รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 424 กฎแห่งสวรรค์และโลกเป็นกระดาน ดวงดารานับล้านแทนตัวหมาก!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 424 กฎแห่งสวรรค์และโลกเป็นกระดาน ดวงดารานับล้านแทนตัวหมาก!
บทที่ 424 กฎแห่งสวรรค์และโลกเป็นกระดาน ดวงดารานับล้านแทนตัวหมาก!
ชายชราผมขาวมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก แม้หลี่จิ่วเต้าจะซ่อนงำเอาไว้ลึกจนมองไม่เห็น แต่เขายังสามารถตรวจสอบอีกฝ่ายอย่างละเอียดได้แน่นอน
“เชิญคุณชายนั่งลงเถิด พวกเรามาประชันหมากกันสักตา”
ชายชราผมขาวยิ้มและเอ่ยเชื้อเชิญชายหนุ่มให้นั่งลง
“ดี”
หลี่จิ่วเต้านั่งลง ส่วนชายชราผมขาวตงฟางเวิ่นเดินกลับเข้าไปหยิบตัวหมากในกระท่อมมาวางบนโต๊ะหิน
เหล่าบัณฑิตที่ยืนอยู่รอบ ๆ ต่างตั้งตารอชมเกมหมากที่เป็นดั่งมังกรปะทะพยัคฆ์ด้วยความคาดหวัง
ทั้งคุณชายหลี่และชายชราตงฟางเวิ่นต่างก็มีทักษะหมากล้อมระดับสุดยอด เมื่อทั้งสองมาประชันกันจะต้องเป็นเกมที่น่าตื่นเต้นเป็นพิเศษแน่นอน
“ผู้มาเยือนก็คือแขก เช่นนั้นคุณชายหลี่เชิญเดินหมากก่อนเถิด”
ตงฟางเวิ่นกล่าวพร้อมรอยยิ้มแล้วส่งตัวหมากสีดำให้หลี่จิ่วเต้า
ตามกติกาของหมากล้อมแล้ว ฝ่ายตัวหมากสีดำจะได้เริ่มเดินก่อน
หากกล่าวตามจริงแล้ว ที่ตงฟางเวิ่นทำเช่นนี้ก็เพราะมั่นใจในทักษะหมากล้อมของตนเอง
โดยทั่วไปแล้ว ฝ่ายได้เริ่มเดินหมากก่อนย่อมได้เปรียบเป็นอย่างมาก สามารถวางหมากนำสร้างโอกาสได้ ยิ่งกับผู้เชี่ยวชาญยิ่งสามารถกลายเป็นผู้คุมกระดานชักจูกฝ่ายที่เดินทีหลังได้
ทว่าไม่ใช่กับเขา
เขามั่นใจในทักษะหมากล้อมของตนเอง แม้จะเป็นฝ่ายเดินหมากทีหลัง เขาก็ยังมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะหลี่จิ่วเต้าได้
ทว่า เป้าหมายที่แท้จริงของเขาไม่ใช่สิ่งนี้
เขาขอให้หลี่จิ่วเต้าเริ่มเดินมากก่อน เพื่อที่เขาจะได้เล่นตามน้ำอีกฝ่ายไป ทำให้ถ่วงเวลายืดเยื้อเกมได้
“ตกลง“
หลี่จิ่วเต้าเองก็ไม่ได้แย้งอะไรในเรื่องนี้
เขาย่อมรู้ว่าผู้ที่ได้เดินมากก่อนเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ครั้งนี้เขาเพียงแค่ต้องการจะดูว่าทักษะหมากล้อมของตงฟางเวิ่นเป็นเช่นไร
หากทักษะหมากล้อมของตงฟางเวิ่นดีจริง เกมต่อไปเขาจะให้ตงฟางเวิ่นเป็นผู้เริ่มเดินหมากก่อน
เขาหยิบตัวหมากสีดำขึ้นมาวางบนกระดานอย่างแช่มช้า
ตงฟางเวินแต่เดิมแล้วเต็มไปด้วยความมั่นใจ ทว่าเมืองหลี่จิ่วเต้าวางหมากตัวหนึ่งลงไปก็ตกใจกลัวจนจิตวิญญาณทั้งหมดสั่นสะท้านขึ้นมาในทันที ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกับเขาเป็นตัวตนเช่นใดกันแน่!?
เดิมทีเขาคิดว่าตัวตนของเขายังไม่ถูกล่วงรู้ หลี่จิ่วเต้าไม่สามารถมองผ่านการปลอมตัวของเขาได้ แต่ตอนนี้ตงฟางเวิ่นตระหนักได้อย่างชัดเจนว่าตนเองคิดผิด แถมยังคิดผิดอย่างมาก!
ทันทีที่หลี่จิ่วเต้าวางหมากลง ฉากรอบด้านก็เปลี่ยนไปโดยพลัน!
ราวกับพวกเขาอยู่บนท้องฟ้าท่ามกลางห้วงอวกาศ เต๋าสวรรค์สาดส่องลงมาตวัดพันเกี่ยวกฎวิถี สานทับกันเป็นตาข่าย กลายเป็นตารางหมากล้อมท่อประกายด้วยเต๋านับล้านกลางนภา!
ต่อจากนั้น ดวงดาราก็หลั่งไหลมาบรรจบกันเบื้องหลังของพวกเขาทั้งสอง ฝั่งหนึ่งกลายเป็นสีดำ ส่วนอีกฝั่งกลายเป็นสีขาว!
เมื่อกลับมาอีกครา หมากสีดำที่หลี่จิ่วเต้าวางลงไปก็กลายเป็นดวงดาราสีดำเสียแล้ว!
‘สวรรค์! ควบคุมกฎวิถีสวรรค์สร้างเป็นกระดานหมากล้อม รวบรวมดวงดารานับล้านให้กลายเป็นตัวหมากขาวดำ!’
หนังศีรษะของตงฟางเวิ่นชาวาบ ภายในใจราวกับถูกคลื่นยักษ์โหมชัด เขาตื่นตะลึงจนไม่อาจจะตื่นตะลึงไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว!
นี่มันอะไรกัน!
เทียนตี้ก็ไม่อาจทำเช่นนี้ได้!
คนตรงหน้าเหนือกว่าเทียนตี้อย่างแน่นอน บางทีอาจจะเป็น…เซียน!
สะ สวรรค์! ขะ เขาโง่เขลาอะไรเช่นนี้ กล้ากระทั่งวางแผนการกับเซียน?
ถึงกับคิดว่าท่านเซียนจะไม่ค้นพบตัวตนของเขา ทั้งยังคิดว่าเขาเชี่ยวชาญในด้านหมากล้อมจนสามารถเอาชนะท่านเซียนได้!
เขาต้องไม่ประมาณตนมากแค่ไหนกัน!
‘ทำตัวให้น่าเชื่อถือกว่านี้ได้หรือไม่ เหตุใดต้องรับงานนี้มาด้วย!? งานเช่นนี้…จะสามารถทำสำเร็จได้อย่างไร?’
ภายในใจเขาดุด่าจ้าวตำหนักเสียเละเทะ ต้องใจกล้าบ้าบิ่นเพียงใดถึงหาญกล้ารับงานนี้มา!
ภายในใจของเขานอกจากจะมีความตกตะลึงอย่างถึงที่สุดแล้ว ยังมี…ความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ!
เซียนเป็นเพียงเรื่องเล่าขาน
ตลอดเวลานับล้านปีที่ผ่านมา ไร้ซึ่งผู้ใดสามารถกลายเป็นเซียนได้
เขาคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าบนดินแดนแห่งนี้จะมีเซียนท่านหนึ่งปรากฏตัวขึ้น!
ทำอย่างไร ควรจะทำอย่างไรดี?
ภายในใจของเขาสับสนวุ่นวาย ไม่แปลกใจเลยที่หนานเจี่ยและอู๋ฉีตาย พวกเขาจะสามารถรอดชีวิตได้อย่างไร?
นี่คือเซียนท่านหนึ่ง!
ไม่ต้องพูดถึงหนานเจี่ยและอู๋ฉีเลย กระทั่งจ้าวตำหนักมาเองยังต้องตาย!
นี่…นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะต่อกรได้!
ต้องขอร้องความเมตตา!
หากไม่ขอร้องความเมตตา เขาก็ไร้ซึ่งทางรอด!
ทว่าก่อนที่เขาจะคุกเข่าลงขอร้องความเมตตาจากท่านเซียน เขาก็พลันนึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้
เดี๋ยวก่อน!
อย่าพึ่งตื่นตูม!
ด้วยความสามารถของท่านเซียนแล้ว เกรงว่าตัวตนของเขาจะถูกรับรู้ได้ตั้งแต่แรกที่มาถึง
แต่เหตุใดท่านเซียนถึงยังไม่สังหารเขา?
หนานเจี่ยและอู๋ฉีตายตกไปทันทีที่มาถึง แต่เขากลับยังมีชีวิตอยู่!
ทั้งยังได้เล่นหมากล้อมกับท่านเซียน
แม้กฎแห่งสวรรค์และโลกจะถูกทอขึ้นเป็นกระดาน ดวงดาราเป็นดั่งตัวหมาก ทว่า…เขากลับไม่รับรู้ถึงจิตสังหาร!
ท่านเซียนเหมือนไม่มีแผนที่จะสังหารเขา!
ช่วงขณะหนึ่งความคิดของเขาพลุ่งพล่าน ทว่าก็ได้แค่คิดไม่กล้าขยับเขยื้อน เกรงว่าชีวิตของตนจะจบลง!
ขนาดมดยังรักชีวิต นับประสาอะไรกับคนเล่า
เขายังไม่อยากตาย เขาอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อ!
“เหตุใดท่านผู้อาวุโสถึงไม่เดินหมากเล่า”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยถาม
เป็นเรื่องปกติที่จะใช้เวลาในการเดินมาก แต่ทว่าตงฟางเวิ่นกลับใช้เวลามากเกินไป…
เวลาผ่านไปแล้วครึ่งก้านธูป แต่ตงฟางเวิ่นกลับยังคงไม่ขยับเขยื้อน
สุดท้ายแล้วเขาก็อดถามขึ้นมาไม่ได้
เดินหมาก?
เดินหมากงั้นหรือ?
เมื่อตงฟางเวิ่นได้สติกลับมา ภายในของเขาก็ยิ่งสับสนงุนงง
ท่านเซียนไม่ได้สังหารเขาก็เพราะต้องการจะเล่นหมากล้อมกับเขางั้นหรือ?
จะเป็นไปได้อย่างไร!
คนตัวเล็กจ้อยอย่างเขา แม้ว่าจะประสบความสำเร็จในวิถีหมากล้อม แต่จะสามารถเทียบกับท่านเซียนได้อย่างไร?
ท่านเซียนเพียงแค่คิดก็หยั่งรู้สรรพสิ่ง เพียงแค่นึกก็บัญชากฎแห่งสวรรค์และโลกได้ ไม่ต้องใช้สมองขบคิดก็รู้ได้ในทันทีว่าเขาไม่มีทางต่อกรกับท่านเซียนได้
แค่พูดมากเกินก็อาจถึงตายได้!
เขาจึงไม่กล้าพูดสิ่งใด ได้แต่เฝ้ามองสถานการณ์ไปก่อน
อย่างไรเสียต่อหน้าท่านเซียน เขาทำสิ่งใดไปก็ล้วนไร้ค่า หากเขาทำตามท่านเซียนบางทีอาจมีหนทางรอด
ก็แค่เล่นหมากล้อมไม่ใช่หรือ!
ก็แค่เดินหมากไป!
เขากัดฟันหยิบตัวหมากสีขาวขึ้นมาท่ามกลางแรงกดดันมหาศาล จากนั้นก็วางมันลงบนกระดาน
เกิดเสียงดังสนั่น เขาเห็นว่าหลังจากที่ตนเองวางหมากสีขาวลงบนกระดาน ดวงดาราสีขาวก็ตกลงมาบนกระดานหมากล้อมที่ทอขึ้นมาจากกฎแห่งสวรรค์และโลก
ไม่คาดฝันมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งจะมีโอกาสได้เล่นเกมหมากล้อมที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้!
ตงฟางเวิ่นตะโกนขึ้นมาในใจ
ใช้กฏแห่งสวรรค์และโลกมาเป็นกระดาน ใช้ดวงดาราต่างหมากล้อม เขาเคยเล่นหมากล้อมเช่นนี้ที่ไหนกัน!
เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดฝัน!
ถึงแม้จะเป็นความฝัน ความฝันนี้ก็ยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว!
คนผู้นี้…แปลกยิ่งนัก เหตุใดตอนเล่นหมากล้อมถึงเงียบเพียงนี้?
หลี่จิ่วเต้าคิดขึ้นมาในใจ ทว่าไม่ได้พูดออกมา
หากพูดออกมามันคงดูไม่ค่อยสุภาพเสียเท่าไหร่
‘แค่เดินหมาก ใยต้องคิดมากมายถึงเพียงนี้’
เขาลดความคาดหวังในใจลง ก่อนจะเล่นหมากล้อมกับตงฟางเวิ่นอย่างจริงจัง
สิงโตจับกระต่ายยังต้องใช้แรงทั้งหมด ประชัดหมากล้อมเองก็เป็นเช่นนั้น หากไม่ระมัดระวัง อีกฝ่ายอาจใช้โอกาสจากช่องโหว่พลิกกระดานทั้งเกม
เขาไม่เคยทำพลาดและก็ไม่เคยเล่นอย่างประมาทไม่ว่ากับใครก็ตาม
นี่นับเป็นหนึ่งในการแสดงความเคารพต่อฝั่งตรงข้าม