รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 378 พฤติกรรมเลียฝาโยเกิร์ต? เสน่ห์ของเครื่องดื่มแสนอร่อยเป็นแบบเดียวกันหมดสิท่า!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 378 พฤติกรรมเลียฝาโยเกิร์ต? เสน่ห์ของเครื่องดื่มแสนอร่อยเป็นแบบเดียวกันหมดสิท่า!
ณ เมืองชิงซาน
ภายในลานเล็กของหลี่จิ่วเต้า
เขากำลังรำมวย ยืดเส้นยืดสาย หลิงอินพาเสี่ยวหยาเข้ามาในตอนนั้น
“คุณชายซ้อมมวยอยู่หรือ”
หลิงอินคลี่ยิ้ม สะท้อนใจว่าท่านเซียนอยู่ในระดับเกินหยั่งจริง ๆ ลำพังเพลงมวยที่ร่ายรำโดยไม่ตั้งใจยังเปี่ยมไปด้วยจังหวะแห่งเต๋าอันสูงส่ง เข้าร่องเข้ารอยอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับตัวเขาเองคือผู้ตั้งกฎ น่าทึ่งเหลือคณา
อีกด้าน เสี่ยวหยายิ่งสะท้านใจเข้าไปใหญ่
ตั้งแต่เข้ามาในร้าน นางก็สะท้านใจมิได้พัก ต่อให้หลิงอินได้บอกนางไว้ก่อนแล้วว่าท่านเซียนน่าทึ่งและเหนือจินตนาการปานใด
ทว่าเมื่อนางได้ประจักษ์ทุกอย่างด้วยตาตัวเอง ก็ยังไม่อาจสงบใจได้อยู่เนิ่นนาน ตกตะลึงอย่างยิ่งยวด
ภาพอักษร รูปปั้นหยก ทุกสิ่งทุกอย่างในลานเล็ก เพลงมวยของท่านเซียน…ทั้งหมดนี้ล้วนสูงส่งไม่ธรรมดา
“ใช่ อยู่ว่าง ๆ จึงออกกำลังกายเสียหน่อย”
หลี่จิ่วเต้าเก็บหมัด หันมาเห็นเสี่ยวหยา
เสี่ยวหยารูปร่างสะโอดสะอง หน้าตาใสซื่อ ดวงตากลมโตสุกสกาว ดูเหมือนน้องสาวข้างบ้านผู้มีจิตใจดี
“คนผู้นี้คือ?”
เขาถามหลิงอินด้วยความแปลกใจ
นี่คือคนที่ท่านเซียนคืนชีพให้อย่างไร ท่านเซียนไม่ทราบหรือ
จะเป็นไปได้อย่างไร…
หลิงอินหัวเราะในใจ นางติดตามท่านเซียนมานาน รู้ว่านี่คือวิสัยปกติของท่านเซียน ทั้งที่ท่านเซียนล่วงรู้ทุกอย่าง ตั้งแต่อดีตกาลยันปัจจุบัน กระนั้นไม่เคยพูดชี้ชัดสักครั้ง
ในเรื่องนี้ นางคิดได้แต่แรก
หญิงสาวจึงเอ่ยขึ้นว่า “นี่คือญาติทางไกลคนหนึ่งของข้า มีนามว่าเสี่ยวหยา ชื่นชอบการบรรเลงฉินมากเช่นกัน พรสวรรค์ไม่เลว ข้าจึงพานางมาพบคุณชาย”
“สวัสดีคุณชาย!”
เสี่ยวหยาสง่ามารยาทงามขณะกล่าวทักทายท่านเซียน
นางสะท้อนใจเหลือแสนเช่นกัน มีเพียงท่านเซียนเหนือจินตนาการเช่นนี้ถึงสามารถฝืนกฎพื้นฐาน คืนชีพให้นางได้
อย่างที่รู้ว่านางตายไปตั้งแต่เมื่อคราวยุคโบราณแล้ว
ห่างกันถึงสองยุคสมัยแต่ยังฟื้นคืนชีพนางกลับมาได้ ฝีมือระดับนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน นับว่าน่าตกใจยิ่ง!
นางนึกถึงพี่ชายของตน
ก่อนนี้นางเคยถามหลิงอิน ในเมื่อท่านเซียนคืนชีพนางได้ ก็คงคืนชีพพี่ชายของนางได้ใช่หรือไม่
นางอยากให้ท่านเซียนคืนชีพพี่ชายของนางด้วย
ยุคโบราณผ่านมาแล้วนานโข นางคิดว่าพี่ชายของตนเองตายไปแล้ว
ทว่าตอนนั้นหลิงอินได้ปรามนางไว้อย่างจริงจัง ห้ามมิให้เรียกร้องเช่นนี้กับท่านเซียนเด็ดขาด
ครานั้น หลิงอินกล่าวว่า ถึงแม้ท่านเซียนแข็งแกร่งไร้เทียมทาน ขอบเขตพลังลึกล้ำเกินหยั่ง ทว่าการคืนชีพผู้อื่นเป็นเรื่องฝืนกฎสวรรค์ ซ้ำร้ายยังเป็นการคืนชีพแก่ผู้ที่ตายมาแล้วนมนาน
เรื่องแบบนี้ย่อมเกี่ยวพันถึงบ่วงกรรม มีราคาสูง!
นางก้าวสู่เส้นทางฝึกตนแล้วเช่นกัน จึงรู้ว่าสิ่งที่หลิงอินว่ามานั้นไม่ผิด
สรรพสิ่งล้วนขับเคลื่อนด้วยกฎแห่งกรรมที่มองไม่เห็น ปุถุชนเป็นเช่นนี้ ผู้ฝึกตนก็เป็นเช่นนี้
นอกจากนี้ บ่วงกรรมของผู้ฝึกตนยังรุนแรงยิ่งกว่าปุถุชนเสียอีก
ในตอนนั้นเอง นางตัดใจเรื่องขอให้ท่านเซียนคืนชีพพี่ชายของนาง
ท่านเซียนคืนชีพนางได้ ถือเป็นวาสนาสูงสุดของนางแล้ว ท่านเซียนแบกรับไว้หลายอย่างเพื่อนาง นางไม่อาจเห็นแก่ตัวถึงปานนั้น ขอให้ท่านเซียนคืนชีพพี่ชายของนางอีก
หากทำเช่นนั้น นางคงนิสัยเสียแย่…
“สวัสดี”
หลี่จิ่วเต้าพยักหน้าให้เสี่ยวหยา ยิ้มบางพลางเอ่ย “มาสิ นั่งสนทนากันตรงนี้”
ลานสองแห่งทุบทะลุถึงกัน พื้นที่กว้างขึ้น หลี่จิ่วเต้าจึงสร้างศาลาเล็ก ๆ ไว้ในลาน
เขาบอกให้หลิงอินและเสี่ยวหยานั่งก่อน
ส่วนเขาไปเทชานมสองแก้วให้หลิงอินและเสี่ยวหยาที่ห้องครัว
เด็กผู้หญิง ย่อมชอบดื่มชานมมากกว่า โชคดีที่บ้านเขามีนมอยู่จำนวนหนึ่ง จึงชงชานมมาสองแก้ว
ทว่าโลกนี้แตกต่างจากดาวเคราะห์สีฟ้า คนในโลกนี้มิใคร่ดื่มนมเท่าใด ไม่มีขายด้วยซ้ำ
“ชานม…?”
ใบหน้าเสี่ยวหยาแดงระเรื่อด้วยความขวยเขิน ตั้งแต่หย่านมมา นางก็ไม่เคยดื่มนมอีกเลย…
นอกจากนี้นางประหลาดใจด้วยว่านมนั้นผสมดื่มกับชาได้ด้วยหรือ?
นางได้ยินท่านเซียนกล่าวว่านี่คือเครื่องดื่มที่ผสมนมกับชาเข้าด้วยกัน
“นมอร่อยมาก อีกทั้งมีประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นของบำรุงชั้นดี! นอกจากนี้ นมยังปรุงเป็นอาหารเลิศรสได้มากมาย อย่างเช่นขนมเนย (เค้ก) ซวนไหน่ก้อน (โยเกิร์ตก้อน) น่าเสียดาย แม่วัวบ้านตาลุงอู๋ตายไปแล้ว ไม่อย่างนั้นข้ายังทำขนมเนยให้พวกเจ้ากินได้อีกด้วย”
หลี่จิ่วเต้าพูดอย่างนึกเสียดาย
ตาลุงอู๋รู้ว่าเขาชอบดื่มนม จึงส่งนมมาให้เขาอยู่บ่อย ๆ
ทว่าเช้าวันนี้ ตอนตาลุงอู๋ส่งนมมาให้เขาได้บอกเขาว่าแม่วัวในบ้านตาย ต้องหยุดส่งนมไปพักหนึ่ง รอให้แม่วัวน้อยโตเต็มวัยแล้วถึงส่งนมมาให้เขาได้ใหม่
นี่คือความชอบส่วนตัวของท่านเซียนหรือ
เสี่ยวหยาคิดในใจอย่างอดไม่ได้
มีผู้ใหญ่ดื่มนมที่ไหนกัน เด็กอายุไม่กี่ขวบก็เลิกดื่มกันแล้ว…
“ข้าไม่อยากดื่ม…”
นางร้องไห้ในใจ รู้สึกอับอายเต็มประดา ไม่อาจทำใจดื่มชานมลงไปได้จริง ๆ
แม้ว่าดมกลิ่นแล้วหอมใช้ได้ ทว่านางยังมีปมในใจ…
ขาดแคลนนมหรือ
ความคิดในใจของหลิงอินกลับแตกต่างจากเสี่ยวหยา
นางจดจำไว้ในใจ
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ “ฮ่า ๆ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ลองชิมรสชาติดูเถิด ชานมเย็นแล้วคงไม่อร่อย”
หลิงอินไม่คิดมาก นางรู้ว่าฝีมือท่านเซียนล้วนแต่เยี่ยมยอด ชานมแก้วนี้ต้องอร่อยมากอย่างแน่นอน
ถึงแม้ก่อนหน้านี้นางเองก็ไม่เคยดื่ม แต่นางเชื่อในฝีมือท่านเซียน
ฝีมือท่านเซียนไม่เคยทำให้ผู้ใดผิดหวัง แต่ละอย่างล้วนน่าทึ่งเป็นที่สุด!
นางดื่มเข้าไปคำหนึ่ง ตามคาด กลิ่นหอมเข้มขนของนมบวกกับความหอมกลมกล่อมของใบชา ชานมแก้วนี้อร่อยยิ่ง!
อีกด้าน เสี่ยวหยายังต่อสู้กับตัวเองในใจ
นางข้ามปมในใจนั้นไม่ได้จริง ๆ
เฮ้อ ตายเป็นตาย ใครใช้ให้ท่านเซียนช่วยนางไว้ คืนชีพให้นางเล่า!
นางรวบรวมความกล้า จิบเข้าไปอึกหนึ่ง
ทันทีที่อึกนั้นเข้าปาก นางก็ตะลึงอึ้งไปหมด ตาโตประดุจลูกกระพรวน
นี่…นี่…นี่มันอร่อยเกินไปแล้ว!
สำหรับนาง นี่คือรสชาติอันใหม่เอี่ยม นางไม่รู้ควรอธิบายด้วยคำใด ความหอมหวานอบอวลอยู่ในปาก อร่อยจนนางรู้สึกว่านี่คือเครื่องดื่มที่อร่อยที่สุดในใต้หล้า!
สุราเซียนกลั่นก็ได้เท่านี้กระมัง!
นางคิดในใจ
เอ๊ะ นี่มิใช่สุราเซียนกลั่นหรอกหรือ
นี่คือฝีมือการปรุงของท่านเซียนนี่!
นางคิดในใจต่อ
อึก อึก!
นางดื่มรวดเดียวหลายอึก ประหนึ่งคนที่ขาดแคลนน้ำมาหลายวันในทะเลทราย ความเขินอายที่เคยมีในใจหายไปไหนก็ไม่รู้แล้ว!
“หอม…อร่อยยิ่ง!”
นางอดไม่ได้พูดออกมา รสชาติชวนระลึกยิ่ง ได้ดื่มแก้วหนึ่งแล้วยังอยากดื่มต่ออีกแก้ว
ท้ายที่สุด นางดื่มจนไม่เหลือสักหยด ซ้ำยังใช้ลิ้นเลียก้นถ้วยอีกด้วย
เลียฝาโยเกิร์ต?
หลี่จิ่วเต้าเห็นเสี่ยวหยาเลียก้นถ้วยแล้วพลันนึกถึงพฤติกรรมเลียฝาโยเกิร์ตของดาวเคราะห์สีฟ้า
เหมือนจริง!
เสน่ห์ของเครื่องดื่มแสนอร่อยเป็นแบบเดียวกันหมดสิท่า ไม่มีใครอยากปล่อยให้เสียของ
“อ๊ะ ขออภัยคุณชาย คุณชายต้องหัวเราะเยาะแล้ว ชานม…ชานมแก้วนี้อร่อยมาก!”
เสี่ยวหยาเห็นหลี่จิ่วเต้ากำลังมองนาง แก้มแดงก่ำในบัดดลประหนึ่งลูกผิงกั่วสุก
น่าอายเหลือเกิน!
นางรู้สึกขายหน้ายิ่ง อยากแทรกแผ่นดินหนีไปเสีย
ที่สำคัญคือชานมนี้อร่อยเหลือเกิน อร่อยจนนางไม่อยากปล่อยให้เสียของสักหยด อร่อยจนนางอยากดื่มต่อไปเรื่อย ๆ
อีกด้าน หลิงอินปิดปากหัวเราะเสียงเบา ท่าทางเช่นนี้ของเสี่ยวหยาตลกจริงเชียว