รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 442 พวกเจ้าลงมือเต็มที่ หากแตะต้องผมข้าได้สักเส้นนับว่าข้าแพ้!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 442 พวกเจ้าลงมือเต็มที่ หากแตะต้องผมข้าได้สักเส้นนับว่าข้าแพ้!
บทที่ 442 พวกเจ้าลงมือเต็มที่ หากแตะต้องผมข้าได้สักเส้นนับว่าข้าแพ้!
ตงฟางเวิ่นเดินมาพร้อมรอยยิ้ม
ครั้งล่าสุดที่เขาเดิมพันด้วยชีวิต ทำให้เขาได้รับอนาคตอันสดใสงดงาม ตอนนี้เขาจึงใช้ชีวิตทุกวันอย่างเบิกบานถึงที่สุด
ในตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก
สามารถก้าวหน้าขึ้นไปหนึ่งก้าวบนขั้นตี้จวิน อยู่ห่างจากขั้นเทียนตี้เพียงเส้นบาง ๆ
สิ่งนี้ทำให้ในใจของเขาเกิดความตื่นเต้นจนบรรยายออกมาไม่ได้
เขาเพิ่งจะมาติดตามท่านเซียนเพียงไม่กี่วัน ความก้าวหน้ากลับรวดเร็วถึงเพียงนี้ หากเป็นก่อนหน้า เขาคงไม่กล้าแม้แต่จะคิดฝัน!
เทียนตี้!
นี่คือจุดสูงสุดของขอบเขตมหาจักรพรรดิ จุดสูงสุดของการฝึกตนบนโลกมนุษย์
เมื่อก่อนตอนที่เขากลายเป็นตี้หวง เขาไม่เคยนึกฝันมาก่อนเลยว่าตนเองจะสามารถกลายเป็นเทียนตี้ได้
ขั้นเทียนตี้นั้นยากที่จะบรรลุได้ นั่นเป็นจุดสูงสุดที่แท้จริง แม้ว่าเขาจะกลายเป็นตี้หวง ฟังดูแล้วอยู่ห่างจากเทียบตี้เพียงแค่สองขั้น ทว่าสองขั้นยากนักจะก้าวข้าม ต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิตเขาก็ไม่อาจก้าวข้ามไปได้
แต่ตอนนี้ล่ะ?
เขาในตอนนี้อยู่ห่างจากขั้นเทียนตี้เพียงหนึ่งก้าว สามารถบรรลุขั้นเทียนตี้ได้ตลอดเวลา สามารถถูกเรียกขานว่าเป็นครึ่งก้าวเทียนตี้ เขาจะไม่รู้สึกสะเทือนใจอย่างมากได้เช่นไร?
‘ท่านเซียนอาจไม่ใช่เซียนทั่วไป จะต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่าเซียนธรรมดาอย่างแน่นอน! เหนือเซียนขึ้นไปแล้วยังมีขอบเขตใดอีกหรือไม่?’
เขาคิดขึ้นมาในใจ รู้สึกคำว่า ‘เซียน’ ไม่เพียงพอจะนำมาเรียกขานคุณชาย
น่าเสียดาย ที่เขาไม่รู้ว่ามีขอบเขตอื่นเหนือขึ้นไปหรือไม่ เขาจึงไม่รู้ว่าควรจะเรียกคุณชายด้วยคำใด
ขนาดคำว่าเซียนสำหรับพวกเขายังดูเลื่อนลอยและลึกลับ ไม่ต้องพูดถึงขอบเขตที่อยู่เหนือเซียนขึ้นไปเลย
‘ข้าจะสามารถกลายเป็นเซียนได้หรือไม่?’
ยิ่งเขาคิด ก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น
วิถีหมากล้อมที่คุณชายแสดงให้เขาเห็น ทำให้แม้ระยะห่างกับขั้นเทียนตี้จะแสนไกล แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาที่จะบรรลุขั้นเทียนตี้ หากเขาสามารถทะลวงผ่านจุดสูงสุดของการฝึนตนของโลกมนุษย์ จะกลายเป็นเซียนใช่หรือไม่?
“ฮ่าฮ่า!”
เขาหัวเราะออกมาเสียงดัง รู้สึกว่าอนาคตของตนเองช่างสดใสจริง ๆ มีกระทั่งโอกาสได้กลายเป็นเซียน!
“ตกปลา ตกปลา…”
หลังจากตื่นเต้นเขาก็สงบจิตสงบใจลง ก่อนเดินไปด้านข้างเจ้าก้อนหิน แล้ววางอุปกรณ์เตรียมตัวเริ่มตกปลา
เขาทิ้งตัวลงนั่งแบบไม่คิดอะไรมาก ตั้งใจจะนั่งลงบนก้อนหินแล้วเริ่มตกปลา
ทว่าก้นของเขากลับนั่งลงบนอากาศ จนล้มทิ่มลงพื้น
“อ๊ะ!”
เขาอุทานออกมาด้วยความแปลกใจ
ก้อนหินมีขาวิ่งหนีได้หรือ?
เห็นได้ชัดเจนว่ามันอยู่ตรงนี้ แต่พอเขานั่งลงกลับเป็นความว่างเปล่า
“เจ้าจะทำอะไร!”
เจ้าก้อนหินตวาดออกมาด้วยความโกรธ ก่อนหน้านี้มันคิดถูกจริง ๆ ตาเฒ่านี้อยากจะนั่งบนตัวมัน!
มันจะทนได้อย่างไร?
นอกจากท่านเซียนแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถนั่งบนตัวมันได้!
“ที่แท้ก้อนหินนี้ก็มีจิตวิญญาณแล้ว”
ตงฟางเวิ่นตบดินที่ก้นออก เขาไม่ได้โกรธแต่อย่างใด
ตอนนี้เขาอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก ไม่เกิดความรู้สึกโกรธขึ้นมาได้โดยง่าย
“ไม่แปลกใจเลยที่ไม่มีใครมาตกปลาที่นี่ เกรงว่าทั้งหมดล้วนเป็นเพราะก้อนหินอย่างเจ้าก่อเรื่องสินะ!”
ตงฟางเวิ่นมองไปที่เจ้าก้อนหิน เขาคิดว่าเจ้าก้อนหินเป็นเพียงหินธรรมดาที่เกิดจิตวิญญาณขึ้นมา แต่เผอิญรู้จักตัวตนของคุณชาย จึงมาอยู่ที่นี่โดยหวังว่าจะได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลง
เขาค่อนข้างจะเข้าอกเข้าใจเจ้าก้อนหิน
อย่างไรเสียคุณชายก็เก่งกาจถึงขนาดนี้ เพียงแค่ได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยก็มาพอจะสร้างประโยชน์มหาศาลต่อเจ้าก้อนหินแล้ว
ส่วนความเป็นไปได้ที่เจ้าก้อนหินจะได้รับการสั่งสอนจากคุณชาย เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้แม้แต่น้อย
หากเจ้าก้อนหินได้รับการสั่งสอนจากคุณชายจริง มันก็ไม่ควรอยู่ที่นี่ในตอนนี้ แต่ควรจะอยู่ในลานเล็ก ๆ ของบ้านคุณชาย
นอกจากนี้ เขายังสัมผัสพลังอันแข็งแกร่งของเจ้าก้อนหินไม่ได้
แม้ว่าจะไม่ได้เปิดใช้ประสาทสัมผัสจักรพรรดิ แต่ประสาทสัมผัสจักรพรรดิของเขาก็มาถึงขั้นเทียนตี้นานแล้ว สามารถรับรู้สิ่งต่าง ๆ ได้แบบไม่ละเอียดมาก เจ้าก้อนหินไม่ได้ทรงพลังมากนัก จนไม่นับว่าเป็นภัยคุกคามต่อเขา มันจึงเกือบกลายเป็นเพียงหินธรรมดาต่อหน้าเขา
เพราะเช่นนั้น ก่อนหน้านี้ประสาทสัมผัสของเขาจึงไม่ตอบสนอง
หากขอบเขตของเจ้าก้อนหินสูงจริง ประสามสัมผัสเทียนตี้ของเขาจะต้องเกิดการตอบสนอง
แต่เนื่องจากขอบเขตของเจ้าก้อนหินต่ำเกินไปจนไม่มีความสามารถพอใจประสาทสัมผัสของเขาตอบสนอง ดังนั้นเขาจึงนั่งลงบนอากาศล้มทิ่มพื้น
“ก่อเรื่อง? ก่อเรื่องอะไร?”
เจ้าก้อนหินถามกลับ
ที่ไม่มีใครมาตกปลาตรงนี้ นั่นก็เพราะทุกคนล้วนรู้ว่าที่นี่เป็นจุดตกปลาของคุณชาย บารมีของคุณชายนั้นสูงยิ่ง ทุกคนต่างก็เคารพคุณชาย เป็นเหตุให้ไม่มีใครมาตกปลาตรงจุดนี้
“แน่นอนว่าต้องเป็นเจ้าที่ก่อเรื่องเพราะต้องการขับไล่คนที่ต้องการจะมาตกปลาตรงนี้”
ตงฟางเวิ่นเอามือไพล่หลังแล้วส่ายหัว จากนั้นก็เอ่ยอบรมเจ้าก้อนหิน “คาดว่าเจ้าเองก็รู้ตัวตนของคุณชาย จึงมายังที่แห่งนี้ แต่ในเมื่อเจ้ารู้ตัวตนของคุณชายแล้ว เหตุใดจึงกล้าดีมาทำตัวเช่นนี้? คุณชายปฏิบัติต่อปุถุชนโดยไร้การวางท่าแม้สักนิด เจ้ากลับกล้าแกล้งปุถุชนตามอำเภอใจ!”
เขาถอนหายใจก่อนพูดต่อ “เจ้าทำตัวเช่นนี้แล้วยังหวังว่าจะได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร! คุณชายจะต้องไม่มอบมันให้กับเจ้าอย่างแน่นอน”
“…”
หลังจากได้ยินที่ตกฟางเวิ่นพูด เจ้าก้อนหินก็ถึงกับพูดไม่ออก
มันอยากจะพูดออกมาจริงว่า พี่ใหญ่ เจ้าค่อยพูดหลังจากเข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างกระจ่างแล้วดีหรือไม่?
มันจะกล้าแกล้งปุถุชนตามอำเภอใจได้อย่างไร!
อยู่ดี ๆ ก็มาโยนความผิดใส่หัวของมัน!
มารดาเจ้าเถอะ อารมณ์โกรธของมันถูกจุดขึ้นมาทันที!
“ได้พบข้าไม่ใช่เรื่องง่าย ตอนนี้ข้าอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง เอาเถอะ ข้าจะช่วยเหลือเจ้าเอง”
ตงฟางเวิ่นกล่าว “หากอยากได้วาสนาการเปลี่ยนจากคุณชาย อย่างเจ้าก็อย่าคิดฝันเลย คุณชายไม่มอบให้กับคน…ไม่สิ หินที่ทำตัวไม่ดีอย่างเจ้าหรอก”
พูดแล้วเขาก็หยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยืดหลังตรง “แต่ข้าเองก็พอจะชี้แนะเจ้าได้บ้างอย่างไม่มีปัญหา ข้าคือคนที่อยู่ข้างกายคุณชาย ขอบเขตบรรลุระดับที่เจ้าไม่อาจจินตนาการถึง! สามารถได้รับคำชี้แนะจากข้า นับว่าเป็นโชคทั้งชีวิตของเจ้าแล้ว!”
ทำตัวไม่ดี!?
มารดาเจ้าเถอะ!
ไอ้หมอนี่ ยิ่งพูดยิ่งไม่น่าฟัง!
ยังบอกจะชี้แนะมัน?
มันยังต้องการคำชี้แนะจากคนผู้นี้อีกหรือ?
หมอนี่ยังจัดการกับอสุรกายหัวกิเลนตนนั้นไม่ได้เสียด้วยซ้ำ ห่างชั้นกันไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ยังจะกล้ามาชี้แนะมัน?
คิดอะไรอยู่กัน!
หากมันลงมือ เพียงแค่ครั้งเดียวก็สามารถระเบิดอสุรกายหัวกิเลนทิ้งได้!
ไอ้หมอนี่กลับมาพูดจาใหญ่โตต่อหน้ามัน!
เจ้าก้อนหินโมโหหนักขึ้น
ทว่ามันก็ไม่ได้ลงมือจู่โจม
“อย่างนั้นหรือ?”
มันกล่าว “ถ้าเป็นตามที่เจ้าว่ามา ก็หมายความว่าเจ้าควรจะแข็งแกร่งมากใช่หรือไม่? ช่วยแสดงให้ข้าเห็นทีได้หรือไม่?”
“คนข้างกายคุณชาย ย่อมต้องแข็งแกร่งมาก!”
ต้นหลิวที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยออกมาด้วย “ไม่ใช่แค่เจ้าที่อยากเห็น ข้าเองก็อยากเห็นด้วย!”
“โอ้ ที่นี่ยังมีต้นหลิวที่มีจิตวิญญาณอยู่ด้วยหรือ?”
ตงฟางเวิ่นกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ช่างมันเถอะ ช่างมันเถอะ วันนี้ข้าอารมณ์ดี จะหนึ่งหรือสองก็ชี้แนะได้เหมือนกัน ไม่มีปัญหาอันใด ข้าจะแสดงให้พวกเจ้าได้เห็นว่าข้าสามารถทำอะไรได้บ้าง”
เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นโบก ทันใดนั้นก็เกิดเป็นมิติพิเศษขึ้นมาทันที
ทั้งสองฝั่งแม่น้ำยังมีปุถุชนจำนวนมากกำลังตกปลาอยู่ เขาต้องการจะสำแดงพลังการฝึกตน เขาย่อมไม่สามารถแสดงให้ปุถุชนเห็นได้
“เพียงแค่โบกมือก็สร้างพื้นที่ว่างขึ้นมาได้! แข็งแกร่งมาก! นี่คือความสามารถของผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงสินะ!”
เจ้าก้อนหินแสร้งถอนหายใจแล้วพูดขึ้นมา “แต่ข้ายังต้องการจะปะมือกับเจ้า สัมผัสความแข็งแกร่งของเจ้าด้วยตัวเอง”
“ข้าด้วย!”
ต้นหลิวที่อยู่ด้านข้างเอ่ยสนับสนุน “ข้าเองก็อยากจะสัมผัสความแข็งแกร่งของผู้แข็งแกร่งด้วยตนเอง!”
“เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด”
ตงฟางเวิ่นแย้มยิ้มสดใจ เอามือสองข้างไพล่หลัง “พวกเจ้าลงมือเต็มที่ ข้ายับยั้งขอบเขตพลังทั้งหมดของข้าไปแล้ว หากพวกเจ้าสามารถแตะต้องผมข้าได้แม้สักเส้น ก็นับว่าข้าแพ้”
นี่คือความมั่นใจในตนเอง!
มั่นใจอย่างถึงที่สุด!
แม้ว่าเขาจะเอามือไพล่หลัง ทั้งยังยับยั้งขอบเขตพลังทั้งหมดของตนเอง เขาก็ยังเหนือกว่า!
“ยอดเซียน หนึ่งในใต้หล้า มีข้าตงฟางเวิ่นจึงมีฟ้า!”
“เซียนไร้เทียมทาน!”
“ราชันไร้พ่าย!”
“เอ่ยนามของข้า ฟ้าดินล้วนนบนอบ!”
“นี่คือความแข็งแกร่งของข้า!”
ตงฟางเวิ่นตะโกนเสียงดังเปี่ยมด้วยพลัง
ไม่ต้องกล่าวออกมาเลยว่ามันเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแค่ไหน!