รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 441 ที่ตกปลาของท่านเซียน ตงฟางเวิ่นยังบังอาจยึดไปหรือ
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 441 ที่ตกปลาของท่านเซียน ตงฟางเวิ่นยังบังอาจยึดไปหรือ
บทที่ 441 ที่ตกปลาของท่านเซียน ตงฟางเวิ่นยังบังอาจยึดไปหรือ?
จ้าวสมุทรอยากฆ่าตัวเองเสีย
แต่เดิมหลิงอินมิได้ประสงค์ร้าย มาเพื่อยืมของวิเศษเท่านั้น เขากลับคิดไปไกล ทึกทักเอาเองว่านางมาเพื่อคิดบัญชีกับพวกเขาทะเลต้องห้าม หยุดยั้งสุดชีวิต จนพาสมาชิกทุกตนในทะเลต้องห้ามไปตายทั้งหมด!
โธ่เว้ย…อย่าให้พูดเลยว่าเขาทรมานใจปานใด!
‘ข้าควรรายงานท่านบรรพชนหรือไม่ว่าไม่ต้องมาแล้ว’
เขาคิดเงียบ ๆ ในใจ
สถานที่แห่งนี้สำคัญยิ่งจะปล่อยให้เกิดเรื่องไม่ได้เด็ดขาด เพราะมันเป็นฐานทัพหลักในอาณาจักรแห่งนี้ของพวกเขาทะเลต้องห้าม แล้วยังเป็นฐานทัพที่พวกเขาตั้งเพื่อทำศึกแย่งชิงกับดินแดนนั้นอีกด้วย
หลังท่านบูรพาจารย์ตายไป เขาจึงรายงานขึ้นไปทันที อาณาจักรซึ่งอยู่เบื้องหลังตัดสินใจทันทีว่าจะส่งบรรพชนคนหนึ่งมาพิทักษ์แดนนี้ ป้องกันมิให้เกิดเรื่อง
ทว่าเพื่อล้างบางแดนสังสารวัฏ บรรพชนทั้งหลายล้วนมุ่งหน้าไปที่สนามรบ ไม่อาจจุติลงมาในทันที
เบื้องบนสั่งให้เขาไม่ว่าอย่างไรต้องคุ้มกันที่นี่จนกว่าท่านบรรพชนมาถึง
ก่อนหน้านี้ที่หลิงอินยังไม่เข้ามาที่เกาะ เขาหวังอย่างยิ่งว่าท่านบรรพชนจะรีบจุติลงมา เพื่อสกัดกั้นนาง
ทว่าบัดนี้…เขาหวังให้ท่านบรรพชนไม่ต้องมาแล้ว
นี่ถ้า…ท่านบรรพชนรู้ความจริงเข้า คงได้ตบเขาตายในฝ่ามือเดียว
ทั้งที่ควรไม่เป็นไร เขากลับพาสมาชิกทุกตนในทะเลต้องห้ามไปตาย…
เขาอยากรายงานท่านบรรพชนว่าไม่ต้องมาแล้ว ทว่าเขาทำได้แค่คิดเท่านั้น ไฉนเลยจะกล้าบอกให้ท่านบรรพชนไม่ต้องมาจริง ๆ
แล้วจะใช้ข้ออ้างใดมิให้ท่านบรรพชนมา
ไม่มีเลย!
“ศาสตราที่ใช้เดินทางข้ามจักรวาลหรือ มีสิ ข้าจะไปหยิบให้เจ้าเดี๋ยวนี้!”
จ้าวสมุทรมิกล้าชักช้า รีบนำศาสตราที่เดินทางข้ามจักรวาลได้ออกมา
นี่คือสำเภามหึมา มีจังหวะแห่งจักรพรรดิไหลเวียนอยู่ทั่ว ขอบเขตสูงส่งเหนืออาวุธมหาจักรพรรดิ ดูวิเศษวิโสอย่างยิ่ง
อาณาจักรเบื้องหลังทะเลต้องห้ามมิใช่อาณาจักรเล็ก ๆ พวกเขาเดินทางข้ามจักรวาลอยู่บ่อยครั้ง ศาสตราเดินทางประเภทนี้จึงมีไม่น้อย
เขาอยากให้หลินอินรีบไปจากที่นี่ ไม่อยากให้หลิงอินปะหน้ากับท่านบรรพชน เช่นนี้เขาก็จะได้ปิดบังความจริง ลดทอนความผิดของตนลงไป
“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่ มาจากที่ใด”
หญิงสาวหันมองจ้าวสมุทร ดวงตาวาวโรจน์ด้วยประกายบีบคั้น
ยามนี้ทะเลต้องห้ามเหลือจ้าวสมุทรเพียงคนเดียว นางต้องการฆ่าจ้าวสมุทรเพื่อยุติภยันตรายทุกประการ
ทว่าลองทบทวนอย่างละเอียดแล้ว เรื่องนี้มิได้ง่ายเช่นนั้น
น่ากลัวว่าเบื้องหลังทะเลต้องห้ามยังมีกองกำลังอยู่ มิใช่แค่เท่าที่นางเห็น
อย่างเช่นบูรพาจารย์ที่นางไม่เคยได้พบ
บูรพาจารย์ผู้นั้นกล้าบุกไปฆ่านาง ย่อมต้องมีพลังแข็งแกร่งน่ากลัวอย่างไม่ต้องสงสัย มิฉะนั้นไฉนถึงกล้าไปฆ่านาง
อีกอย่าง กำลังด้านต่าง ๆ ของทะเลต้องห้ามแกร่งกล้ากว่าที่นางเคยมาครั้งก่อนอย่างเห็นได้ชัด เกรงว่ามีความเกี่ยวข้องกับบูรพาจารย์ผู้นั้นด้วย
ทว่าเมื่อคราวนางมาเยือนทะเลต้องห้ามครั้งก่อน ไยบูรพาจารย์ผู้นี้ถึงไม่ปรากฏกาย
หากคิดดูดี ๆ บางทีบูรพาจารย์ผู้นี้อาจมาจากโลกภายนอกหลังนางไปแล้ว
เบื้องหลังทะเลต้องห้ามมีรากฐานที่ลึกล้ำยิ่งกว่านี้!
ไม่แน่ว่าจ้าวสมุทรก็มิใช่ผู้กำกับที่แท้จริง อาจเป็นเพียงผู้กำกับฉากหน้า
ต่อให้นางปลิดชีพจ้าวสมุทร ก็ไม่อาจหยุดยั้งภยันตรายใดได้ทั้งนั้น
อย่างที่คิด เป็นตามที่นางคาด จ้าวสมุทรยอมสารภาพความจริง กำลังที่แท้จริงของทะเลต้องห้ามมิได้มีเท่าที่เห็นในอาณาจักรนี้ พวกเขามีกำลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านั้น!
“ทุกเรื่องล้วนคุยกันได้ ตราบใดที่เจ้าไม่ทำเกินไป หนี้แค้นระหว่างเรามีโอกาสคลี่คลายทั้งนั้น!”
จ้าวสมุทรกล่าว
เขายอมบอกภูมิหลังที่แท้จริงของทะเลต้องห้ามแต่โดยดี ก็เพื่อให้หลิงอินยำเกรง กลัวนางจะทำลายทุกอย่างให้ราบคาบจากการนี้
ส่วนลึกนั้นสำคัญยิ่ง ขอเพียงไม่เกิดเรื่องกับส่วนลึก สิ่งมีชีวิตในทะเลต้องห้ามที่ตายไปก็มิใช่เรื่องใหญ่ พวกเขายังเริ่มใหม่ได้
แต่หากส่วนลึกถูกทำลาย แผนการนับแต่ยุคโบราณของพวกเขาเป็นต้องสูญเปล่า หลังศึกแย่งชิงในดินแดนนั้นเริ่มขึ้น พวกเขาคงถูกเหยียบลงไป ไม่อาจแย่งชิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลิงอินปรายตามองจ้าวสมุทร “วันนี้ข้าไม่ฆ่าเจ้า ไว้ชีวิตเจ้าเพื่อให้เจ้าส่งข้อความไปให้พวกที่อยู่เบื้องหลัง อย่าได้ผลีผลามวางแผนร้ายใดอีก มิฉะนั้น ข้าจะบุกไปถึงรังของพวกเจ้า ทำลายรังของพวกเจ้าให้ราบคาบ!”
พูดจบ นางก็พาเสี่ยวหยาขึ้นสำเภา แล่นออกจากสถานที่นี้
นางมิได้เอาชีวิตจ้าวสมุทร เหลือเขาไว้เพื่อส่งต่อคำพูดของนาง
แน่นอนว่าสิ่งมีชีวิตเบื้องหลังทะเลต้องห้ามไม่แน่ว่าจะเกรงกลัวในวาจาของนาง
แต่บัดนี้นางไม่มีเวลามากนัก นางกับเสี่ยวหยาต้องไปช่วยพี่ชายของเสี่ยวหยา
หากมิใช่เช่นนี้ นางไม่มีทางเก็บจ้าวสมุทรไว้ส่งข่าว นางจะบุกไปที่รังของทะเลต้องห้าม เพื่อจบสิ้นภัยแฝงทั้งปวง
“อะไรกัน! ศึกแย่งชิงในดินแดนนั้นยังไม่เริ่มขึ้น ก็เสียหายร้ายแรงเพียงนี้แล้ว!”
จ้าวสมุทรรู้สึกแย่เหลือคณา
เพราะหลิงอินเพียงคนเดียว รากฐานของพวกเขาในอาณาจักรนี้ถึงถูกทำลายราบคาบ การพลิกผันเยี่ยงนี้เหนือความคาดหมายของเขาเสียอีก
ไม่แน่ว่าแม้แต่บรรพชนของพวกเขาก็คงคาดไม่ถึง…
“อย่าต่อกรกับนางอีกจะดีกว่า…”
เขาเอ่ยเสียงแผ่ว ปอดแหกขึ้นมาจริง ๆ รู้สึกว่าขืนยังต่อกรกับหลิงอินต่อไปเรื่อย ๆ ทะเลต้องห้ามของพวกเขาคงยิ่งอเนจอนาถไปมากกว่านี้…
ต่อให้มีบรรพชนจุติก็ใช่ว่าจะแน่…
ฝีมือและพลังที่หลิงอินสำแดงออกมาน่าหวาดหวั่นเกินไป!
อีกด้าน หลิงอินขับเคลื่อนสำเภาไต่ขึ้นนภา ข้ามพ้นหมู่เมฆ ล่วงเลยจุดสูงสุดของผืนฟ้า มาอยู่นอกอาณาจักรแห่งนี้
“หากไม่ได้หยกคุ้มภัยที่ท่านเซียนประทาน ข้ามิกล้าออกไปง่าย ๆ จริง ๆ…”
นางหันกลับไปมอง แล้วเอ่ยในใจ
ออกไปนั้นง่าย กลับมานั้นยาก
นางมองเห็นกฎแห่งสวรรค์และโลกที่คลี่ปกคลุมอาณาจักรแห่งนี้อย่างชัดเจน ปกป้องคุ้มครองอาณาจักรนี้ไว้
การออกมาจากด้านในไม่ได้รับผลกระทบ ทว่าหากคิดจะเข้าไปจากด้านนอก ลำบากยากเข็ญ ต้องเผชิญกับแรงยับยั้งจากกฎแห่งสวรรค์และโลกมากมาย
ยังดีที่นางมีหยกคุ้มภัยที่ท่านเซียนประทานติดตัว คิดแล้วขากลับคงไม่ยากเท่าใด
ในอวกาศอันกว้างใหญ่ไพศาล ดาวเคราะห์ดวงใหญ่มากมายตั้งตระหง่าน ยิ่งใหญ่องอาจ สำเภาแล่นด้วยความเร็วสูง ข้ามผ่านดาราดวงแล้วดวงเล่า
เสี่ยวหยาบรรเลงฉิน จับสัมผัสตำแหน่งของพี่ชายพร้อมบอกทาง
การเดินทางข้ามจักรวาลมิใช่เรื่องง่ายที่เป็นไปอย่างราบรื่น แม้กระทั่งเทียนตี้ยังได้รับผลกระทบ ยังดีที่พวกหลิงอินได้สำเภามา มิฉะนั้น พวกนางไม่รู้จริง ๆ ว่าเมื่อใดจะไปถึงจุดที่พี่ชายของเสี่ยวหยาอยู่
นี่คือสำเภาที่อาณาจักรเบื้องหลังทะเลต้องห้ามสร้างขึ้นด้วยวัตถุดิบวิเศษหายากมากมาย ป้องกันแรงกดดันระหว่างการเดินทางข้ามจักรวาลได้
…
ณ เมืองชิงซาน
หลายวันมานี้อย่าให้พูดเลยว่าชีวิตของตงฟางเวิ่นน่าอภิรมย์เพียงใด
เขาได้ไปเล่นหมากกับท่านเซียนอยู่บ่อย ๆ ซ้ำยังได้ดื่มกับท่านเซียนอีกด้วย พลังขอบเขตของตนก็พุ่งพรวด
และหลายวันมานี้ เขาคุ้นชินกับชีวิตอย่างปุถุชนแล้ว ในวันปกติเขาสะกดพลังปราณทั้งหมด ไม่ใช้พลังผู้ฝึกตน เป็นเพียงตาเฒ่าธรรมดาคนหนึ่ง
“ไปตกปลาดีกว่า!”
วันนี้เขานึกคึกอยากตกปลา
จึงไปซื้อเครื่องมือตกปลาชุดหนึ่งจากในเมือง แล้วนำออกมานอกเมือง
ริมลำธาร ทัศนียภาพวิจิตร สายน้ำใสสกาว เห็นหมู่ปลาในนั้นได้อย่างชัดเจน
ริมฝั่งสองด้านมีคนมาตกปลามากมาย ตงฟางเวิ่นสอดส่ายสายตา เผยรอยยิ้มบนใบหน้า
“ฮ่า ๆ เยี่ยม! ที่ตรงนี้ยังไม่มีผู้ใดยึดไป!”
เขาเอ่ยยิ้ม ๆ ท่าทางดีใจสุด ๆ
นั่นคือที่ที่เขาสังเกตเห็นยามเดินผ่านริมลำธารตั้งแต่มาเมืองชิงซานครั้งแรก
มีต้นหลิวสูงใหญ่ต้นหนึ่ง กิ่งก้านเจริญงอกงาม เขียวชอุ่มมีชีวิตชีวา ก้านหลิวลู่ลง พลิ้วไสวตามลม
ด้านข้างต้นหลิวมีก้อนหินรูปร่างพิลึกก้อนหนึ่ง หากนั่งตกปลาบนนี้คงกำลังดี
คราที่เขาเห็นที่ตรงนี้ก็รู้ว่าเป็นสถานที่เหมาะสมแก่การตกปลา!
ต้นหลิวและก้อนหินเห็นตงฟางเวิ่นเช่นกัน
พวกมันเห็นตงฟางเวิ่นจ้องมองพวกมันอยู่ตลอด นึกฉงนในใจ ฉงนว่าเหตุใดตงฟางเวิ่นถึงเอาแต่มองพวกมันอยู่อย่างนี้
นึกถึงเมื่อครั้งตงฟางเวิ่นเพิ่งมาถึง ก็เคยจ้องพวกมันเขม็งเช่นกัน
บัดซบ!
เขาคงมิได้คิดจะตกปลาที่นี่กระมัง!?
เมื่อต้นหลิวกับก้อนหินเห็นชุดอุปกรณ์ตกปลาบนหลังตงฟางเวิ่น ก็พอเดาออกแล้วว่าตงฟางเวิ่นต้องการสิ่งใด
ที่ตกปลาของท่านเซียน ตงฟางเวิ่นยังบังอาจยึดไปหรือ?
ไอ้เวร…เอ๊ย มิใช่ว่าหมอนี่คิดจะนั่งบนตัวข้านะ!
ก้อนหินก่นด่าในใจ