รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 861 แดนบูชายัญอันธการ ตงเซิง!
บทที่ 861 แดนบูชายัญอันธการ ตงเซิง!
หอมเกินไปแล้ว!
กลิ่นสุราหอมเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ดื่มสุราหรือไม่ชื่นชอบสุรา ก็ล้วนไม่อาจทนกลิ่นสุราได้ ต้องการจะลองสักจิบ
“อึก!”
กระทั่งพระอมิตาภะพุทธเจ้าก็ไม่อาจรักษาความสงบเอาไว้ได้ ลูกประคำในมือถูกหมุนไม่หยุด หัวใจพุทธปั่นปวน
“จ้าวชิงบ้าไปแล้วหรือ?!”
“ได้ยินมาว่าจ้าวชิงใช้สมบัติหายากเหนือชั้นอย่างถึงที่สุดทุกชนิดมากลั่นเป็นสุราชั้นดีหนึ่งกา กระทั่งยามตนเองจะจิบกินยังไม่อาจตัดใจ เมื่ออยากก็ได้แค่หยิบออกมาดมกลิ่นหอมสุรา ครั้งนี้กลับยอมนำสุราชั้นเลิศทั้งกาออกมา?”
“หรือพวกเราจะเข้าใจจ้าวชิงผิดไป?!”
เหล่ายอดฝีมือจับจ้อง ได้ยินมานานแล้วว่าจ้าวชิงมีสุราดีอยู่ในมือ เป็นสมบัติที่ไม่อาจเปรียบเทียบได้
เมื่อได้กลิ่นสุราหอมกรุ่น พวกเขาทุกคนจึงคิดว่าจ้าวชิงนำสุราดีออกมาแล้ว!
“ข้าผิดไปแล้ว จ้าวชิงช่างมีคุณธรรมยิ่งนัก เพื่อให้พวกเราสามารถสู้รบได้ดียิ่งขึ้น ถึงกับนำสุราดีออกมาจากก้นกล่อง! ข้าละอายใจยิ่งนักที่เข้าใจจ้าวชิงผิดไป!”
“ใช่แล้ว จ้าวชิงช่างเปี่ยมคุณธรรม เป็นพวกข้าที่เข้าใจจ้าวชิงผิดไป พวกเราจะไปร่วมดื่มสุรากับท่าน!”
เหล่ายอดฝีมือพากันกล่าวออกมา จากนั้นก็รีบตรงไปทางฝั่งจ้าวชิง
พวกเขาทั้งหมดมารวมตัวกันข้างจ้าวชิงอย่างรวดเร็ว
“พระอมิตาภะพุทธเจ้า ท่านเองก็มาหรือ?”
ยอดฝีมือเผ่าอสูรผู้หนึ่งรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เขาได้เห็นพระอมิตาภะพุทธเจ้าอยู่ที่นี่ด้วย
เกิดอันใดขึ้น?
พระอมิตาภะพุทธเจ้าจะผิดศีลอย่างนั้นหรือ?
“จ้าวชิงมีคุณธรรมเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับนำสุราที่ยามปกติตนไม่อาจตัดใจดื่มลงออกมา เช่นนั้นแล้วข้าจะหักหาญน้ำใจของจ้าวชิงได้อย่างไร?”
พระอมิตาภะพุทธเจ้าส่ายหัวกล่าวออกมา “เรื่องใจดำเช่นนั้น ข้าไม่อาจทำได้ลง! หากข้าไม่เข้าสู่นรกภูมิ เช่นนั้นผู้ใดกันจะเข้าสู่นรกภูมิ? นี่คือสัจธรรมที่ข้าสอน”
หลังจากได้ยินคำพูดของพระอมิตาภะพุทธเจ้า มุมปากทุกคนก็อดกระตุกไม่ได้
อยากดื่มก็คืออยากดื่ม ยังจะเอ่ยวาจาชอบธรรมอันใดอีก!
พระอมิตาภะพุทธเจ้าก็สมกับเป็นพระอมิตาพุทธเจ้าจริง ๆ
ในฐานะผู้ชักชวน จ้าวชิงควรจะต้อนรับทุกคน ทว่าเขาไม่ได้ทำเช่นนั้น กลับนั่งขัดสมาธิบนก้อนหิน ร่างกายเปล่งแสงไหลเวียนด้วยจังหวะเต๋าอันพิเศษ ทำให้ตอนนี้ดูแล้วไม่ธรรมดายิ่ง!
เขากำลังกลั่นหลอมสุราที่ดื่มไป!
เมื่อทุกคนเห็นเช่นนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าจ้าวชิงกำลังฝึกฝนอยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รบกวนจ้าวชิง เพียงรอคอยอย่างเงียบ ๆ ด้านข้าง
ทว่าแม้จะรอคอยอย่างเงียบงัน แต่พวกเขาก็ไม่ได้สงบแต่อย่างใด ภายในใจผันผวนเป็นอย่างมาก แววตาเปี่ยมด้วยความตื่นตะลึง
นี่มันอันใดกัน?!
พวกเขาอดตื่นตกใจไม่ได้ สัมผัสได้ว่าจ้าวชิงแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
เป็นไปได้อย่างไร?!
พวกเขามองหน้ากัน เห็นความไม่อย่างจะเชื่อในสายตาของกันและกัน
เมื่อความแข็งแกร่งมาถึงระดับพวกเขาแล้ว เป็นไปได้อย่างไรที่จะแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างง่ายดาย?
นี่มันไม่มีทางเป็นไปได้!
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างง่าย กระทั่งให้เวลาพวกเขาหลายร้อยล้านปี ก็นับเป็นเรื่องยากที่จะพัฒนาขึ้น!
“นี่เป็นเพราะสุราในกานั่นใช่หรือไม่?”
ดวงตาของพวกเขาต่างเปล่งประกาย มองไปทางกาสุราที่วางเอาไว้ข้างกายจ้าวชิง
ตอนนี้กาสุราถูกปิดลงไปแล้ว พวกเขาไม่ได้กลิ่นหอมสุราอีกต่อไป ทว่าพวกเขาเองก็พอรู้สึกได้ว่าสาเหตุที่ทำให้จ้าวชิงแข็งแกร่งขึ้นนั้นเกี่ยวข้องกับสุรา
“มันทรงพลังถึงเพียงนั้นจริงหรือ? ไม่มีทางเป็นไปได้! แม้ว่าจะเป็นโอสถสวรรค์ สำหรับพวกเราแล้วนับว่าได้ผลเพียงจำกัด ถึงจ้าวชิงจะใช้โอสถสวรรค์แทบทุกชนิดมาทำเป็นสุรา ก็ไม่อาจส่งผลมากมายถึงเพียงนี้!”
ยอดฝีมือจากสรวงสวรรค์ผู้หนึ่งเอ่ยออกมา
พวกเขาทั้งหมดต่างรู้ดีว่าสุราของจ้าวชิงพิเศษมากเพียงใด มันถูกกลั่นขึ้นมาด้วยความทุ่มเทอย่างถึงที่สุดของจ้าวชิง
อีกทั้งพวกเขายังมาที่นี่ก็เพราะต้องการลิ้มลองสุราสักเล็กน้อย เพื่อให้ตนเองได้รับผลประโยชน์
ทว่าพวกเขาเองก็กระจ่างแจ้งเป็นอย่างดี ขอบเขตของพวกเขาสูงเกินไป วัตถุภายนอกมีผลต่อพวกเขาเพียงน้อยนิดจริง ๆ หากคิดอยากให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น
เรื่องหลังจากดื่มสุราไปแล้วพลังจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดด พวกเขาล้วนไม่มีความคิดนั้นแต่อย่างใด
ทว่าสถานการณ์ปัจจุบันของจ้าวชิง กลับเกินความคาดหมายของพวกเขาไปไกลลิบ!
เห็นได้ชัดว่าจ้าวชิงพัฒนาขึ้นมาก รอจนฝึกฝนเสร็จ พลังจะต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมแน่นอน!
พวกเขาสับสนยิ่ง ไม่มีผู้ใดคาดเดาความจริงออกมาได้
อย่างไรมันก็ยากเกินไปที่ผู้แข็งแกร่งในระดับพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้น
จากนั้นเพียงชั่วครู่สั้น ๆ พวกเขาก็หยุดการคาดเดา รอให้ชิงจ้าวฝึกฝนเสร็จ พวกเขาก็จะได้รับคำตอบเอง
ผ่านไปอีกชั่วขณะหนึ่ง จ้าวชิงก็เสร็จสิ้นการฝึกฝนแล้วลืมตาขึ้น
ยอดฝีมือทุกคนเข้ามาล้อมรอบเขาทันที ต่างสัมผัสได้ว่าพลังของจ้าวชิงแข็งแกร่งขึ้น ทั้งยังเหนือกว่าก่อนหน้านี้มาก!
“โอ้ เหตุใดทุกท่านถึงมากัน? มิใช่บอกว่าจะไม่มาหรือ?”
จ้าวชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เหตุใดจึงจะไม่มา! ก่อนหน้านี้ที่ข้าพูดล้วนเป็นเรื่องล้อเล่น จ้าวชิง ท่านจริงจังกับวาจาเหล่านั้นหรือ?”
“จ้าวชิงเชื้อเชิญด้วยความจริงใจ พวกเราจะไม่ไว้หน้าจ้าวชิงได้อย่างไร!”
บนใบหน้าของยอดฝีมือทั้งหมดเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ไอ้หยา ทุกท่านอย่าพูดเช่นนั้นเลย ให้ความใส่ใจกับข้ามากเกินไปแล้ว!”
จ้าวชิงกล่าวออกมา “การชวนทุกท่านร่ำสุราก่อนสงคราม นับเป็นเรื่องผิดยิ่ง ข้าตระหนักได้ถึงความผิดนี้แล้ว ทุกท่านโปรดอย่ามาทำให้ข้าอับอายเลย”
ยามที่กล่าวออกมา เขาก็จงใจมองไปทางประมุขแห่งสรวงสวรรค์เป็นพิเศษ
ประมุขแห่งสรวงสวรรค์เป็นผู้แรกที่เอ่ยประณามเขา
“อย่าได้ล้อเล่นเลย พวกข้าทุกคนต่างรู้ว่าคิดผิดไปแล้ว คำขอโทษยังไม่เพียงพอสำหรับเจ้าหรือ?”
ประมุขแห่งสรวงสวรรค์เอ่ยอย่างจำใจ เขามองจ้าวชิงออก
จ้าวชิงจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าบอกแล้วว่าพวกเจ้าจะต้องกลับมาขอร้องข้า”
เขากล่าวต่อ “ข้าไม่เล่นแล้ว พวกเจ้าก็เตรียมตัวเถิด ข้าจะแบ่งสุราให้คนละหยด”
จากนั้นเขาก็เปิดฝากาสุราออก ดวงตาของทุกคนพลันเปล่งประกายขึ้นเมื่อเห็นสุราในกา
ขอบเขตของทุกคนต่างสูงล้ำเป็นอย่างยิ่ง พวกเขามองออกทันทีว่าสุราในกามีความพิเศษมากเพียงใด สามารถมอบผลประโยชน์ให้พวกเขาได้มากมายแค่ไหน
“นี่คือสุราที่เจ้ากลั่นขึ้นมาอย่างนั้นหรือ?”
ปรมาจารย์เต๋าผู้หนึ่งอดหันไปมองจ้าวชิงไม่ได้
“ข้าจะทรงพลังปานนั้นได้อย่างไร! สหายยกย่องข้าเกินไปแล้ว”
จ้าวชิงส่ายหัวครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่กล้ารับความดีความชอบ “สุราที่ข้ากลั่นเองไม่อาจเทียบได้กระทั่งหนึ่งในหมื่น ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าความต่างชั้นมีมากเท่าใด! สุรานี้เป็นสิ่งที่คุณชายท่านหนึ่งมอบให้ข้า”
“คุณชาย?”
“คุณชายไหนกัน?”
เหล่ายอดฝีมือเกิดความอยากรู้ขึ้นมา จึงเอ่ยถามจ้าวชิงทันที
“เป็นคุณชายที่ทรงพลังอย่างยิ่ง…ช่างเรื่องนี้เถิด ข้าไม่อาจพูดได้มากกว่านี้ ทุกท่านโปรดอย่าถามอีกเลย”
จ้าวชิงกล่าว “ทุกท่านรู้ว่าสิ่งนี้เป็นของที่คุณชายส่งมาช่วยเหลือพวกเราก็พอ”
เขาไม่กล้าพูดอันใดออกมามากเกินไป เกรงว่าแผนการที่คุณชายวางไว้จะได้รับผลกระทบ
แม้เขาจะเชื่อใจยอดฝีมือทั้งหมดที่นี่ ทว่าปลอดภัยไว้ก่อนย่อมดีกว่า
ยอดฝีมือเหล่านี้เองก็ไม่มีผู้ใดธรรมดา พวกเขาต่างกระจ่างแจ้งดีว่าต้องมีเหตุผลบางอย่างทำให้จ้าวชิงไม่อาจพูดอันใดออกมาได้ พวกเขาจึงไม่ซักไซ้ แต่ละคนต่างควบแน่นจอกขึ้นมาด้วยพลัง เตรียมพรัอมสำหรับสุรา
พระอมิตาภะพุทธเจ้าเองก็อยู่ ทั้งยังเตรียมจอกพร้อมสำหรับสุรา
เมื่อเห็นสายตาของจ้าวชิงมองมา เขาก็พูดทันที “อย่าได้มองข้าเช่นนี้ ข้ากำลังเสียสละตัวเองเพื่อผู้คน เพื่อให้สามารถต่อกรกับพลังมืดมิดได้ ข้ายินดีจะสังเวยตน!“
“เข้าใจแล้ว ข้าเข้าใจแล้ว!”
จ้าวชิงเอ่ยชื่นชม “การกระทำของพระผู้เป็นเจ้าช่างชวนให้คนตื้นตันใจยิ่ง! เช่นนี้ข้าจะทำตัวใจจืดใจดำได้อย่างไร? จะหักใจทำลายการฝึกให้ท่านต้องเสียสละตัวเองทำผิดศีลได้เช่นไร!”
เขากล่าวต่อ “ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะมอบสุราส่วนของพระผู้เป็นเจ้าให้กับสหายคนอื่น!”
พระอมิตาภะพุทธเจ้าไม่ได้เอ่ยอันใด ทำเพียงจ้องจ้าวชิง ก่อนจะหยิบกามาเทสุราหนึ่งหยดให้ตนเอง แล้วดื่มลงไปในคราวเดียว
หลังจากนั้นก็ยื่นกาสุราคืนให้จ้าวชิง
ทันทีที่สุราไหลลงไปในท้อง เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังอันไร้ขอบเขตทันที นี่คือสุราใดกัน? ผลลัพธ์เหนือความคาดหมายของเขาไปมาก!
ยอดฝีมือทั้งหมดต่างพากันดื่มสุราทีละหยดตามไป และนั่งลงขัดสมาธิ ฝึนฝนหล่อหลอมกันที่นี่
“พอดีเลยหรือ? คุณชายผู้นั้นช่างน่าทึ่งยิ่งนัก…”
จ้าวชิงคว่ำกา ด้านในไม่เหลือสุราสักหยด ปรากฏว่าคนผู้นั้นไม่เพียงต้องการมอบสุราให้แก่เขาเท่านั้น ทว่ายังต้องการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเหล่ายอดฝีมือให้แข็งแกร่งขึ้น
เห็นได้ชัดว่ายอดฝีมือที่ดื่มสุราเข้าไปมีแสงเจิดจ้าออกมาจากร่างกาย ลมหายใจของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลังจากการฝึนฝนและกลั่นพลังเสร็จสิ้น ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก
“จะไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตายในการต่อสู้ครั้งนี้!”
ดวงตาของจ้าวชิงเปล่งประกายเต็มไปด้วยความมั่นใจ
การต่อสู้ครั้งก่อน ๆ ฝั่งพวกเขาล้วนแต่มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ทว่าคราวนี้จะต่างออกไป พวกเขาจะไม่มีผู้ต้องตายจากไป!
หลังจากพลังแข็งแกร่งขึ้นแล้ว พวกเขาก็จะสามารถเอาชนะสิ่งมีชีวิตมืดมิดได้อย่างง่ายดาย!
…
อีกด้านหนึ่งของสนามรบ ฝั่งความมืดมิด
สิ่งมีชีวิตมืดมิดจำนวนมากรวบตัวกัน พวกมันล้วนดุร้ายน่าสะพรึงกลัว บนร่างเต็มไปด้วยหมอกสีดำชวนให้หวาดหวั่นทะลักออกมา ลมหายใจน่าครั้นคร้ามเป็นอย่างยิ่ง
“นายท่านตงเซิงมาแล้ว ครั้งนี้พวกเขาทั้งหมดจะต้องถูกสังหาร!”
“ฮ่าฮ่า ใช่แล้ว!”
“เจ้าลาแก่หัวล้านนั้นช่างน่ารำคาญยิ่งนัก ท่องบทสวดอันใดก็ไม่รู้ ฟังแล้วทำให้ข้าคลื่นเหียนเสียทุกครั้ง หวังว่านายท่านตงเซิงจะสังหารมันเป็นผู้แรก!”
…
สิ่งมีชีวิตที่นี่ยังคงส่งเสียงต่อไป
ไม่มีเหตุผลอื่นใด ที่สำคัญสุดก็คือทางฝั่งพวกมันมีนายท่านอยู่ ทั้งยังเป็นนายท่านจากแดนบูชายัญอันธการ!
แดนบูชายัญอันธการคือสถานที่ที่พวกมันรับใช้ เบื้องลึกเบื้องหลังของสถานที่แห่งนี้คือสิ่งใดพวกมันเองก็ไม่อาจกระจ่างแจ้ง ทว่าพลังของพวกมันล้วนมีต้นกำเนิดมาจากแดนบูชายัญอันธการ
หลังจากนั้นเพียงไม่นาน เงามืดสายหนึ่งก็ตรงเข้ามา
เขามีรูปร่างสูงใหญ่ สวมใส่เสื้อคลุมสีดำ เป็นเผ่ามนุษย์ผู้หนึ่ง ดวงตาของเขาดำขลับ ไม่มีตาขาว จ้องลงไปแล้วประหนึ่งหุบเหวไร้ก้นบึ้ง
ด้านข้างของเขามีสิงโตสีดำอยู่ตัวหนึ่งทำหน้าตาดุร้าย ลมหายใจอันดุดันล้นทะลัก มันเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา
หลังจากที่เขามา ทั่วทั้งบริเวณก็พลันเงียบลง ไม่มีเสียงสนทนาอันใดอีก สิ่งมีชีวิตมืดมิดทั้งหมดคุกเข่าลงบนพื้น
“เริ่มสงครามได้”
เขาไม่เอ่ยอันใดมากมาย เปี่ยมด้วยความยิ่งใหญ่ สิ่งมีชีวิตมืดมิดทั้งหมดลุกขึ้นมาเตรียมพร้อมสำหรับการเริ่มสงครามทันที
เขาคือผู้ที่แข็งแกร่งรองลงมาจากยอดฝีมือของแดนบูชายัญอันธการ ทั้งยังเป็นนายท่านตงเซิงที่สิ่งมีชีวิตมืดมิดเหล่านี้เอ่ยถึง
“การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แทบจะกล่าวได้ว่าเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน นี่นับเป็นเรื่องดี หมายความว่าพวกเราก็จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งยังมีผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ากำลังจะปรากฏตัวขึ้น”
เขาเอ่ยกับตนเอง
ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ยังไม่ถึงเวลาของพวกเขา จึงไม่อาจเยื้องกรายเข้ามาได้อย่างเต็มกำลัง ไม่เช่นนั้นแล้วหลังฉากจะหยุดยั้งพวกเขาได้อย่างไร?
ไม่มีทางเป็นไปได้!
แต่บัดนี้เวลาที่พวกเขาทั้งหมดจะสามารถเยื้องกรายขยับมาถึงเร็วขึ้น คนผู้นั้นไม่อาจปล่อยไปได้ จำต้องถูกกำราบลงอย่างสมบูรณ์
“หากไปยังหน้าฉากแล้วครอบครองสิ่งเหล่านั้นได้ ก็จะสามารถย่นเวลาลง ทั้งยังทำให้ทุกอย่างมั่นคง ไม่เกิดเรื่องเหนือความคาดหมายอีกตอ่ไป!”
เขาเอ่ยต่อด้วยเสียงลุ่มลึก
แม้มองดูแล้วสถานการณ์ในปัจจุบันของพวกเขาจะดีเป็นอย่างยิ่ง แต่แท้จริงแล้วมันยังไม่มั่นคง สามารถเกิดเรื่องเหนือความคาดหมายขึ้นได้ทุกเมื่อ
สิ่งที่อยู่หน้าฉากเป็นกุญแจสำคัญ หากได้รับมาแล้ว พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลสิ่งใดอีก
ทุกอย่างล้วนสามารถจัดการได้!