยิ่งสร้างความซึ้งใจให้หลิงอินเข้าไปใหญ่
นางมีดีกระไรท่านเซียนถึงทำเพื่อนางปานนี้!
ท่านเซียนดีกับนางเหลือเกิน!
“มีเรื่องกวนใจอย่าได้ปิดบังซุกซ่อน แม่ของเจ้าเป็นห่วงเจ้ามาก นึกว่าเจ้าพบเจอเรื่องคิดไม่ตกเสียอีก จำไว้ จากนี้ไปหมั่นพูดคุยกับแม่ของเจ้า อย่าให้แม่ของเจ้าต้องพะวักพะวงเรื่องเจ้านัก”
หลี่จิ่วเต้ากล่าว
“หา?”
เริ่มแรกหลิงอินตั้งตัวไม่ทัน ทว่าจากนั้นนางถึงได้สติ
คิดแล้วหลายวันมานี้นางมัวแต่จมปลักอยู่ในความตรอมตรมจากเรื่องเสี่ยวหยา กลับละเลยท่านแม่ของนาง จนท่านแม่ของนางคิดมาก เป็นห่วงนางในใจ
นางไม่สมควร…ทำตัวเช่นนี้เลย!
“ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว!”
หลิงอินเอ่ยด้วยสีหน้าขึงขัง
นางทะนุถนอมมารดาในชาตินี้ยิ่ง จากนี้ไป นางจะไม่ทำให้ท่านแม่ต้องพะวักพะวงเรื่องนางอีกแล้ว
…
อาณาจักรเหนืออาณาจักร ท่ามกลางดินแดนมืดมิด ปราศจากแสงแดด
ที่นี่สยดสยองขนลุกขนพองยิ่งยวด ในส่วนลึกของดินแดนแห่งนี้ มีโซ่เหล็กมหึมาหนาเท่าขุนเขาสี่เส้นตรึงยักษ์ตนหนึ่งไว้
ทีแรกยักษ์ตนนี้หลับตาสนิท ทันใดนั้น เขาก็ลืมตาขึ้น ตัวสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง โซ่เหล็กที่คอยตรึงร่างสั่นสะเทือนจนส่งเสียงดังไม่หยุด!
“เสี่ยวหยา!”
เขาปริปาก เสียงแหบแห้งเหลือแสน น้ำตารินไหลหยดลงบนพื้น กระแทกรุนแรงจนเกิดเป็นหลุมแล้วหลุมเล่าประหนึ่งอุกกาบาต
“พี่ชายทำผิดต่อเจ้า!”
เขาคำรามเสียงกราดเกรี้ยว ร่างกายดีดดิ้นรุนแรงยิ่งขึ้น โซ่เหล็กสั่นคลอนอย่างหนัก เขาคิดจะดิ้นให้หลุดจากโซ่เหล็กที่พันธนาการตัวเองอยู่นี้
ทว่าโซ่เหล็กแข็งกล้าไร้ใดเปรียบ ไม่ว่าเขาดิ้นรนอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด!
“ข้าต้องไปหาเสี่ยวหยา!”
เขาคำรามอีกครั้ง สะบัดตัวสุดฤทธิ์ เริ่มมีขนสีแดงน่าพิศวงงอกตามตัวเป็นวงกว้าง ดวงตาสองข้ามแดงก่ำขึ้นมา
พลังที่เขาปะทุออกมาได้ทวีความแกร่งกล้า!
แต่ยังไม่ไหว
โซ่เหล็กยังคงมัดตรึงเขาไว้แน่น ไม่มีร่องรอยชำรุดสักนิด