รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 888 สยดสยองไร้ที่สิ้นสุด มือขาดข้างหนึ่งข่มขวัญจิตใจ!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 888 สยดสยองไร้ที่สิ้นสุด มือขาดข้างหนึ่งข่มขวัญจิตใจ!
บทที่ 888 สยดสยองไร้ที่สิ้นสุด มือขาดข้างหนึ่งข่มขวัญจิตใจ!
กองไฟลุกไหม้ เปลวเพลิงสีขาวลุกโชติช่วง เพียงครู่เดียวก็มีกองไฟเพิ่มมาแล้วรวมห้าสิบหกกอง อยู่ในตำแหน่งแตกต่างกันไป ดูคล้ายกับค่ายกลโบราณ คลื่นริ้วปรากฏพร้อมเชื่อมต่อกันและกันไว้
และศูนย์กลางของมันมีวงแหวนสีเทาปรากฏ คลื่นริ้วพิเศษซับซ้อนนับแสนนับหมื่นถักทอประสานเข้าด้วยกัน ทั้งยังมีม่านหมอกสีเทาลอยฟุ้งออกมาเรื่อย ๆ
ภาพการณ์สยดสยองปรากฏ มือมนุษย์ขาดข้างหนึ่งโผล่ออกมา ดูคล้ายมือของบุรุษ
บนมือขาดข้างนี้มีบาดแผลต่าง ๆ ทั้งถูกไฟลวก ถูกฟ้าผ่า ถูกมีดบาด ถูกขวานจาม ชวนให้ผู้ได้พบเห็นขนลุกขนพอง!
สิ่งมีชีวิตมากมายหวาดผวาเหลือแสน ราวกับได้เห็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลกหล้า และหลังมือขาดข้างนั้นปรากฏ เปลวเพลิงสีขาวจากกองไฟทั้งห้าสิบหกกองต่างโหมแรงขึ้น!
พวกเขาทั้งกลัว ทั้งตระหนก นั่นเพราะพวกเขาเห็นตัวเองในเปลวเพลิงสีขาวที่ลุกโชติช่วงอยู่!
วิญญาณของพวกเขาถูกเปลวเพลิงสีขาวแผดเผา คร่ำครวญโหยหวนอย่างอนาถา เจ็บปวดรวดร้าว!
“นั่น…มิใช่ภาพลวงตา ทั้งหมดคือความจริงหรือ! วิญญาณของข้ากำลังถูกแผดเผาจริง ๆ!”
สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งหน้าซีดเซียว เอ่ยด้วยตัวอันสั่นเทา เหงื่อเย็นไหลโซมกาย
“ข้าก็ด้วย!”
“อ๊ากกก! ทรมานเหลือเกิน!”
สิ่งมีชีวิตมากมายครวญครางด้วยความเจ็บปวด กลิ้งไปมาบนพื้น ดวงวิญญาณถูกแผดเผารุนแรง ขุมปราณชีวิตสลายอย่างรวดเร็ว!
รวมถึงสิ่งมีชีวิตหลังฉากด้วย ครั้นทอดสายตามองก็เห็นวิญญาณของตนปรากฏอยู่ในเปลวเพลิงสีขาว ถูกแผดเผาอย่างน่าเวทนา!
นี่มันเรื่องอะไรกัน?!
พวกเขามองเพียงแวบเดียวเท่านั้นก็ถูกดูดวิญญาณไปเลยหรือ
ซ้ำก่อนนี้พวกเขายังไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด?!
ทั้งหมดตื่นตกใจ เพราะสถานการณ์เช่นนี้เหนือจินตนาการพวกเขาไปมาก!
“น่ากลัวเหลือเกิน!”
ไป๋ซู่ ปีศาจสะท้านโลกันตร์จากโลกหลังฉากผู้มีร่างเดิมเป็นกระต่ายน้อยสีขาวหน้าซีดเซียว ดวงหน้างามเพริศพริ้งพร่องเลือดลมอย่างยิ่ง
นางหายใจกระหืดกระหอบ หยาดน้ำตารินไหลดั่งสายฝน หัวใจถูกความกลัวเกาะกุม มิกล้าหันมองด้านนั้นอีก
เปลวเพลิงสีขาวที่ลุกโชนอยู่นั้นน่าพรั่นพรึงอย่างแท้จริง กระทั่งนางยังเสียท่า หลังปรายตามอบแวบเดียว วิญญาณก็ปรากฏท่ามกลางเปลวเพลิงสีขาว ถูกแผดเผาอย่างน่าอนาถ!
นางแทบเชื่อไม่ลงเลย!
นางนั้นแข็งแกร่งปานใด
หลังได้โลหิตหยดนั้นมาและหลอมละลายแล้ว พลังของนางได้รับการยกระดับ มาถึงจุดสูงสุดของขั้นสาม
กล่าวโดยไม่เกินจริง นางสามารถต่อกรกับมารซินได้เลย ซ้ำยังอาจชนะมารซินด้วย
ทว่านางผู้ทรงพลังถึงเพียงนี้ก็ยังเสียท่า ทั้งยังเสียท่าโดยไม่รู้ตัว มองปราดเดียวก็ถูกดึงวิญญาณไป!
ยังดีที่ในช่วงเวลาคับขัน โลหิตหยดที่นางได้มา ได้ถ่ายทอดพลังเพื่อดึงวิญญาณของนางกลับ ยุติทุกอย่าง!
“อะไรกัน! ก่อนนี้ข้าระมัดระวังรอบคอบไม่ยอมลงมือ สุดท้ายกลับเกือบหมดท่าเพียงเพราะข้าเหลือบมองทางนั้นหรือ!”
นางนึกกลัวไม่หาย พรั่นพรึงอย่างแท้จริง
ก่อนนี้ยามมารซิน ว่านเซวียน และหวังจื้อออกโรง นางมิได้เข้าร่วม เพราะรู้สึกสถานการณ์ยังไม่มั่นคง คิดว่าอยากรอดูต่ออีกหน่อย
ความจริงได้พิสูจน์ว่านางตัดสินใจได้ถูกต้องอย่างยิ่ง ผู้ติดตามหลี่จิ่วเต้าต่อกรยากไม่แพ้กัน
นางตัดสินใจรามือแล้ว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับหลี่จิ่วเต้าอีก คิดไปว่าเท่านี้นางคงปลอดภัย
ทว่าก็ยังเกิดเรื่องกับนางอยู่ดี เพียงเพราะหันมองเปลวเพลิงสีขาวแวบเดียวเท่านั้น!
โลหิตในกายนางไม่ธรรมดา ช่วยนางไว้ในช่วงวิกฤต ยอดฝีมือหลังฉากอื่น ๆ มิได้โชคดีเช่นนั้น
พวกเขาทรงพลังเฉกเช่นมารซิน หวังจื้อ หนนี้มาเพื่อจัดการหลี่จิ่วเต้าโดยเฉพาะ อำพรางตนอยู่ในความมืดมาตลอด มิเคยเผยตัว
ทว่าบัดนี้ พวกเขามิอาจซ่อนตัวได้อีกแล้ว
พวกเขาเองก็ทอดสายตามองเปลวเพลิงสีขาวเช่นกัน ผลคือเสียท่าเหมือนกัน วิญญาณถูกแผดเผา!
ตึง! ตึง! ตึง!
ทั้งหมดร่วงหล่นจากที่ซ่อนบนท้องฟ้า กระแทกพสุธาเป็นหลุมใหญ่หลุมแล้วหลุมเล่า ก่อนจะดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด โหยหวนไม่หยุด
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
พวกเขาไม่อาจต้านทานได้เลย ระเบิดพลังในกายเต็มที่ก็ยังไม่ไหว ไม่อาจดึงวิญญาณกลับมาเพื่อหยุดยั้งมิให้วิญญาณถูกแผดเผา
พวกเขาทั้งตะลึงทั้งผวา นั่นมันเปลวเพลิงอันใด พวกเขารับรู้ภัยคุกคามถึงชีวิต หากวิญญาณของพวกเขาถูกแผดเผาจนสิ้นซาก พวกเขาก็จะตายไปอย่างสิ้นเชิง!
พวกเขาไม่อาจเชื่อได้ลง!
ต้องรู้ว่าพวกเขาล้วนเป็นยอดฝีมือขั้นสาม สุดท้ายกลับต้องจบชีวิตเพียงเพราะการทอดสายตาแวบเดียวอย่างนั้นหรือ?!
หากมิใช่พวกเขาประสบด้วยตนเอง ให้ตายอย่างไรก็มิมีทางเชื่อ ตำนานเรื่องเล่ายังมิเคยสยดสยองพิสดารเยี่ยงนี้!
อีกด้าน ลั่วสุ่ย เซี่ยเหยียน ต้าเต๋อ และจิ้งจอกทั้งสองอาการมิสู้ดีเท่าใด อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน
วิญญาณของพวกเขาปรากฏอยู่ในเปลวเพลิงสีขาวเหมือนกัน
ทว่าพวกเขามีของวิเศษที่คุณชายประทาน จึงไม่เป็นปัญหาใหญ่มาก ทันทีที่วิญญาณไปปรากฏในเปลวเพลิงสีขาวก็ดึงกลับมาได้
“ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว!”
ลั่วสุ่ยเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ขืนเป็นเช่นนี้ต่อ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนต้องตายอยู่ที่นี่ ซ้ำยังใช้เวลาไม่นานด้วย
นางมิได้ลังเล ตั้งจิตหนึ่งครั้ง จี้เพชรรูปหัวใจบนคอส่องประกาย ม่านแสงนุ่มนวลแผ่ซ่านปกคลุมเขาไท่หัว
เปลวเพลิงสีขาวนั่นน่ากลัวอย่างแท้จริง จี้เพชรรูปหัวใจของลั่วสุ่ยแฝงไว้ด้วยพลังเกินหยั่ง มิเคยพ่ายแพ้มาก่อน
กระนั้นหลังลั่วสุ่ยสำแดงฤทธิ์เดชของจี้เพชรรูปหัวใจกลับรู้สึกเหนือบ่ากว่าแรง ไม่อาจหยุดยั้งได้ทั้งหมด!
น่ากลัวจริง ๆ!
ต้องรู้ว่านี่คือจี้ห้อยที่คุณชายตั้งใจตีขึ้น พลานุภาพกล้าแร่ง แต่กลับไม่อาจระงับได้ง่าย ๆ เห็นได้ว่าความน่าสะพรึงของเปลวเพลิงสีขาวไม่ธรรมดา!
“ทุกคนลงมือพร้อมกัน!”
เซี่ยเหยียนมิได้ลังเลเช่นกัน ร้องเรียกให้ทุกตนร่วมมือ ก่อนจะรีดเร้นพลังของวิเศษที่คุณชายประทานให้เพื่อคุ้มกันด้วยกัน
“อามิ…ข้าต้าเต๋อฝอ!”
นาน ๆ ทีต้าเต๋อจะมีท่าทีจริงจัง เขาโยนหัวกะโหลกมารกระดูกไปอีกด้าน เรียกมู่อวี๋ออกมาและเคาะลงไป
“!!!”
มารกระดูกกระแทกกับก้อนหินก้อนหนึ่ง อย่าให้เอ่ยเลยว่าอดสูปานใด
ใช่ว่าเจ็บเท่าไร เพียงแต่ต้าเต๋อเห็นมันเป็นอันใด ขยะรึ?
ถึงได้โยนทิ้งง่าย ๆ…
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงและตงฟางเวิ่นก็รีดเร้นพลังกระดานหมากล้อม คัมภีร์หมากล้อมทันที สุนัขดำและจิ้งจอกทั้งสองก็กระตุ้นของวิเศษจากคุณชายเพื่อปกป้องเขาไท่หัว
หยวนอีใช้สี่กระบี่ประหารเซียน!
จักรพรรดินีใช้ของวิเศษทั้งสี่แห่งห้องอักษรที่คุณชายมอบให้นาง รวมถึงภาพอักษรด้วย
นั่นคือภาพอักษรที่คุณชายเคยมอบให้นางไปช่วยอาจารย์ของนาง เขียนไว้ว่า ‘ทลายความเสียใจ ใฝ่ฝันถึงอนาคต!’
บนนั้นยังมีตราประทับจากคุณชายอีกด้วย!
ครานั้นเคยช่วยชีวิตพวกนาง พาตัวพวกนางออกจากซากปริภูมิเวลา
พูดถึงภาพอักษร ชางเหยาก็มีอยู่ภาพหนึ่ง เขียนว่า ‘สมดังปรารถนา!’
นางใช้พลังจากภาพอักษรนี้เช่นกัน พลังมหาศาลหลั่งไหลออกมา ทว่าเทียบกับภาพอักษรจากจักรพรรดินี พลังก็ยังด้อยกว่า ภาพอักษรของนางมิมีตราประทับ จึงห่างชั้นกันตรงนี้
แต่กระนั้น ใช่ว่านางมีเพียงอักษรภาพนี้ที่ไหน
ในภายหลัง นางได้พำนักอยู่ในลานเล็กของคุณชายจวบจนบัดนี้ คุณชายประทานของวิเศษให้นางไม่น้อยในเวลาต่อมา เวลานี้ นางสำแดงพลังทั้งหมด
“ท่านทำอันใดอยู่! ยังไม่รีบลงมืออีก!”
ชางเหยาถลึงตาใส่มัจฉาสัตมายาข้างกาย ก่อนจะตวาด
พวกเขาได้ตามคุณชายมาที่นี่ด้วย
ลงมือ…บ้ากระไร!
จงใจ นางจงใจแน่ ๆ!
มัจฉาสัตมายาด่ากราดในใจ เขามีของวิเศษที่ไหน คุณชายมิเคยประทานสิ่งใดให้เขา เขานั้นยากจนแร้นแค้น น่าเวทนายิ่งกว่าผู้ใด!
ชางเหยามีหรือจะไม่รู้เรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่าตั้งใจยั่วยุเขา!
“อ้อ ข้านึกออกแล้ว ท่านหาได้มีของวิเศษในตัวไม่ คุณชายมิเคยประทานสิ่งใดแก่ท่านเลย”
ชางเหยาเอ่ยยิ้ม ๆ “เช่นนั้นแล้ว ข้าให้ท่านยืมสักชิ้นดีหรือไม่”
“ดี!”
มัจฉาสัตมายายินดีปรีดา นึกในใจว่าชางเหยาแท้จริงแล้วนิสัยดียิ่ง!
ทว่าต่อมาเขาก็หัวเราะไม่ออก ขอถอนคำพูดที่เอ่ยว่าชางเหยานิสัยดี
“คิดอะไรอยู่! นี่เป็นของที่คุณชายประทานให้ ท่านบังอาจหมายตาได้เช่นไร! หากข้ายกของวิเศษที่คุณชายประทานมาให้ท่าน ก็ย่อมถือเป็นการล่วงเกินคุณชายอย่างร้ายแรง!”
ชายเหยาต่อว่า ตำหนิมัจฉาสัตมายาด้วยท่าทางโมโห
จงใจ!
นางใจอีกนั่นแหละ!
มัจฉาสัตมายาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
‘อนาถเกินไปแล้ว…’
เขาร้องไห้ในใจ หวนนึกถึงอดีต เขานั้นอนาถากว่าผู้ใดอย่างแท้จริง!
เริ่มแรกเขาคือ ‘เสบียง’ ของพี่ลั่วสุ่ย ใช้ชีวิตด้วยความอกสั่นขวัญแขวนทุกวี่วัน อุตส่าห์ไม่ต้องอยู่อย่างหวาดกลัวแล้ว เขาต้องตกอยู่ในเงื้อมมือชางเหยา อยู่ในการควบคุมของนาง!
ที่สำคัญทั้งมนุษย์และอสูรข้างกายคุณชายต่างได้รับของวิเศษ มีเพียงเขาที่มิเคยได้รับสิ่งใด…
‘คุณชาย ข้าถือเป็นคนเก่าคนแก่ ไม่สิ ปลาเก่าปลาแก่ที่คอยติดตามอยู่ข้างกายท่านแล้ว ช่วยดูแลข้าบ้างได้หรือไม่! ให้ข้าได้ยืดอกบ้าง!’
เขาเอ่ยเสียงร่ำไห้ในใจ หวังให้คุณชายประทานของวิเศษแก่เขาบ้าง ให้เขาได้กำราบชางเหยา กุมชางเหยาไว้ในกำมือ!
ขณะเดียวกัน ทั้งเขาไท่หัวกำลังส่องแสง ภาพวาดเขาไท่หัวในสำนักไท่หัวแผลงฤทธิ์เช่นกัน พลังทุกมวลรวมเข้าหากัน คอยคุ้มครองเขาไท่หัว
ไม่นานนัก สิ่งมีชีวิตในเขาไท่หัวก็กลับมาเป็นปกติ วิญญาณกลับคืน ไม่ถูกเปลวเพลิงสีขาวแผดเผาอีกต่อไป
ส่วนสิ่งมีชีวิตด้านนอกเขาไท่หัวก็พยายามวิ่งเข้าไปในเขาสุดชีวิต พวกเขามองเห็นพลังในเขาไท่หัวที่หยุดยั้งพลังจากเปลวเพลิงสีขาวไว้
อย่างที่คิด หลังพวกเขาเข้าไปในเขาไท่หัว ก็กลับเป็นปกติทั้งหมด วิญญาณหวนคืน ไม่ถูกแผดเผาอีก
พวกเขาตกตะลึง หลี่จิ่วเต้าขนรากฐานพิเศษในโลกหน้าฉากมาหมดเลยหรืออย่างไร หรือว่าบรรพจารย์ฝูขนรากฐานพิเศษในโลกหน้าฉากมาหมดแล้วกัน เหตุใดคนข้างกายหลี่จิ่วเต้าถึงมีของวิเศษมากมายปานนี้!
…
ด้านทุ่งเหมันต์
หลี่จิ่วเต้าขมวดคิ้วน้อย ๆ
เอิกเกริกเกินไปไม่เป็นผลดีจริง ๆ เรื่องราวใหญ่โตไปหน่อย ผลไม้จากบรรพจารย์ฝูยวนตายวนใจเป็นอย่างยิ่ง ผีสางเทวดามากันไม่เลือกหน้า
นี่อย่างไร บัดนี้มีมือขาดข้างหนึ่งโผล่มาเพิ่มแล้ว!
“ควรต้องเก็บงำกว่านี้…”
หลี่จิ่วเต้าพึมพำ เขาตัดสินใจแล้ว หลังกลับไปจะขอสนทนากับเซี่ยเหยียน ให้สิ่งมีชีวิตผู้เข้าร่วมงานพ่นใยในครานี้อย่าได้โพนทะนาสิ่งใดหลังไปจากที่นี่
เขาไม่ต้องการให้ผีสางเทวดาเหล่านี้เข้ามาพัวพัน
จากนั้นเขาหันมองมือขาดข้างนั้นพลางกล่าวว่า “เจ้าเป็นตัวบ้าอะไรกัน มือข้างหนึ่งหรือ? ส่วนอื่นในร่างกายเจ้าเล่า?”
ด้านมือขาดแผ่พลังปราณสยดสยองไม่หยุด ทว่ามิเคยส่งเสียงอันใด
มันเริ่มโจมตี ประกายสีเทาไหเวียนอยู่บนรอยแผลไฟลวกที่ฝ่ามือข้างนั้น จากนั้นทะเลเพลิงอันยิ่งใหญ่ปรากฏ ปกคลุมฟ้าดิน แผดเผาไปทางหลี่จิ่วเต้า
“ก็จริง มือข้างหนึ่งเท่านั้น ไฉนเลยจะเอ่ยวาจาได้ คราวหน้ารบกวนพาปากมาด้วยนะ จะได้สะดวกสื่อสารหน่อย”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ย ก่อนจะเริ่มลงมือ