รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 397 มัจฉาสัตมายา ‘ต่อแต่นี้ไป ท่านคือพี่สาวของข้า!’
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 397 มัจฉาสัตมายา ‘ต่อแต่นี้ไป ท่านคือพี่สาวของข้า!’
ผู้อาวุโสสิบเจ็ดหมอบราบกับพื้น พลังปราณอ่อนบางจนเหมือนเทียนไขริบหรี่พร้อมดับทุกเมื่อ เขาบาดเจ็บหนักเกินไป เหลือวิญญาณอยู่เพียงเสี้ยวเดียว!
นั่นมันอะไรกัน!?
เขาหวาดหวั่นเหลือคณา ม่านแสงปรากฏ ปกคลุมเซี่ยเหยียนไว้ทั้งตัว กฎแห่งมหาเต๋าประสานกันอยู่บนนั้น ยามวิญญาณของเขากระแทกโดนแทบถูกทำลายราบคาบ!
หากมิใช่ว่าเขาไหวพริบดี วิญญาณเสี้ยวนี้ของเขาก็ไม่แน่ว่าจะหนีพ้น!
น่ากลัวเกินไปแล้ว น่ากลัวยิ่งกว่าคันศรวิเศษเสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่านางจะยังมีของวิเศษชั้นยอดเช่นนี้อยู่กับตัว!
ผู้อาวุโสสิบเจ็ดเศร้าสลดยิ่ง ใครจะไปคิดว่าเขาผู้เป็นถึงจ้าววิถีสูงสุดแห่งยอดนิกายกลับต้องพ่ายแพ้ให้กับราชันเทวาเล็ก ๆ อย่างเซี่ยเหยียน
“น่ารำคาญ ไม่จบไม่สิ้น ไม่ได้อยู่อย่างสงบเสียที!”
เซี่ยเหยียนเดินเข้ามา มองผู้อาวุโสสิบเจ็ดพลางกล่าว “ไปสิ นำทางไป ข้าจะไปคุยกับตระกูลไป๋ของพวกเจ้าให้รู้เรื่อง!”
มีหนึ่งแล้วไม่ควรมีสอง แม้ว่านางจะไม่กลัวตระกูลไป๋มาหาเรื่อง กระนั้นควรเป็นเช่นที่นางว่า เกิดเหตุการณ์แบบนี้บ่อย ๆ มันก็น่ารำคาญเกินไป
นางจะไปเยือนตระกูลไป๋สักคราเพื่อยุติเรื่องนี้
โหดถึงเพียงนี้เชียวหรือ!?
หลังได้ยินคำกล่าวของเซี่ยเหยียน ผู้อาวุโสสิบเจ็ดฉงนใจอยู่ว่าเขาฟังผิดไปหรือไม่
เซี่ยเหยียนมั่นใจในตัวเองปานนี้เชียว? ถึงขั้นจะบุกไปยังดินแดนตระกูลไป๋ของพวกเขาเลยหรือ!
ลมหายใจนี้ เขานึกหวั่นใจ รู้สึกเหมือนตัวเองมาหาเรื่องคนที่ไม่ควรหาเรื่อง…
เขามิกล้าไม่ทำตาม หยิบแท่นค่ายกลออกมา พาเซี่ยเหยียนไปยังตระกูลไป๋
เขาเองก็อยากกลับตระกูลไป๋ อย่างน้อยกลับถึงตระกูลไป๋แล้วเขายังมีโอกาสรอดมากขึ้น
หากไม่ยอมทำตาม เขาได้ตายแน่
แท่นค่ายกลคลี่ออก เซี่ยเหยียนกับผู้อาวุโสสิบเจ็ดก้าวเข้าไป มุ่งหน้าไปยังดินแดนตระกูลไป๋
“อนาถยิ่ง!”
“พังย่อยยับอีกแล้ว!”
ลูกศิษย์สำนักไท่หัวมองสิ่งปลูกสร้างที่ถล่มอยู่รอบ ๆ อิดหนาระอาใจเหลือแสน
แม้ว่าทุก ๆ ครั้งศัตรูตัวฉกาจจะถูกจัดการได้เสมอ กระนั้นสำนักไท่หัวของพวกเขาก็โดนหางเลขไปด้วยอย่างใหญ่หลวง หลังศึกใหญ่จบลง สิ่งปลูกสร้างที่ยังคงสภาพได้ในสำนักไท่หัวของพวกเขาไม่มาก แทบถูกทำลายไปหมดแล้ว
“เจ้าสำนัก เราไม่ต้องซ่อมแล้วดีหรือไม่ นี่เพิ่งซ่อมเสร็จได้ไม่กี่วันก็ถูกทำลายอีกแล้ว…”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งบอกกับเจ้าสำนักไท่หัวด้วยหน้าตาขมขื่น
ผู้ใดจะรู้ว่าหลังจากนี้ยังมีศัตรูตัวฉกาจมาอีกหรือไม่ ซ่อมไปก็เท่านั้น ในการต่อสู้ระดับนั้น สิ่งปลูกสร้างของสำนักไท่หัวแทบไม่เหลือสักแห่ง
“ไม่ซ่อมแล้วจะนอนในซากปรักหักพังหรือ! ซ่อมเดี๋ยวนี้!”
เจ้าสำนักถลึงตาใส่ผู้อาวุโสขณะกล่าว
…
ณ เมืองชิงซาน
ภายในลานเล็กของหลี่จิ่วเต้า
แมวน้อยสีขาวนอนหมอบอยู่ในลาน ตากแดดอย่างสบายอุรา อย่าให้พูดเลยว่าสุขกายสุขใจเพียงใด
ท่านเซียนไม่อยู่บ้าน ไปรักษาคนที่อื่น ในบ้านจึงเหลือนางอยู่ตัวเดียว
บุ๋ง บุ๋ง!
ภายในโอ่ง มัจฉาสัตมายาพยายามกระโดดกระเด้งไปมา หมายจะเรียกร้องความสนใจจากแมวน้อยสีขาว
มันฉลาดขึ้นแล้ว หวังให้ท่านเซียนแยแสมันดูจะเกินเอื้อมไป หากท่านเซียนอยากสนใจมัน คงคุยกับมันนานแล้ว ไม่ถึงขั้นที่จนป่านนี้ยังไม่เคยสนทนาสักคำ
นี่อย่างไร มันเปลี่ยนกลยุทธ์ คิดจะเอาใจแมวน้อยสีขาว ให้แมวน้อยสีขาวช่วยมัน!
แมวน้อยสีขาวเป็นที่โปรดปรานของท่านเซียน หากเอาใจแมวน้อยสีขาวได้ ชีวิตปลาของมันคงสบายไปเปราะหนึ่ง
ช่าง…อดสูจริง!
มัจฉาสัตมายานึกถึงเมื่อคราวเพิ่งมาที่นี่ ตอนนั้น แมวน้อยสีขาวยังไม่มีพลังใด ๆ ลำพังเกล็ดปลาของมันยังกัดไม่ทะลุ ตอนนี้เล่า แมวน้อยสีขาวเอาชีวิตมันได้สบาย ๆ!
ไม่ว่าจะด้วยสายเลือดหรือขอบเขตพลัง หรือพลังที่มีอยู่ แมวน้อยสีขาวในตอนนี้ก็เหนือกว่ามันมาก
‘ข้าเป็นถึงเผ่ามัจฉาจอมโหดแห่งเก้าอาณาจักรตอนบน เหตุใดยามนี้ถึงอนาถาเพียงนี้!’
ยิ่งคิดมัจฉาสัตมายายิ่งเศร้า ตอนนี้ยังต้องไปเอาอกเอาใจแมวน้อยสีขาวที่เคยด้อยกว่าเขามากโข
ทว่าเศร้าส่วนเศร้า ยังต้องพะเน้าพะนออยู่ดี
ผู้ใดตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับชะตาชีวิตของตนกันเล่า!
มันยังอยากมีชีวิตอยู่!
บุ๋ง บุ๋ง!
มันพยายามกระโจนสุดฤทธิ์ กระโจนอยู่นาน จนในที่สุด มันก็เรียกร้องความสนใจจากแมวน้อยสีขาวมาได้
“โอ้ ยังมีชีวิตอยู่หรือนี่!”
ลั่วสุ่ยมองมัจฉาสัตมายา รู้สึกประหลาดใจโดยแท้ ผ่านมาตั้งนาน ปลาตัวนี้ยังมีชีวิตอยู่อีกหรือ
นางจำมัจฉาสัตมายาได้ ไฉนเลยจะลืมลง
นี่คือปลาตัวแรกที่ท่านเซียนตกมาให้นาง ครานั้น นางกัดเข้าไปหนึ่งคำ ฟันแทบหัก!
นับเวลาดู นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว นางคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่ามัจฉาสัตมายาตัวนี้ยังมีชีวิตอยู่
ลั่วสุ่ยเกิดความสนใจ ร่างทั้งร่างกระโดดไปอยู่ตรงโอ่ง จับมัจฉาสัตมายาขึ้นมา
“ใช้ได้ ๆ ดวงแข็งดีนี่นา”
นางมองมัจฉาสัตมายา อุทานไม่ขาดปาก ปลาในโอ่งตายไประลอกแล้วระลอกเล่า มัจฉาสัตมายากลับยืนหยัดมาได้ถึงตอนท้ายสุด ต้องยอมให้อีกฝ่ายจริง ๆ!
“พี่ชายแมว ให้โอกาสกันสักครั้ง!”
หลังออกจากโอ่งน้ำมาได้ พลังสะกดก็คลายลง มัจฉาสัตมายารีบพูดประจบทันที
“พี่ชายแมวกระไร ข้าคือพี่สาวแมวของเจ้า!”
ลั่วสุ่ยตบเข้าที่หัวของมัจฉาสัตมายา นึกในใจว่ามัจฉาสัตมายาตัวนี้หัวไม่ค่อยแหลมนัก มาถึงก็เรียกผิดเสียแล้ว
“ข้าตื่นเต้นเกินไป! พี่สาวแมวอย่าโกรธไปเลย!”
มัจฉาสัตมายารีบบอก มันตื่นเต้นมากไปจริง ๆ ถึงได้ปากพล่อย เกือบก่อความผิดมหันต์
“พี่สาว พี่สาวแมว เรารู้จักกันมานานแล้วใช่หรือไม่ ให้โอกาสกันสักครั้งเถิด”
มันรีบบอก
อุตส่าห์ได้คุยกับลั่วสุ่ยแล้ว มันมิกล้าปล่อยให้เวลาเสียเปล่า
“ขอร้องข้าไปก็เปล่าประโยชน์ ไม่มีคำอนุญาตจากท่านเซียน ข้าไม่อาจปล่อยเจ้าไปได้”
ลั่วสุ่ยบอก
“พี่สาว เรื่องนี้ข้าเข้าใจ ข้าไม่ทำให้พี่สาวลำบากใจแน่ ข้าหวังเพียงให้พี่สาวดูแลเกื้อหนุนข้าบ้างก็เท่านั้น”
มัจฉาสัตมายากล่าว “พี่สาว ท่านรับข้าไว้ไม่เสียหาย น้องชายอย่างข้าเก่งไม่หยอก วันหน้าหากพี่สาวมีตรงไหนต้องการข้า ข้าย่อมไม่บอกปัด บุกน้ำลุยไฟเพื่อพี่สาวโดยไม่บ่นสักคำ!”
ปากของมันหวานปานน้ำผึ้ง พูดได้น่าฟังยิ่ง ลั่วสุ่ยฟังแล้วรื่นหูเป็นหนักหนา
“ได้ ที่เจ้าว่ามาไม่ผิด เราสองคนรู้จักกันมานาน หลังจากนี้ไปตรงไหนที่ข้าช่วยได้ จะพยายามช่วยเจ้า”
ลั่วสุ่ยเอ่ย “แต่เจ้าอย่าได้ตั้งความหวังกับข้ามากนัก ข้ามิกล้าก้าวก่ายความคิดความอ่านของท่านเซียน หากมีโอกาสเหมาะ ข้าจะช่วยเจ้า”
“มีประโยคนี้ของพี่สาวก็เพียงพอแล้ว!”
มัจฉาสัตมายาตื้นตันมาก ขอบคุณลั่วสุ่ยรัว ๆ “ขอบคุณพี่สาวที่ให้โอกาส!”
“ได้สิ เจ้าคงมิได้ตากแดดมานานแล้วกระมัง มาสิ มาตากแดดด้วยกัน”
ลั่วสุ่ยเอ่ยยิ้ม ๆ ยินดีมากเช่นกัน
มัจฉาสัตมายาอยู่มาได้นานขนาดนี้ นางคิดว่าท่านเซียนคงมีแผนอื่นสำหรับอีกฝ่าย การได้สนทนากับมัจฉาสัตมายาบ้างก็ไม่เลวเหมือนกัน
“ได้เลย พี่สาว!”
มัจฉาสัตมายาตอบเสียงเปรมปรีดิ์ เอนกายลงด้านข้าง ตากแดดกับลั่วสุ่ย
ภายในโอ่งน้ำ ปลาตัวอื่นอิจฉาริษยาแทบบ้า!
พี่สาว!
พี่สาวบังเกิดเกล้า!
พี่สาวแมวบังเกิดเกล้า!
ท่านต้องการลูกน้องเพิ่มอีกหรือไม่
ข้าเองก็พอไปวัดไปวาได้เหมือนกัน!
พี่สาวโปรดมองข้าที!
พวกมันกระโดดไม่หยุด เอ่ยวาจาบุ๋ง ๆๆๆ
น่าเสียดาย เป็นปลาเหมือนกันกลับมีชะตากรรมแตกต่าง
ลั่วสุ่ยมิได้สนใจพวกมัน
…
“หยกคุ้มภัยทรงพลังสุดยอด ของวิเศษอะไรกันนี่!?”
อีกด้าน สมาชิกกองกำลังฮวงเฉวียนเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เขารับผิดชอบด้านเซี่ยเหยียน เพิ่งมาถึงนี่ก็ได้ประจักษ์ศึกระหว่างเซี่ยเหยียนและผู้อาวุโสสิบเจ็ด
ก่อนหน้านี้ไม่เท่าไร แต่เมื่อได้เห็นม่านแสงจากหยกคุ้มภัยซึ่งมีกฎแห่งมหาเต๋าประสานอยู่เต็มไปหมดก็สะท้านใจอย่างยิ่ง
พลังของหยกคุ้มภัยนั้นสยดสยองปานใด เขาไม่อาจทราบได้ แต่คิดว่าหยกคุ้มภัยระดับนี้ น่ากลัวว่าแม้แต่พลังขอบเขตตี้จวินยังไม่อาจทลายลงได้!
“ของวิเศษชั้นยอด เป็นของวิเศษชั้นยอดอย่างไม่ต้องสงสัย!”
เขารีบจดบันทึก และรุดหน้าไปยังดินแดนตระกูลไป๋