รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 70 ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว มิใช่ว่าผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ลืมข้าไปแล้วหรือ
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 70 ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว มิใช่ว่าผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ลืมข้าไปแล้วหรือ
เครื่องมือแกะสลักวางอยู่ในกล่องขนาดกลาง หลี่จิ่วเต้าเปิดกล่องไม้ออก ยกเครื่องมือแกะสลักทั้งหมดในนั้นออกมา
นี่คือเครื่องมือแกะสลักแบบครบชุด ในนี้มีทั้งค้อน มีดขูด มีดแกะสลัก สิ่ว เลื่อย ไม้บรรทัด กบไสไม้
โดยชนิดของมีดที่ใช้แกะสลักมีเยอะมาก มีทั้งมีดแบน มีดตะไบ มีดปาด มีดเจาะ มีดหัวมุม และอื่น ๆ อีกเก้าเล่ม
ก่อนจะเป็นสิ่วทั้งหมดหกเล่ม ชนิดเหมือนกันแค่ต่างกันที่ขนาด
ผู้เฒ่าเมิ่งจีเห็นอุปกรณ์แกะสลักชุดนี้แล้วตาแทบถลน หัวใจเต้น ‘ตึกตัก’ รัวเร็วจนแทบทะลุออกจากหน้าอก
อุปกรณ์แกะสลักครบชุด มิมีชิ้นใดธรรมดาเลย แต่ละชิ้นล้วนมีจังหวะแห่งเต๋าอันน่าทึ่งไหลเวียน!
‘ค้อนนี้คือค้อนนภาลัย ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบอาวุธจักรพรรดิใช่หรือไม่’
‘มีดขูด…มีดแกะสลักทั้งปวงนี้ ต่างหล่อหลอมขึ้นด้วยทองเซียนอย่างนั้นหรือ’
‘สิ่วหกเล่ม รูปร่างคล้ายพลั่ว หรือนี่คือพลั่วอัสสุสวรรค์ในตำนาน’
‘เลื่อยสีเขียวอมน้ำเงิน คงมิใช่เลื่อยตัดนภาหรอกนะ!’
‘บรรทัดหยกขาว…นี่คือบรรทัดวัดฟ้า!’
‘วัสดุของกบไสไม้และมีดล้วนมีจังหวะแห่งเซียนไหลเวียน สร้างจากไม้เซียนและทองเซียนอย่างนั้นหรือ’
ผู้เฒ่าเมิ่งจีหัวใจแทบหยุดเต้น
เขามาพักอาศัยกับท่านเซียนได้ระยะหนึ่งแล้ว ได้พบเห็นสมบัติล้ำค่าชั้นสูงคณานับในที่แห่งนี้
เดิมเขาคิดว่าได้รับประสบการณ์มากพอจนไม่แตกตื่นง่าย ๆ แล้ว
แต่เมื่อได้เห็นอุปกรณ์แกะสลักชุดนี้ เขาก็ยังตกตะลึงเหลือแสน!
ค้อนนภาลัย ชี้ชะตาในค้อนเดียว ศาสตราอื่นใดมิอาจขวางกั้น ประกอบด้วยมหากฎวิถีไร้เทียบเทียม สามารถสะกดอานุภาพสรรพศาสตรา ลดทอนกำลังอาวุธ จนศาสตราทั้งหลายกลายเป็นเพียงอาวุธไร้ประโยชน์
พลั่วอัสสุสวรรค์ เมื่อหกพลั่วนี้ออกสู่โลกหล้า ปฐพีนี้เป็นต้องเสงี่ยม กระทั่งสวรรค์ยังต้องร่ำไห้!
เลื่อยตัดนภา ภายใต้เลื่อยนี้ สรรพสิ่งล้วนเท่าเทียม ตัดได้ทั้งสิ้น!
บรรทัดวัดฟ้า วัดฟ้าดินอันไร้ที่สิ้นสุดได้ แล้วยังบันทึกกฎวิถีสวรรค์ไว้คณานับ!
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอาวุธโบราณในตำนานทั้งนั้น เนื่องจากเก่าแก่เกินไป จนคนรุ่นหลังไม่แน่ใจว่าอาวุธโบราณไร้เทียมทานเหล่านี้มีจริงหรือไม่!
ส่วนมีดแกะสลัก กบไสไม้ที่เปล่งประกายจังหวะแห่งเซียนยิ่งไม่ต้องพูดถึง นั่นคืออาวุธเซียนเชียวนะ…
‘ท่านเซียนใช้อาวุธโบราณไร้เทียมทานชุดนี้แกะสลัก…’
ผู้เฒ่าเมิ่งจีไม่รู้ควรเอ่ยคำใด มีเพียงประโยคเดียว ท่านเซียนก็คือท่านเซียน คนต่ำต้อยเช่นเขาไม่อาจเดาทางได้จริง ๆ!
อีกด้านหลี่จิ่วเต้าสมาธิแน่วแน่ เริ่มสลักท่อนไม้หนานมู่เก่าแก่
การแกะสลักเป็นเรื่องพิถีพิถัน เลินเล่อมิได้เด็ดขาด ผิดพลาดเพียงนิดเดียวสามารถก่อให้เกิดความแตกต่างยิ่งใหญ่ จนกลายเป็นจุดด่างพร้อย
เขาแกะสลักไปทีละนิด จนท่อนไม้นี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างกู่ฉินขึ้นมา
คนทั่ว ๆ ไปมักใช้วิธีประกอบกู่ฉิน แต่เขาไม่ เขาต้องการแกะสลักกู่ฉินออกมาในชิ้นเดียว
งานฝีมือเช่นนี้ทวีความยากเข้าไปใหญ่
ทว่าไม่เป็นปัญหาสำหรับเขา ฝีมือแกะสลักของเขาอยู่ในระดับสูงสุด ฝีมือการใช้มีดอัศจรรย์ชวนทึ่ง สลักแต่ละจุดได้แม่นยำยิ่งยวด ไม่ผิดพลาดแม้แต่น้อย
ใช้เวลาถึงสองชั่วยามเต็ม เขาถึงสลักกู่ฉินเสร็จ รวมถึงทาสีด้วย
สีที่ใช้ทาเขาผสมขึ้นเอง โดยใช้วัตถุดิบธรรมชาติจากยางไม้
หลังจากแกะสลักตัวกู่ฉินเสร็จแล้ว เขาเริ่มลับพิณกู่ฉิน
พิณกู่ฉินนั้นสำคัญกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย คุณภาพของกู่ฉินขึ้นอยู่กับพิณทั้งสิ้น
และขั้นตอนการทำพิณซับซ้อนเช่นเดียวกัน ต้องพลิก พัน ผสาน อบ ต้ม ตาก และอื่น ๆ อีกหลายสิบขั้นตอน
พิณมีทั้งหมดเจ็ดเส้น เรียงลำดับจากนอกมาในประกอบด้วย กง ซาง เจี่ยว ฮุยอวี่ เหวิน และอู่ ซึ่งเรียงลำดับจากเส้นหนามาเส้นบางอีกด้วย เป็นตัวกำหนดเสียงและจังหวะดนตรี
ผู้เฒ่าเมิ่งจีตาค้าง คิดไม่ถึงเลยว่าสายพิณเล็ก ๆ เช่นนี้จะมีกระบวนการซับซ้อนขนาดนี้!
“ท่านเซียนไม่ได้ใช้พลังเซียนแม้แต่น้อย สร้างเครื่องกู่ฉินและสายพิณด้วยกำลังมนุษย์ล้วน ๆ ความอดทนระดับนี้รวมทั้งความแม่นยำในการควบคุมรายละเอียดต่าง ๆ น่านับถือยิ่งนัก!”
เขาเอ่ยในใจอย่างอดไม่ได้
ท่านเซียนเคยกล่าวไว้ ปุถุชนใช่ว่าจะด้อยกว่าผู้ฝึกตน ดูท่าคงจริง ลำพังกู่ฉินเครื่องแค่นี้ยังมีขั้นตอนการทำซับซ้อนถึงเพียงนี้ ปุถุชนนี่ไม่ธรรมดาจริง ๆ ใส่ใจทุกรายละเอียด สติปัญญาไม่น้อยไปกว่าผู้ฝึกตนเลย
เครื่องกู่ฉินและสายพิณที่สร้างเสร็จแล้วต้องใช้เวลาตาก หลิงอินจะมาที่นี่ทุกวันเพื่อดูว่าตากจนได้ที่หรือยัง
ขอบเขตของผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ยากเกินหยั่งถึง เครื่องกู่ฉินที่สร้างด้วยความใส่ใจเช่นนี้ ย่อมมิใช่กู่ฉินดาด ๆ นางคาดหวังในกู่ฉินเล่มนี้เหลือเกิน!
‘มัวเปรียบเทียบกันเองคงมิมีผู้ใดเลิศเลอ! เฮ้อ ไยข้าถึงไม่ใช่สตรีนะ’
ผู้เฒ่าเมิ่งจีโหวกเหวกในใจ ทั้งอิจฉาทั้งริษยาหลิงอิน!
กู่ฉินที่ท่านเซียนตั้งใจสรรค์สร้างปานนี้ ต้องอัศจรรย์ขนาดไหนกันนะ
เขาอิจฉาจริง ๆ โกรธแต่เพียงตัวเองที่มิใช่อิสตรี!
หากเขาเป็นอิสตรี เป็นที่เอ็นดูของท่านเซียนได้มากกว่านี้ เขาจะเก่งขนาดไหนกัน!
“ร้อนใจไปก็ไม่ช่วยอะไร ใจเย็นเข้าเถิด ทั้งกู่ฉินและสายพิณต้องตากอย่างน้อยสามถึงห้าวัน”
หลี่จิ่วเต้ามองหลิงอินที่แวะมาทุกวันแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“อ๋อ…ไม่รีบ ไม่รีบเลย”
หลิงอินกล่าว
ทว่าใคร ๆ ก็ฟังออกว่านางปากไม่ตรงกับใจ ตอนที่นางเอ่ยคำว่า ‘ไม่รีบ’ ลูกตายังชำเลืองไปทางกู่ฉินและสายพิณอยู่เลย
…
ภายในตำหนักโอ่อ่าหรูหรา มีเด็กสาวคนหนึ่งนั่งอยู่บนขั้นบันไดที่ปูด้วยหินเขียว สองมือเท้าคาง จ้องมองประกายแสงสูงเสียดฟ้าดุจเสาค้ำสวรรค์ด้วยสายตาเศร้าหมอง
“เมื่อไหร่จะจบนะ ไม่ได้เจอผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่มาหลายวันแล้ว…”
นางเอ่ยเสียงหม่นหมอง
ใช่แล้ว คนผู้นี้คือเซี่ยเหยียน สถานที่ที่นางอยู่คือวังหลวงแห่งอาณาจักรเซี่ย
ก่อนหน้านี้นางตามเสด็จพ่อของตนกลับมาจัดการปัญหาของหนิงเจี๋ย หลังเรื่องจบ นางก็ออกจากอาณาจักรเซี่ย มุ่งหน้าไปยังสำนักไท่หัว
ทว่าระหว่างทาง แดนบูรพาทิศเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ประกายแสงดุจเสาค้ำสวรรค์มากมายทะยานขึ้นฟ้า ส่องสว่างไปทั่วทั้งแดนบูรพาทิศ
นางจึงรู้ว่าที่นั่นเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว แดนบูรพาทิศไม่สงบอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ นางจึงมิได้กลับสำนักไท่หัว แต่เดินทางกลับอาณาจักรเซี่ยอีกครั้ง
นางกลัวว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับเสด็จพ่อของนางและอาณาจักรเซี่ย
ตัวนางมีจี้หยกคุ้มกายและคันศรราชันที่ผู้อาวุโสประทานให้ มีนางอยู่ที่อาณาจักรเซี่ย ทั้งเสด็จพ่อของนางและอาณาจักรเซี่ยย่อมปลอดภัยขึ้นอีกเยอะ
สิ่งที่เกิดขึ้นพิสูจน์แล้วว่า การที่นางกลับอาณาจักรเซี่ยเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว
ผ่านไปเพียงไม่นาน แดนบูรพาทิศก็เกิดจลาจล ผู้ฝึกตนจำนวนคณานับรุดหน้าไปยังที่นั่น นอกจากนี้นางยังไม่พบยอดฝีมือจากอีกสี่ภูมิภาค
โชคดีที่นางกลับมา
อาณาจักรเซี่ยที่มีนางคอยพิทักษ์ ยิงคันศรเพียงหนึ่งครั้ง มิมีผู้ฝึกตนคนใดหาญกล้าก่อความวุ่นวายในอาณาจักรเซี่ยอีก
นางมิได้ใช้คันศรราชันแต่อย่างใด หากแต่ใช้เพียงคันศรปราณทั่วไป กระนั้นคันศรที่ยิงออกไปยังคงมีแสนยานุภาพแกร่งกล้า จนผู้ฝึกตนทั้งหลายไม่กล้าแหยม
นางได้ประโยชน์จากคำชี้แนะการยิงคันศรของผู้อาวุโสมหาศาล!
ยังดีที่นางอยู่ หากนางไม่อยู่ อาณาจักรเซี่ยเป็นต้องประสบเคราะห์ร้ายแน่ นิสัยใจคอของผู้ฝึกตนนั้นนานาจิตตัง ผู้ฝึกตนมากมายมีนิสัยฉวยโอกาสก่อความวุ่นวาย…
โดยเฉพาะเมื่อผู้ฝึกตนจากสี่ภาคที่เหลือเดินทางมายังแดนบูรพาทิศด้วย
“ไม่ได้พบหน้าท่านผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ตั้งหลายวัน ท่านผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่จะลืมข้าแล้วหรือไม่…”
เซี่ยเหยียนก้มหน้าพึมพำกับตัวเอง
เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้น นางดูกระจิริดจนแทบไม่มีตัวตน หวาดหวั่นใจเหลือเกินว่าท่านผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่จะลืมเลือนตนเอง!
…
เหยียนโจว ภาคกลาง
ฐานทัพแต่ละจุดของเผ่าอสรพิษโซ่แดงถูกถอนรากถอนโคน สมาชิกที่เหลืออยู่มารวมตัวกันที่ฐานทัพหลักของเผ่า เพื่อร่วมแรงปกป้องดินแดน
เผ่าสิงห์มารเพลิงม่วง เผ่าหมาป่าอเวจี เผ่าหมีเทาขนเหล็ก เผ่าวานรทองดำ เผ่าฉลูจอมกำลัง 5 มหาเผ่าสัตว์อสูรผนึกกำลังมาเยือน ล้อมฐานทัพหลักของเผ่าอสรพิษโซ่แดงไว้มิดชิด น้ำซึมผ่านไม่ได้สักหยด!
“ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ข้าไม่ต้องคอยซ่อนตัวในความมืดอีกต่อไป และข้าจะได้แก้แค้นให้ตัวเองเสียที!”
ราชันวิฬารหิมะสวรรค์ตาเปล่งประกายชวนผวา
จุดจบถูกกำหนดไว้แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป เขาจักไปยังเผ่าอสรพิษโซ่แดงด้วยตัวเอง เพื่อปลิดชีพราชันอสรพิษโซ่แดง และลั่วหนานที่ซ่อนตัวในเผ่าอสรพิษโซ่แดง!