รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 399 ความสุขล้นพ้นกับความทุกข์ตรมครั้งใหญ่ เผ่าอสูรฟ้าชิงหนิวจะไม่มีทางยอมจำนน!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 399 ความสุขล้นพ้นกับความทุกข์ตรมครั้งใหญ่ เผ่าอสูรฟ้าชิงหนิวจะไม่มีทางยอมจำนน!
ณ แดนฮวง อาณาจักรจิ่วฉง
บนทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ไพศาล ท้องฟ้ากระจ่างใส ผืนดินเต็มไปด้วยสีเขียวขจี สายลมอ่อนโชยพัดพากลิ่นหญ้า ชวนให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก
ที่แห่งนี้คือทุ่งหญ้าเทียนชิง อาณาเขตของเผ่าอสูรฟ้าชิงหนิว
จะเห็นได้ว่าที่แห่งนี้มีเพียงสีเขียวสุดลูกหูลูกตา ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตใดอื่นอาศัย เผ่าอสูรฟ้าชิงหนิวน่ากลัวมากเกินไปจนไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปในอาณาเขตของเผ่าอสูรฟ้าชิงหนิว
ยิ่งในช่วงเวลานี้ ยิ่งไม่มีสิ่งมีชีวิตใดกล้าเหยียบย่างเข้ามา
เผ่าอสูรฟ้าชิงหนิวเพิ่งกำเนิดสมาชิกใหม่ ยามนี้จึงเข้าสู่สภาวะอ่อนไหวมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย สิ่งมีชีวิตใดที่กล้าย่างกรายเข้ามาในอาณาเขตอาจถูกโจมตีในฐานะศัตรู
สายเลือดของเผ่าอสูรฟ้าชิงหนิวทรงพลังจนสิ่งมีชีวิตอื่นไม่สามารถต่อกรได้
ในตอนนั้นเอง บนท้องฟ้าปรากฏร่างงดงามสามร่างทะยานผ่าน แม้ว่าจ้าวหุบเขาจะมีอายุไม่น้อยแล้ว ทว่ายังคงเปี่ยมเสน่ห์ ร่างกายรายล้อมด้วยรัศมีศักดิ์สิทธิ์ สง่าและงดงาม
สองร่างที่ตามมาข้างหลังเองก็ชวนมองเป็นอย่างยิ่ง ทั้งเยาว์วัยและงดงาม ผิวพรรณขาวผ่อง ขาวเพรียวยาว ใบหน้าสวยงามจนไม่อาจหาที่เปรียบ อ่อนเยาว์งดงามไปคนละแบบ
พวกนางคือจ้าวหุบเขา หลิงอิน และเสี่ยวหยา
“เผ่าอสูรฟ้าชิงหนิวอยู่ส่วนลึกเข้าไปของที่แห่งนี้”
จ้าวหุบเขานำทาง พวกนางทะยานผ่านทุ่งหญ้าอย่างรวดเร็วมุ่งเข้าสู่ส่วนลึก
“ผิดปกติอย่างมาก…!”
หลังจากมาถึงส่วนลึก จ้าวหุบเขาก็หยุดลงแล้วขมวดคิ้ว
นางกล่าวออกมา “ตรงจุดนี้นับว่าล่วงเข้ามายังอาณาเขตของเผ่าอสูรฟ้าชิงหนิวแล้ว ทว่ากลับไม่มีสมาชิกของเผ่าอสูรฟ้าชิงหนิวปรากฏตัวขึ้น…”
จากจุดที่พวกนางอยู่ สามารถมองเห็นเสาหินขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านสูงเสียดฟ้าราวกับเสาค้ำฟ้าชวนตื่นตะลึง
“โดยปกติเมื่อมาถึงที่นี่ สมาชิกของเผ่าอสูรฟ้าชิงหนิวจะปรากฏตัวขึ้น ตอนนี้ยิ่งอยู่ในสภาวะอ่อนไหวเช่นนี้ แต่กลับไม่มีสามาชิกของเผ่าอสูรฟ้าชิงหนิวปรากฏขึ้น มัน…แปลกประหลาดเกินไป”
จ้าวหุบเขากล่าว
“เช่นนั้นหรือ?”
หลิงอินเปิดใช้ประสาทสัมผัสจ้าวสูงสุด เพื่อตรวจสอบสถานการณ์
“ดูเหมือนว่าอสูรฟ้าชิงหนิวจะเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตบางอย่าง!”
นางขมวดคิ้ว สัมผัสได้ถึงสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดอยู่ภายในอาณาเขตของอสูรฟ้าชิงหนิว
ปราณของสัตว์ประหลาดตัวนั้นน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังนำพาความรู้สึกชวนขนหัวลุกจนไม่กล้าจะตรวจสอบอย่างละเอียด เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดเรื่องขึ้น จึงถอนประสาทสัมผัสตนเองกลับมาหลังจากตรวจสอบไปแล้วคร่าว ๆ
“ไปดูกันเถอะ”
นางกล่าวก่อนจะตรงไปยังภายในเผ่าชิงหนิวพรัอมกับจ้าวหุบเขาและเสี่ยวหยา
ทั้งสามไปถึงที่แห่งนั้นอย่างรวดเร็ว
ที่แห่งนั้นมีสิ่งมีชีวิตลมปราณแปลกประหลาดอยู่สามร่าง ผู้นำตรงกลางเป็นเผ่ามนุษย์ผู้หนึ่ง อีกสองตนล้วนเป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่ทราบเผ่าพันธุ์
พวงนางเห็นเผ่าอสูรฟ้าชิงหนิวอีกสองตน
ตนหนึ่งแก่ชราเป็นอย่างยิ่ง ขนของมันร่วงหล่นไปหมดแล้ว ทว่าลมปราณนั้นน่ากลัวเป็นอย่างมาก
นี่คือผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าชิงหนิว ดวงตาสองข้างแม้จะขุ่นมัวเป็นอย่างมากแต่ก็สามารถทำให้คนผวา พินิจดูให้ดีแล้วด้านในราวกับมีตะวันจันทราและดวงดาราแตกดับสลายในดวงตาของมัน
ชิงหนิวอีกตนหนึ่งเองก็ดูแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ลมปราณของมันไม่ได้อ่อนแอเลย ดวงตาทั้งสองจับจ้องไปทางศัตรูทั้งสามด้วยความอาฆาตแค้นอย่างหนัก
สายเลือดของเผ่าอสูรฟ้าชิงหนิวนั้นทรงพลังจนน่าอัศจรรย์เกินไป ทำให้พวกมันยากยิ่งกับการจะให้กำเนิดลูกหลาน พวกมันจึงมีสมาชิกอยู่จำนวนน้อยนิด
หลิงอินรู้มาว่าผู้อาวุโสสูงสุดชิงหนิวมีชีวิตรอดมาจากสมัยโบราณ ขณะที่ชิงหนิวผู้แข็งแกร่งอีกตนถือกำเนิดขึ้นมาในสมัยโบราณ แต่ทว่ากลับเติบโตขึ้นมาในยุคปัจจุบัน
นอกจากชิงหนิวทั้งสองตนนี้แล้ว เผ่าชิงหนิวยังมีแม่ชิงหนิวอีกตนที่พึ่งคลอดลูกชิงหนิวออกมา
แน่นอนว่านางไม่ได้ทราบข้อมูลนี้มาตั้งแต่แรก เป็นจ้าวหุบเขาที่บอกข้อมูลเหล่านี้ให้กับนาง
สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดทั้งสามสัมผัสได้ถึงการมาของพวกหลิงอิน แต่พวกมันก็ยังคงไม่สนใจแม้แต่จะเหลียวกลับไปดู
สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดที่เป็นเผ่ามนุษย์ก้าวไปด้านหน้า จ้องมองไปทางผู้อาวุโสสูงสุดชิงหนิว
“ยุคสมัยปัจจุบันกำลังจะตกลงสู่ความโกลาหล เป็นโชคของพวกเจ้าแล้วที่พวกเราเห็นค่า ยังจะต้องพิจารณาสิ่งใดอีก?”
สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส “หากไม่ไปกับพวกข้า พวกเจ้าก็ต้องตายลงท่ามกลางความโกลาหลครั้งใหญ่อย่างแน่นอน ตายแบบกระทั่งศพยังไม่อาจรักษาเอาไว้ได้”
มอ!
ผู้อาวุโสสูงสุดชิงหนิวส่งเสียงร้องออกมา แม้จะชราแต่ก็ยังคงทรงพลังอย่างมาก
“พวกเจ้าต้องการให้ไปเป็นทาส พวกเราจะยอมได้อย่าง!? ตั้งแต่สมัยโบราณไม่มีผู้ใดทำให้พวกเรากลายเป็นทาสได้!“
มันกู่ร้องคำรามออกมา
“อดีตไม่เคย ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตจะไม่เคย”
เผ่ามนุษย์ผู้นั้นกล่าว “สามารถเข้าร่วมกับซากสุสานอัมพร นับเป็นโชคครั้งใหญ่หลวงของพวกเจ้า ทว่าพวกเจ้ากลับไม่รู้จักถนอมโอกาสนั้นไว้ หรือว่าอยากจะตายกันหมด!?”
“ซากสุสานอัมพร!”
อีกด้านหนึ่ง จ้าวหุบเขาที่ได้ยินถึงกับร่างกายสั่นสะท้าน
นี่คือหนึ่งในเก้าแดนต้องห้าม!
นางไม่คาดคิดเลยว่าเบื้องหลังสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดจะยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้!
เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กัน?
เหตุใดสิ่งมีชีวิตจากแดนต้องห้ามจึงปรากฏกายบ่อยเพียงนี้?
ก่อนหน้านี้เป็นทะเลต้องห้าม ตอนนี้ก็เป็นสุสานซากอัมพร
เฮ้อ ไยชีวิตจึงแสนลำเค็ญนัก…
นางส่งเสียงทอดถอนขึ้นมาในใจ รู้สึกหดหู่เป็นอย่างยิ่ง
เดิมทีการมาถึงของสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนก็ทำให้อาณาจักรแห่งนี้ประสบกับความยากลำบากอย่างมาก ทว่าในตอนนี้แดนต้องห้ามก็ค่อย ๆ ปรากฏกายออกมา ทำให้สถานการณ์เลวร้ายและลำบากยิ่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
เก้าแดนต้องห้ามนั้นนับว่าไม่มีอะไรดียันแก่นแท้ แต่ละแห่งล้วนแปลกประหลาดและน่าหวาดกลัว ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ออกมาจากแดนต้องห้ามไม่เคยนับว่าเป็นเรื่องดี ทั้งยังสร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่โต!
“โชคเช่นนี้พวกเราไม่ต้องการ!”
ผู้อาวุโสสูงสุดชิงหนิวคำรามออกมา “พวกเจ้าออกไปเสียเถอะ เผ่าอสูรฟ้าชิงหนิวของเราไม่มีมีทางเลือกจะยอมจำนน ไม่ว่ากับใครก็ตาม!”
บรรพชนของพวกมันเคยได้รับการขนานนามว่าเป็นถึงหนึ่งในสิบอสูรร้ายบรรพกาล แม้ว่าจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ทว่าก็สามารถแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของพวกมันได้
เช่นนั้นแล้วพวกมันจะยอมจำนนและตกเป็นทาสของสิ่งมีชีวิตอื่นได้อย่างไร!?
ไม่มีทางอย่างแน่นอน!
แม้นอีกฝ่ายจะเป็นหนึ่งในเก้าแดนต้องห้ามก็ไม่มีทาง!
“ช่างไม่รู้แยกแยะดีร้าย พูดดี ๆ ไปพวกเจ้าก็ไม่รับฟัง”
สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดเผ่ามนุษย์กล่าวออกมาอย่างเย็นชา “โง่เขลานัก ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา พูดดี ๆ ไปก็ไม่ฟัง เช่นนั้นข้าก็จะบอกพวกเจ้าด้วยกำลัง!”
ลมปราณของเขาแผ่กระจายท่วมท้น ทั้งน่าหวาดหวั่นและน่าสะพรึงกลัว ขอบเขตขั้นของเขาอยู่สูงเสียยิ่งกว่าขั้นสูงสุด เป็นถึงขั้นนภาสูงสุด!
“มอบหนทางรอดให้ พวกเจ้าก็ยังคงไม่ต้องการ สมองเลอะเลือนไปหมดแล้วหรืออย่างไร?”
“พวกเขาต้องการจะพาพวกเจ้าไป ยังจำเป็นต้องใช้คำยินยอมจากพวกเจ้าอีกหรือ?”
สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดอีกสองตนเอ่ยสมทบขึ้นมาอย่างเย็นชา ทั้งยังแผ่ลมปราณออกมาเช่นกัน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดเผ่ามนุษย์แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอกว่ากันมากนัก ล้วนเป็นขั้นนภาสูงสุดเช่นเดียวกันหมด!
นี่คือผู้แข็งแกร่งขั้นนภาสูงสุดสามตน!
“อ๊ากกก! เหตุใดจึงต้องเป็นเช่นนี้ด้วย!?”
ผู้อาวุโสสูงสุดชิงหนิวส่งเสียงคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า ในดวงตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
หากเป็นขั้นสูงสุดสามตน มันยังสามารถสู้ตายได้ หากแต่ขั้นนภาสูงสุดสามคน แม้นมันอยากก็ไม่มีโอกาสได้สู้ตาย!
มันแก่ชราเต็มที พลังที่สามารถใช้ออกมาได้นั้นมีจำกัด
อย่าว่าแต่ขั้นนภาสูงสุดสามตนเลย กระทั่งขั้นนภาสูงสุดเพียงผู้เดียวก็สามารถสังหารมันได้อย่างง่ายดาย!
มันไม่เต็มใจเป็นอย่างยิ่ง พวกมันเพิ่งให้กำเนิดสมาชิกใหม่ขึ้นมาหลังจากไม่ได้เกิดเรื่องนี้มายาวนาน ทว่าความสุขล้นพ้นกลับกลายเป็นทุกข์ตรมครั้งใหญ่ มันจะเต็มใจยอมรับได้อย่างไร!!!