รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 368 ขนสีแดงพิศวงงอกเต็มตัว เจ้าพวกนี้คือตัวอะไรกันนี่!?
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 368 ขนสีแดงพิศวงงอกเต็มตัว เจ้าพวกนี้คือตัวอะไรกันนี่!?
หลังจากขนสีแดงพิศวงงอกเงยเต็มตัว ราวกับยักษ์ตนนั้นสูญเสียสติไปทั้งหมด สภาพของเขาราวกับฟั่นเฟือน เสียงคำรามกราดเกรี้ยวที่ส่งออกมาไม่เหมือนเสียงมนุษย์อีกต่อไป หากแต่เหมือนเสียงสัตว์อสูรมากกว่า
“สัมปชัญญะยังไม่หายไปโดยสิ้นเชิงหรือ”
สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งปรากฏตัวออกมาอย่างไร้สุ้มไร้เสียง
หมอกแดงพิศวงปกคลุมทั่วตัว ดูไม่ออกว่าเป็นสิ่งมีชีวิตเผ่าใด
“ไม่เป็นไร ยังมีเวลา”
มันเอ่ยเสียงเรียบ
เมื่อทอดสายตาไปที่อื่น ก็จะพบว่าในดินแดนแห่งนี้มิได้มียักษ์ถูกมัดไว้เพียงตนเดียว ลองนับดูลวก ๆ ก็มียักษ์ที่ถูกมัดตัวไว้เกือบร้อยตนแล้ว
ซ้ำยังมีสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาตัวอื่นถูกมัดไว้จำนวนคณานับเช่นกัน เกือบร้อยเท่ากัน
ไม่ว่าจะเป็นยักษ์หรือสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาตนอื่น ล้วนมีขนแดงพิศวงขึ้นอยู่เต็มตัว ดูน่าพรั่นพรึงอย่างยิ่ง!
…
ณ แดนบูรพาทิศ เหยียนโจว ดินแดนหยิน
ภายในเขาฉิน
เวลาล่วงเลยผ่านไปเรื่อย ๆ หนึ่งเดือนหลังจากนั้น หลิงอินยังคงเฝ้าอยู่ที่นี่ทุกเมื่อเชื่อวัน รอคอยการกำเนิดใหม่ของเสี่ยวหยา!
ในที่สุด วันนั้นเอง หลุมศพของเสี่ยวหยาเริ่มมีปรากฏการณ์ประหลาด ลำแสงเจิดจรัสมากมายทิ่มแทงออกจากหลุมศพ!
ตู้ม!
จากนั้นหลุมศพแหลกลาญ โลงศพซึ่งมีประกายนุ่มนวลห่อหุ้มอยู่เหินออกมา
โลงศพตั้งตรงแนวดิ่ง ประกายกระพริบวูบวาบไม่หยุด ฝาโลงเปิดออก เผยให้เห็นเด็กสาวดวงหน้าวิจิตรงดงาม ร่างระหงคนหนึ่ง
ผิวของเด็กสาวขาวนวลประดุจเด็กแรกเกิด ผมยาวดกดำสยายลงมาตามไหล่ ตาปิดสนิท
“เสี่ยวหยา!”
หลิงอินตื้นตันจนแทบร่ำไห้ ในที่สุดนางก็ได้พบเสี่ยวหยาอีกครั้ง!
ขนตาหนาเป็นแพของเสี่ยวหยากระเพื่อม เปลือกตาค่อย ๆ ลืมขึ้น
นางลืมตา นัยน์ตากระจ่างใสสกาวประหนึ่งหินอัคนี ดวงตากลมโตของนางกะพริบปริบ ๆ จ้องมองหลิงอิน พึมพำกับตัวเอง “ข้าฝันไปหรือ ต่อให้เป็นความฝันก็ยังดี ข้าได้พบท่านอาจารย์อีกแล้ว! ท่านอาจารย์ ท่านรู้หรือไม่ว่า หลังท่านจากไปเสี่ยวหยาคิดถึงท่านมากเพียงใด!”
นางเอ่ยต่อ “ท่านอาจารย์ ท่านรู้หรือไม่ว่าเสี่ยวหยาพานพบคนเช่นไรหลังจากนั้น นางโหดเหี้ยมเหลือเกิน คิดจะขุดกระดูกของข้า บอกว่ากระดูกของข้าช่วยให้นางแข็งแกร่งขึ้นได้! ขุดกระดูกนั้นเจ็บเหลือเกิน เจ็บจนเสี่ยวหยาทนไม่ไหว แต่นางไม่ยอมให้เสี่ยวหยาหมดสติ ใช้พลังประคองสติของเสี่ยวหยาไว้ตลอด ให้เสี่ยวหยาต้องทนมองนางขุดกระดูกของเสี่ยวหยาออกไปทีละน้อย…”
“เสี่ยวหยาไม่โทษนาง บางทีนางคงต้องการกระดูกของข้าจริง ๆ กระมัง แต่ข้าขอร้องนางให้นำศพของข้าไปด้วย อย่าให้พี่ชายกลับมาเห็นว่าข้าตายแล้วต้องเสียใจ”
เสี่ยวหยาเอ่ยเศร้าสร้อย “แต่นางมิได้รับปากเสี่ยวหยา…เสี่ยวหยาไม่รู้ว่าหลังจากนั้นพี่ชายกลับมาหรือไม่ เสี่ยวหยาไม่อยากให้พี่ชายกลับมา เช่นนั้นพี่ชายคงเสียใจ…”
นางมองหลิงอินขณะกล่าวต่อ “แปลกเสียจริง ตายไปแล้วยังฝันได้อีกหรือ”
หลิงอินได้ยินเรื่องราวที่เสี่ยวหยาเล่าแล้วปวดใจเหลือแสน
นางเอ่ยเสียงสะอื้นไห้ “ไม่เป็นไรแล้วเสี่ยวหยา เรื่องราวทั้งหมดผ่านพ้นไปแล้ว เจ้ามิได้ฝันไป และเจ้าก็มิได้ตาย เจ้าคืนชีพกลับมาอีกครั้ง!”
“หา?”
เสี่ยวหยาก้าวออกจากโลงศพ มองดูร่างกายของตน ดูเหมือนว่านางยังไม่ตายจริง ๆ
“ท่านอาจารย์ช่วยข้าไว้หรือ”
นางถามหลิงอิน
หลิงอินหยิบอาภรณ์ชุดหนึ่งสวมให้เสี่ยวหยา ก่อนจะกล่าวว่า “อาจารย์มิได้ช่วยเจ้า เป็นเซียนท่านหนึ่งต่างหากที่ช่วยเจ้าไว้!”
“ท่านเซียนหรือ? ทั้งหมดนี้แค่ฝันไปจริง ๆ ด้วย ไหนท่านอาจารย์บอกว่าโลกนี้ไม่มีเซียนมิใช่หรือ”
เสี่ยวหยาเอ่ยเสียงผิดหวัง “แม้แต่ในฝันเหตุการณ์ยังย้อนแย้งได้อีกหรือ หรือที่คือฝันก่อนตายของข้า”
“เด็กโง่ ในอดีตที่อาจารย์กล่าวว่าโลกนี้ไม่มีเซียนเป็นเพราะอาจารย์ยังด้อยความรู้ ประสบการณ์น้อยเกินไป! ในโลกนี้มีเซียน ซ้ำยังอยู่ข้างกายอาจารย์อีกด้วย!”
หลิงอินเล่าทุกอย่างให้เสี่ยวหยาฟัง บอกเสี่ยวหยาว่ายามนี้มิใช่ยุคโบราณแล้ว ตอนนี้ได้ผ่านไปแล้วสองยุคสมัย
“จริงหรือ?”
เสี่ยวหยาเชื่อครึ่งมิเชื่อครึ่ง เป็นเพราะคำบอกเล่าของหลิงอินเพ้อฝันเกินไป น่าเหลือเชื่อถึงขีดสุด!
นางจบชีวิตในยุคโบราณ ผ่านไปแล้วสองยุคสมัยยังคืนชีพได้อีกหรือ
ท่านเซียนก็คงไม่เก่งกาจเยี่ยงนี้หรอกกระมัง!
“จริง ไปกันเถิด เรากลับบ้านกัน ระหว่างทางข้าจะเล่าทุกเรื่องให้เจ้าฟังอย่างละเอียดอีกที”
หลิงอินพาเสี่ยวหยากลับไปยังเมืองชิงซาน
…
ภาคกลาง เหยียนโจว ดินแดนหยิน
เขาหยงหมิง
“ว่ากระไร! คนกลุ่มนั้นเป็นตัวปลอม มิได้มาจากยอดนิกายหรอกหรือ!”
“บ้าชะมัด พวกเราโดนหลอกกันหมด!”
ยอดฝีมือจากลัทธิจักรพรรดิ ตระกูลจักรพรรดิอย่างลัทธิเจี๋ยเทียน ตระกูลอู่ได้รับข่าวมาว่า มีสมาชิกตัวจริงของยอดนิกายปรากฏตัวในจวินโจว และระบุชัดเจนว่าจวินโจวต่างหากคือสถานที่สำคัญ!
พวกเขาอึ้งกันหมด ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างเข้าใจว่ากลุ่มของเซี่ยเหยียนมาจากยอดนิกาย สุดท้ายแล้วสมาชิกยอดนิกายที่แท้จริงโผล่ออกมาสยบข่าวลือ พร้อมบอกว่าก่อนหน้านี้ยอดนิกายไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน ไม่มีเหตุการณ์ที่ว่าสมาชิกยอดนิกายอยู่ในโลกภายนอก
“ผู้อาวุโสเก้า ท่านว่าอย่างไร”
“ไหนท่านบอกว่าพวกเขามาจากยอดนิกายมิใช่หรือ”
พวกเขาบุกมาหาผู้อาวุโสเก้าตระกูลซางด้วยความโมโห รู้สึกเหมือนพวกตนถูกผู้อาวุโสเก้าตระกูลซางหลอก
“หา พวกเขาไม่ใช่หรอกหรือ”
ผู้อาวุโสเก้าตระกูลซางหัวเราะแห้ง “ข้าเองก็ไม่ทราบ ข้าเองเหมือนกับทุกท่าน หลังได้เห็นความน่าทึ่งของพวกเขาจึงทึกทักเอาว่าพวกเขาคือสมาชิกยอดนิกาย ส่วนรายละเอียดยิบย่อยข้ามิกล้าถาม…”
เขาได้รับข่าวมาเช่นกัน
ที่จวินโจวมีสมาชิกยอดนิกายตัวจริงปรากฏ และบรรพชนของพวกเขาเคยเข้าร่วมสงครามคราวยุคโบราณ ตัวตนไม่เป็นที่กังขา
“บัดซบ! พวกเราเดาผิดกันหมด! บางทีเบื้องหลังพวกเขาอาจมิได้มียอดนิกาย อาจมีภูมิหลังดาด ๆ บางทีแค่บังเอิญได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น!”
“ยอดนิกายที่แท้จริงออกมาปฏิเสธข่าวลือแล้ว บางทีภูมิหลังของพวกเขาอาจไม่น่ากลัวอย่างที่พวกเราคิดจริง ๆ!”
ยอดฝีมือลัทธิเจี๋ยเทียนพากันเอ่ย
ระบอบวิถีที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงที่สุดในใต้หล้านี้เห็นจะไม่พ้นบรรดายอดนิกาย ในเมื่อสมาชิกยอดนิกายตัวจริงออกมาปฏิเสธข่าวลือว่าพวกเซี่ยเหยียนมิใช่ สะท้อนให้เห็นว่าพวกเขาคาดการณ์ผิดไปหมดอย่างไม่ต้องสงสัย
หากเบื้องหลังพวกเซี่ยเหยียนมีระบอบวิถีอันน่าสะพรึงอยู่จริง สมาชิกยอดนิกายตัวจริงคงไม่ต้องออกมาสยบข่าวลือ
ถึงอย่างไรระบอบวิถีที่น่ากลัวถึงปานนั้นก็พอให้เทียบเคียงยอดนิกายแล้ว!
และระบอบวิถีอันน่าสะพรึงนี้ไม่มีทางไม่มีข่าวคราวเล็ดลอดอกมา และไม่มีทางที่แม้กระทั่งยอดนิกายยังไม่รู้จัก
เท่านี้ก็พิสูจน์แล้วว่าเบื้องหลังพวกเซี่ยเหยียนมิได้มีระบอบวิถีน่ากลัวหนุนหลัง ส่วนความน่าทึ่งส่วนตัวนั้นก็มิใช่สิ่งประทานจากระบอบวิถีเบื้องหลัง เป็นไปได้สูงว่ากลุ่มของเซี่ยเหยียนมีโอกาสได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงสะท้านโลกา!
ปูมหลังดาด ๆ หรือ?
ผู้อาวุโสเก้าตระกูลซางได้ยินดังนั้นแล้วนึกขันในใจ
ปูมหลังดาด ๆ ที่ไหนกันเล่า?
มีแต่ปูมหลังที่น่าพรั่นพรึงยิ่งขึ้น!
นั่นเป็นถึงท่านเซียนเชียวนะ!
“ไม่มีปูมหลังใดหรือ”
หานเยว่และแม่เฒ่าตระกูลหานลอบหัวเราะในใจ
นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุดที่พวกนางได้ยินมา
จะมิให้พวกนางยินดีได้เยี่ยงไร
แต่เดิมตระกูลหานของพวกนางสิ้นหวังไปแล้ว รอเพียงยอดนิกายเบื้องหลังพวกเซี่ยเหยียนตามมาสะสางกับพวกนาง
ผลสุดท้ายกลับเป็นพวกนางที่คิดเยอะเกินไป
เบื้องหลังพวกเซี่ยเหยียนมิได้มีระบอบวิถีอันน่าสะพรึงแต่อย่างใด!
นั่นหมายความว่าตระกูลหานของพวกนางไม่เป็นไรแล้ว!