รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 813 งานแต่ง ข้าย่อมต้องไป!
บทที่ 813 งานแต่ง ข้าย่อมต้องไป!
คิ้วเรียวของซีขมวดลงเล็กน้อย สิ่งมีชีวิตเหล่านี้กำลังพูดอันใดอยู่กัน? คิดจริงหรือว่าสามารถหยิบจับนางได้ตามต้องการ?
นางลงมือทันทีโดยไม่เอ่ยวาจาใด สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ล้วนแต่ไม่มีสิ่งดีแต่อย่างใด
พวกที่สามารถร่วมมือกระทำความชั่วกับเทียนหมิงได้ จะนับว่าดีได้อย่างไร?
เสียงฟิ้วดังขึ้น มีบางสิ่งทะยานออกมาจากร่างของนาง เกิดความผันผวนพิเศษที่ไม่อาจอธิบายได้พุ่งทะยานขึ้นฟ้า
มันคือผังค่ายกลอันหนึ่ง หลังจากที่ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ผังนั้นพลันคลี่ตัวออกกลายเป็นค่ายกลเต็มพื้นที่ อักขระอันน่าตื่นตะลึงขยับเคลื่อน ปกคลุมสิ่งมีชีวิตแดนมฤตยูซากอัมพรเหล่านั้นเอาไว้
“ค่ายกลหรือ?”
“แม่นางน้อยคนงามไม่คิดพูดจาหรือ? เพิ่งจะไม่ทันไรก็คิดจะสู้ตายกับพวกเราเสียแล้ว”
เพื่อเผชิญหน้ากับค่ายกลที่ปกคลุมตนเองไว้ สิ่งมีชีวิตจากแดนมฤตยูซากอัมพรก็ยังคงมีสีหน้าสงบนิ่งเป็นอย่างมาก ไม่ได้เคลื่อนไหวแต่อย่างใด
“พวกท่านโปรดระวัง นางมีความสามารถด้านค่ายกลสูงเป็นอย่างมาก!”
เทียนหมิงตะโกน เตือนเหล่าสิ่งมีชีวิตแดนมฤตยูซากอัมพรไม่ให้ประมาท
“สูงเป็นอย่างมากหรือ? จะสูงได้สักเพียงใดกัน?”
“พูดถึงเรื่องค่ายกลแล้ว นางยังนับว่าห่างชั้นนัก!”
สิ่งมีชีวิตแดนมฤตยูซากอัมพรเปี่ยมด้วยความมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่เห็นค่ายกลนี้อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย พวกมันมีไพ่ตายเอาไว้ทำลายค่ายกลโดยเฉพาะอยู่ในมือ
ตู้ม!
ความว่างเปล่าระเบิดออก ค่ายกลสำแดงพลัง นี่เป็นค่ายกลที่ซีสร้างขึ้นมาตอนอยู่ภายในเจดีย์เวหา เผื่อเอาไว้ใช้งาน
“ดูข้าทำลายค่ายกลทิ้งเสีย!”
สิ่งมีชีวิตแดนมฤตยูซากอัมพรตนนั้นมั่นใจเป็นอย่างมาก มือหยิบบางสิ่งขึ้นมา นั่นคือหินก้อนหนึ่ง ด้านบนเต็มไปด้วยอักขระเหนือล้ำมากมาย ดูแล้วไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง
นี่เป็นสิ่งที่มันได้มาจากแดนอันตรายในชั้นสาม ไม่รู้แน่ชัดว่ามีที่มาเช่นไร มันเกือบต้องทิ้งชีวิตเอาไว้ในแดนอันตรายเพื่อจะได้รับหินก้อนนี้มา
ต่อมาหลังจากที่มันได้ทดสอบความสามารถของหินก้อนนี้ ไม่ว่าจะเป็นค่ายกลใดก็ล้วนสามารถทำลายได้ นับว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง มันจึงตั้งนามให้หินก้อนนี้ว่าศิลาทลายค่าย
หินก้อนนี้พิเศษจริง ๆ อักขระเหนือชั้นด้านบนส่องแสง เป็นดังกระจกสะท้อนรูปแบบค่ายกลออกมา อีกทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบค่ายกลนั้นได้ด้วย!
ทว่ามันก็ถูกตอบโต้กลับมาอย่างรวดเร็ว!
ระดับความเข้าใจลึกซึ้งในค่ายกลของซีนั้นสูงล้ำเป็นอย่างยิ่ง เช่นนั้นแล้วจะถูกทำลายโดยง่ายได้อย่างไร?
เสียงสนั่นดังลั่น พลังงานในค่ายกลระดมโจมตีเข้าใส่ก้อนหิน กระแทกชนก้อนที่ลอยสูงอยู่บนอากาศให้ร่วงหล่นลงมา
“เวรเอ้ย! นี่มันผ้าพันแผลพันก้น*[1] แต่ข้ากลับลงมือพลาด!”
สิ่งมีชีวิตแดนมฤตยูซากอัมพรร้องออกมาด้วยถ้อยคำแปลกประหลาด เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ กระทั่งศิลาทลายค่ายยังไม่อาจทำสิ่งใดได้ ความเข้าใจด้านค่ายกลของซีนั้นลึกล้ำสูงส่งถึงเพียงใดกัน?!
“ฆ่า!”
สิ่งมีชีวิตแดนซากอัมภรพลันเกิดความรู้สึกหนักอึ้งในใจ ร่างกายเปล่งแสงสว่างเจิดจ้า พวกมันต่างลงมือพุ่งเข้าใส่ทันที!
พวกมันนับได้ว่าทรงพลังมากจริง ๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่สามารถทำให้สิ่งมีชีวิตในชั้นสองหวาดกลัวกริ่งเกรงได้ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่อยู่ขั้นหกขอบเขตผู้บงการ!
ภายใต้ค่ายกลนี้ พวกมันไม่อาจนับเป็นสิ่งใด ค่ายกลนี้สามารถสังหารพวกมันทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย!
เมื่อเห็นฉากดังกล่าว สิ่งมีชีวิตทั้งหมดก็ต่างพากันอ้าปากค้าง
สิ่งมีชีวิตขั้นหกขอบเขตผู้บงการ กลับถูกสังหารอย่างง่ายดาย ความสามารถด้านค่ายกลนับว่าถึงขั้นสามารถทำให้คนตกใจตายได้!
“ยังดีที่พวกเราไม่ได้เข้าไปร่วมด้วย!”
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะสามารถต่อกรด้วยได้จริง ๆ!”
เหล่าบรรพจารย์จากกองกำลังต่าง ๆ รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง เหงื่อเย็นเยียบไหลทะลัก ยังดีที่พวกเขาไม่ได้เข้าไปในตระกูลเทียนเพื่อต่อกรกับซี ไม่เช่นนั้นจุดจบอาจน่าสังเวชอย่างแน่นอน!
“ข้าก็หลงคิดว่าพวกเจ้าทรงพลังมากมาย! ทว่ากลับได้เพียงแค่นี้! นับเป็นการรนหาที่ตายแล้ว!”
เทียนหมิงสบถสาปแช่ง ใบหน้าซีดเซียวอัปลักษณ์ สิ่งมีชีวิตแดนมฤตยูซากอัมพรล้วนทรงพลังและทรงอำนาจเป็นอย่างยิ่ง เขายังหลงคิดว่าสิ่งมีชีวิตแดนมฤตยูซากอัมพรจะสามารถจัดการกับซีได้อย่างง่ายดาย
ผลคือกลับถูกซีสังหารสิ้น!
“ให้โอกาสข้าสักครั้งเถิด!”
เขาร้องไห้พร้อมก้าวออกมาคุกเข่าลงเบื้องหน้าซี เอ่ยอ้อนวอน หวังให้ซียอมปล่อยตนไป
ทว่าซีจะยอมปล่อยเทียนหมิงไปได้อย่างไร นางได้เห็นธาตุแท้ของเทียนหมิงมานานแล้ว หากปล่อยให้คนผู้นี้มีชีวิตอยู่ต่อ สุดท้ายย่อมจะต้องกลายเป็นภัยอย่างแน่นอน
ค่ายกลเปล่งแสง พุ่งเข้าสังหารเทียนหมิงจนดับสิ้น!
จากนั้นซีก็เดินไปทางเทียนลู่ เพียงแค่โบกมือ ก็มีแสงศักดิ์สิทธิ์ส่องลงมาบนร่างของอีกฝ่าย นางใช้วิชาเยียวยาเพื่อรักษาเทียนลู่
แก่นกำเนิดของเทียนลู่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก เกือบจะกลายเป็นอาการบาดเจ็บที่ไม่อาจรักษาได้ ทว่าภายใต้วิชาเยียวยาของซี เทียนลู่กลับสามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้ แก่นกำเนิดบางส่วนกลับมารวมกันอีกครั้ง
แม้ว่าจะไม่อาจทำให้ฟื้นฟูกลับมาสมบูรณ์ในทันที แต่นับว่าสามารถมอบความหวังให้กับเทียนลู่ วันข้างหน้าเทียนลู่สามารถพึ่งพาแก่นกำเนิดที่กลับมาหลอมรวมกันบางส่วนเพื่อค่อย ๆ ฟื้นฟูทีละนิด
“ขอบคุณ ขอบคุณ!”
น้ำตาไหลอาบใบหน้าของเทียนลู่ เขาเกิดความรู้สึกซาบซึ้งต่อซีมากจนไม่อาจบรรยายออกมา นี่นับเป็นบุญคุณล้นฟ้า ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่อาจตอบแทนได้หมด
กองกำลังที่อยู่ภายนอกต่างตกตะลึง วิชาเยียวยาของซีนั้นน่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง กระทั่งแก่นชีวิตยังสามารถรักษาได้ นี่มันวิชาล้ำค่าสะท้านฟ้าแบบใดกัน?
ซีและเต่าชราไม่ได้รั้งอยู่ในตระกูลเทียนนาน หลังจบเรื่องพวกเขาก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ชั้นสาม
สำหรับซีแล้ว แม้จะยังสามารถฝึกฝนต่อไปในชั้นนี้ได้ แต่ผลลัพธ์ก็จะไม่ได้ระดับเดิมอีกต่อไป ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ฝึกฝนที่ชั้นนี้ต่อ การไปชั้นสามน่าจะดีกว่า
……
เวลาผ่านไปกว่าครึ่งเดือน ทุกอาณาจักรต่างเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา มีสิ่งมีชีวิตต่างจักรวาลโกลาหลจำนวนมากมุ่งหน้ามายังจักรวาลโกลาหลแห่งนี้
“นี่คือสสารอันใดกัน? ช่างทรงพลังเกินไปแล้ว!”
“ข้าไม่เคยสัมผัสสสารเช่นนี้มาก่อน! เกรงว่าในเทวโลกตามข่าวลือก็จะไม่อาจเทียบชั้นได้กระมัง”
พวกเขาทอดถอนใจ หลังจากเข้ามายังจักรวาลโกลาหลแห่งนี้จริง ๆ แล้ว พวกเขาก็เพิ่งตระหนักได้ว่าสสารเหล่านี้พิเศษเหนือชั้นมากเพียงใด แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้
“อาณาจักรแห่งนั้นทรงพลังยิ่ง แข็งแกร่งยิ่งกว่าอาณาจักรใด ๆ!”
“อาณาจักรแห่งนั้นคือใจกลางหรือ?”
พวกเขาสังเกตเห็นว่ามีหนึ่งอาณาจักรที่พิเศษโดนเด่นอย่างถึงที่สุด เปี่ยมด้วยสสารกับกฎแห่งสวรรค์และโลกอันเหนือชั้นกว่าอาณาจักรอื่นเป็นอย่างมาก
เพียงพริบตาเดียว สิ่งมีชีวิตจำนวนมากในหมู่ของพวกเขาก็พลันตื่นเต้นขึ้นมา ก่อนเร่งรีบไปยังอาณาจักรแห่งนั้น
“จงรู้จักพึงพอใจ อย่าได้โลภมากเกิน! อาณาจักรอื่น ๆ ก็ดีมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องต่อสู้เพื่อไปยังอาณาจักรแห่งนั้น…”
“ยิ่งสถานที่ดีเท่าใดก็ยิ่งน่าหวาดหวั่น!”
นอกจากนั้นยังมีสิ่งมีชีวิตอีกจำนวนมาก เลือกจะรั้งอยู่ที่อื่น ไม่ได้ตรงไปยังอาณาจักรแห่งนั้น ด้วยเกรงว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น
……
อาณาจักรที่หลี่จิ่วเต้าอาศัยอยู่
สิ่งมีชีวิตต่างจักรวาลโกลาหลจำนวนมากพากันเข้ามา ดึงดูดความสนใจให้อาณาจักรแห่งนี้เกิดความสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ เหล่าสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นต่างตื่นตะลึง ทอดถอนใจว่าตนก็เคยนั่งชมท้องฟ้ามามาก แต่กลับไม่รู้ว่าโลกหล้ากว้างใหญ่ไพศาลถึงเพียงนี้!
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว พวกเขาไม่รู้ว่ายอดฝีมือจากต่างจักรวาลโกลาหลอยู่ขอบเขตขั้นใดกัน นี่มันเหนือเกินกว่าสามัญสำนึกของพวกเขามาก!
ยังดีที่สิ่งมีชีวิตต่างจักรวาลโกลาหลแห่งนั้นไม่กล้าก่อความวุ่นวาย นิ่งสงบเป็นอย่างมาก อย่างไรเสียโลกนี้ก็อัศจรรย์และลึกลับเกินไป จนกว่าจะทำความเข้าใจได้เพียงพอ พวกเขาก็ไม่กล้าก่อเรื่องอันใด
“ดี”
เมิ่งจีหยุดมือ จักรพรรดินีเองก็เก็บทวนกลับไป
หากสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นกล้ามาก่อความวุ่นวายในอาณาจักรแห่งนี้ พวกเขาย่อมไม่มีทางปล่อยไปโดยง่าย!
……
เมืองชิงซาน
ในลานเล็ก ๆ ของหลี่จิ่วเต้า
สือเฟิงมาเยือนพร้อมกับจดหมายเชิญสีแดงในมือ พร้อมบอกกล่าวกับคุณชายว่าเขากำลังจะแต่งงาน
“นับเป็นเรื่องดี! ยินดีด้วย!”
หลี่จิ่วเต้ารับจดหมายเชิญด้วยรอยยิ้ม “งานแต่งใกล้มาถึงแล้ว ช่วงนี้เจ้าคงต้องยุ่งเป็นอย่างมาก เหตุใดจึงยังมาส่งจดหมายเชิญด้วยตนเองอีก? ไม่สู้ให้ผู้อื่นมาส่งให้!”
“สำหรับคุณชายแล้ว ข้าย่อมต้องมาส่งด้วยตนเองแน่นอน!”
สือเฟิงเอ่ย จากนั้นก็ถามออกมาด้วยความระมัดระวัง “ไม่ทราบว่าคุณชายจะมีเวลาไปหรือไม่?”
“แน่นอน! เมื่อถึงเวลาช้าย่อมต้องไป!”
หลี่จิ่วเต้ายิ้ม
“เช่นนั้นข้าจะรอคอยคุณชายมาเป็นแขก!”
สือเฟิงกล่าวลาคุณชายด้วยความตื่นเต้น ก่อนจากไป
[1] ผ้าพันแผลพันก้น (纱布擦屁股) หมายถึง แสดงความสามารถหรือทักษะด้านใดด้านหนึ่งออกมา