รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 892 ซี ‘เจ้ารำพึงรำพันอะไร? ข้าไม่เข้าใจ!’
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 892 ซี ‘เจ้ารำพึงรำพันอะไร? ข้าไม่เข้าใจ!’
บทที่ 892 ซี ‘เจ้ารำพึงรำพันอะไร? ข้าไม่เข้าใจ!’
“เปล่า สหายคิดมากเกินไปแล้ว สถานที่นี้หาได้มีสมบัติล้ำค่าปรากฏไม่”
ซีสั่นศีรษะ ยังคงสื่อสารผ่านกระแสจิต
“พวกเรายังมีธุระจริง ๆ ขอจากกันเท่านี้ หวังว่าสหายจะไม่ขวางทางกันอีก”
นางไม่ต้องการมีเรื่อง กระนั้นก็ใช่ว่ากลัวการมีเรื่อง หากบุรุษวัยกลางคนไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีอีก นางก็กล้าปะทะกับบุรุษวัยกลางคนเช่นกัน
พลังปราณที่บุรุษวัยกลางคนปลดปล่อยออกมานั้นอยู่ในขอบเขตนิรันดร์ มิได้เหนือชั้นไปกว่านั้น
ตัวนางอยู่ในขอบเขตนิรันดร์ขั้นเก้า ขอเพียงอีกฝ่ายยังไม่เกินขอบเขตนิรันดร์ นางก็มั่นใจว่าสู้ได้
เอ่ยจบ นางกับเต่าชราตั้งท่าจะไปจากที่นี่
ทว่าบุรุษวัยกลางคนไม่คิดปล่อยซีและเต่าชราไปอย่างเห็นได้ชัด
เขาหัวเราะเสียงเย็น ประกายน่าพรั่นพรึงทอประกายอยู่ในแววตา ถล่มพื้นที่เบื้องหน้าซีและเต่าชราจนพื้นเป็นหลุมใหญ่ เกิดเสียงระเบิดดังก้อง ฝุ่นควันโหมกระพือ ดินหินปลิวว่อน
“ข้าบอกแล้ว ข้าต้องการสนทนากับพวกเจ้าทั้งสอง!”
บุรุษวัยกลางคนปริปาก “ที่นี่คือถิ่นของพวกเราตระกูลเฟย ทุกสิ่งในนี้ควรอยู่ในการครอบครองของพวกเราตระกูลเฟย พวกเจ้าสองคนได้สมบัติแล้วคิดจะไปเลยหรือ คิดอะไรอยู่!”
ท่าทีของเขาแข็งกร้าว หากซีและเต่าชราไม่ยอมมอบสมบัติล้ำค่าออกมา เขาก็ไม่มีทางปล่อยซีและเต่าชราไปไหน
“ไม่มีแล้วจะมอบสิ่งใดให้เล่า?!”
เต่าชราโกรธจนถลึงตา
หากพวกเขาได้สมบัติล้ำค่าในที่แห่งนี้ไปจริง ๆ ยังไม่เท่าไหร่ แต่ปัญหาคือมิได้เป็นเช่นนั้น
มันกับซีเพิ่งมาถึงที่นี่ มิได้นำสิ่งใดไปเลย
“ปากแข็งนัก ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา?!”
บุรุษวัยกลางคนหัวเราะพรืด “พวกเจ้าเห็นตระกูลเฟยของเราเป็นอะไร แล้วเห็นข้าเป็นอะไร หลอกได้ง่ายปานนั้นเชียวหรือ?!”
ทันใดนั้น เขานึกบางอย่างขึ้นได้ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“พวกเจ้ามิใช่สิ่งมีชีวิตหลังฉาก?!”
ดวงตาของเขาจ้องมองเต่าชรา
เมื่อครู่ด้วยความมีอารมณ์ เต่าชราส่งเสียงออกมา มิได้สื่อสารผ่านกระแสจิต เป็นผลให้บุรุษวัยกลางคนจับพิรุธได้
วาจาของเต่าชรามิใช่ภาษาของโลกหลังฉาก
โลกหลังฉากใช้ภาษาที่โบราณที่สุดกันทุกตน มิมีภาษาอื่น และภาษาที่เต่าชราใช้มิใช่ภาษาหลังฉากอย่างเห็นได้ชัด
เขาตระหนักได้ทันทีว่าเต่าชราและซีมิใช่สิ่งมีชีวิตหลังฉาก
“เจ้าพูดอะไร ผู้ใดมิใช่สิ่งมีชีวิตหลังฉากกัน! พวกเราชอบทำตัวแตกต่าง ไม่ต้องการตามกระแสผู้อื่น ตั้งใจคิดค้นภาษานี้ขึ้น เผ่าของเราใช้ภาษานี้กันหมด!”
เต่าชราตอบกลับทันควัน อย่างไรก็ไม่ยอมรับ
“ใช่หรือไม่ จับตัวไว้ประเดี๋ยวก็รู้เอง!”
บุรุษวัยกลางคนนามเฟยต้าวชักดาบใหญ่เล่มหนึ่งออกมาทันที บุกเข้าไปหาซีและเต่าชรา
“อ๊าก พี่ซีท่านลุยเลย!”
เต่าชราร้องเสียงหลง รีบไปหลบอยู่หลังซี
ดาบใหญ่ในมือเฟยต้าวน่ากลัวเหลือเกิน เต่าชรากลัวแทบแย่ ประกายเย็นยะเยือกบนนั้นสร้างความประหวั่นพรั่นพรึงต่อมันอย่างมาก
มันรู้สึกว่า ต่อให้กระดองเต่าของมันแข็งแกร่งที่สุดก็มิอาจรับดาบของเฟยต้าวได้
เสียงดังฟึ่บ ซีลงมือ อาภรณ์สีขาวปลิดพลิ้ว ส่องแสงสว่างวาววามไปทั้งร่าง งดงามเฉิดฉันอย่างพรรณนาไม่ออก
นางสำแดงเพลงกระบี่ กระบี่สวรรค์มโหฬารเล่มหนึ่งปรากฏ ตวัดฟาดฟันใส่เฟยต้าว
เฟยต้าวชูดาบปัดป้อง ปะทะกับกระบี่สวรรค์เล่มนั้น ส่องแสงเจิดจรัส เสียงกู่ร้องดังไม่หยุด ขุนเขารอบ ๆ สะเทือนจนแหลกลาญ กลายเป็นแผ่นดินไหวครั้งใหญ่
“ให้ตายสิ!”
เต่าชรารีบหดขาทั้งสี่และศีรษะกลับเข้าไปในกระดอง แม้แต่คลื่นหลงจากแรงปะทะก็เกินกว่ามันจะต้านทานไหว รู้สึกว่าหลบเข้าไปชมศึกในกระดองจะเป็นการดีกว่า
แม้ว่าหากเกิดเรื่องจริง กระดองเต่าของมันก็มิได้เป็นประโยชน์นัก แต่…มันยังรู้สึกปลอดภัยขึ้นนิดหน่อย
“เพิ่งก้าวมาถึงขั้นเก้าหรือ?”
เฟยต้าวหัวเราะ รอยยิ้มนั้นเปี่ยมไปด้วยความดูแคลน “ข้ารึอุตส่าห์ไว้หน้า ให้โอกาส แต่พวกเจ้าดันไม่รักษา เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไร้เมตตาแล้วกัน!”
เขาตวัดดาบใหญ่หลายที ฟาดฟันเพลงกระบี่ใส่ซี
จากการวาดลวดลายของซี เขาสัมผัสได้ว่าซีเพิ่งเข้าสู่ขั้นเก้าได้ไม่นาน เพราะอย่างนั้น เขาจึงสบายใจได้อย่างสิ้นเชิง
เขาก้าวสู่ขั้นเก้ามานานแล้ว ฝึกฝนอยู่ในขั้นเก้ามาตั้งไม่รู้นานเท่าไหร่ ยามนี้อยู่ในขั้นเก้าตอนปลายแล้ว คนที่เพิ่งก้าวสู่ขั้นเก้าอย่างซีมิใช่คู่มือเขาเลย
คิ้วเรียวของซีเลิกขึ้น
ก็จริง
กำลังรบขั้นเก้าใหม่อย่างนาง ยากจะทานฝีมือกับกำลังรบตอนปลาย ห่างกันไม่น้อยเลย
แต่ใช่ว่าความห่างชั้นเช่นนี้มิอาจทดแทน
สิ่งมีชีวิตทั่วไปทำมิได้ ทว่านางทำได้
นางสำแดงวิชาลับบางอย่าง พลังในตัวทวีคูณในพริบตา นี่คือวิชาลับแขนงหนึ่งที่นางได้จากเบื้องบนเทวโลก มีนามว่า วิชาสวรรค์เก้าโคจร
วิชาสวรรค์เก้าโคจรความหมายตามชื่อ โคจรได้เก้าครั้ง ทุกการโคจรหนึ่งครั้งสามารถยกระดับพลังได้หนึ่งเท่า และการโคจรเก้าครั้งจักเพิ่มพูนพลังเป็นเก้าเท่า!
วิชาเช่นนี้มีผลข้างเคียงร้ายแรง เสมือนการบีบอัดศักยภาพในตัวเพื่อยกระดับกำลังรบ หลังสำแดงวิชานี้จะเสียหายไปถึงแก่น
แน่นอนว่านี่คือวิชาสวรรค์เก้าโคจรในอดีต มิใช่วิชาสวรรค์เก้าโคจรที่ซีกำลังใช้ในยามนี้
วิชาสวรรค์เก้าโคจรที่ซีสำแดงในยามนี้ได้รับการปรับปรุงให้มีสมรรถภาพดียิ่งขึ้น ไร้ซึ่งผลข้างเคียง
นอกจากนี้ วิชาสวรรค์เก้าโคจรฉบับเดิมมีข้อจำกัดเรื่องเวลาอยู่ด้วย ใช้ได้เพียงระยะหนึ่งเท่านั้น ไม่อาจต่อสู้เป็นเวลานาน
ทว่าวิชาสวรรค์เก้าโคจรที่ได้รับการปรับปรุงจากซีทลายขีดจำกัดเวลานี้อย่างสิ้นเชิง สามารถต่อสู้ระยะยาวโดยไม่เป็นอันใด
ตู้ม!
ซีโคจรเก้าครั้งเสร็จในพริบตา กำลังรบเพิ่มพูนเก้าเท่า นางประสานอินปฐพีอย่างรวดเร็ว
อินปฐพีเป็นวิชาลับจากเบื้องบนเทวโลกเช่นกัน บัดนี้ได้รับการปรับปรุงจากนาง พลานุภาพสยดสยองเป็นที่สุด!
กำลังรบเพิ่มพูนเก้าเท่า กอปรกับอินปฐพีอันทรงพลัง ต่อให้เป็นเฟยต้าวก็มิอาจหลบเลี่ยง ได้แต่กัดฟันปะทะเท่านั้น
ถึงอย่างไร นางก็เป็นบุคคลผู้อยู่ในขั้นเก้าตอนปลาย นับว่าไม่ธรรมดา ดาบใหญ่ส่องแสงสยดสยองก่อนจะฟาดฟันออกไป!
ดาบนี้สามารถเบิกสวรรค์ ฝ่าพิภพ ประกายดาบเจิดจ้ายิ่งใหญ่ เขาสำแดงวิชาดาบสุดกล้าแกร่งเข้าปะทะกับอินปฐพี
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ฟ้าดินเปลี่ยนสีฉับพลัน พื้นที่แห่งนี้กลายเป็นซากปรักหักพัง ทุกสิ่งทุกอย่างย่อยยับหลังดาบใหญ่ปะทะกับอินปฐพี คลื่นพลังที่ปะทุออกมาน่ากลัวยิ่งนัก!
อินปฐพีแหลกลาญ เฟยต้าวหยุดไว้ได้
เห็นได้ชัดว่าต่อให้ซียกระดับกำลังรบขึ้นมาเก้าเท่า ทั้งยังมีอินปฐพีสุดกล้าแกร่งด้วยก็ยังห่างจากเฟยต้าวอยู่
ทว่าความห่างชั้นนี้น้อยกว่าก่อนนี้มาก
แม้ว่าเฟยต้าวหยุดไว้ได้ กระนั้นยังได้รับแรงกระเทือนนิดหน่อย มือที่กุมดาบใหญ่ไว้สั่นระริกอย่างควบคุมไม่หยุด
“มิน่าถึงได้จองหองอวดดีเช่นนี้ ยังมีวิชาลับระดับนี้อยู่ด้วยหรือ! ทว่าเปล่าประโยชน์ ความห่างชั้นระหว่างเจ้ากับข้ามิอาจใช้สิ่งอื่นชดเชยได้!”
เฟยต้าวหัวเราะเสียงเย็นไม่หยุด
ขอบเขตนิรันดร์หาใช่ขอบเขตกระจ้อยร่อย แต่ละขั้นนั้นห่างกันไกล กำลังรบแตกต่างกันมาก กำลังรบตอนปลายสามารถเอาชนะกำลังรบที่เหลือได้ทั้งหมด
ซีผู้เพิ่งก้าวสู่ขั้นเก้าสามารถสู้กับเขาได้ขนาดนี้ สร้างแรงกระเทือนต่อเขาได้นับว่าน่าทึ่งอย่างแท้จริง
“ไม่ เจ้าคิดผิดแล้ว”
ดวงตาของซีสุกสกาวสว่างไสว “ฝีมือของข้ามิได้มีเท่านี้…”
นางประสานอินด้วยสองมือ สำแดงวิชาลับอีกแขนงซึ่งยกระดับกำลังรบได้เช่นกัน
“มหาวิชาปาดนภา ปาดพลังแห่งมหาวิถีเพื่อเสริมกำลังรบของข้า!”
นางเอ่ยเสียงเบา ร่องรอยมหาวิถีปรากฏ พลังล้นเหลือสาดกระทบลงมา หลั่งไหลเข้าไปในร่างของนาง พลังของนางเพิ่มพูนอย่างบ้าคลั่งอีกครั้งในชั่วพริบตา!
โลกหลังฉากนั้นไม่ธรรมดา มหาวิถีที่มีนั้นอัศจรรย์อย่างยิ่ง ไม่อาจปาดเอาได้ง่าย ๆ ทว่ามหาวิชาปาดนภาที่ซีสำแดงออกมานั้นหาได้ดาษดื่น หลังปรับปรุงแล้ว ยกระดับขึ้นตั้งไม่รู้เท่าไหร่
ต่อให้เป็นมหาวิถีแห่งโลกหลังฉาก ซีก็ปาดมาได้!
แน่นอนว่า ขอบเขตของซีในยามนี้ต่ำเกินไป จึงปาดพลังมหาวิถีมาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นมหาวิถีแห่งโลกหลังฉาก
หากได้สำแดงในเทวโลก แม้นมิอาจปาดพลังมหาวิถีมาได้ทั้งหมด กระนั้นก็ปาดมาได้แล้วกว่าเจ็ดแปดส่วนอย่างง่ายดาย
ส่วนพลังมหาวิถีอันเล็กน้อยในโลกหลังฉากที่ซีปาดมาได้นับว่าพอแล้ว
ยกระดับพลังรบเก้าเท่า บวกกับพลังมหาวิถีโลกหลังฉากอีกนิดหน่อย ซีเชื่อว่ากำราบเฟยต้าวได้มิเป็นปัญหา
“ไอ้&%$#!”
เฟยต้าวสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก ก่นด่าออกมาทันที
อะไรกัน!
ยกระดับกำลังรบได้เรื่อย ๆ ไม่จบไม่สิ้นหรือไร!
ก่อนนี้ยกระดับพลังได้เก้าเท่านับว่าผิดเพี้ยนพอแล้ว ต่อมายังปาดพลังมหาวิถีแห่งโลกหลังฉากมาได้อีกหรือ!
เรื่องนี้เกินความคาดหมายของเขาไปอย่างไม่ต้องสงสัย!
“ไม่เป็นไร เจ้าคงสภาพเช่นนี้ไว้ได้ไม่นานหรอก!”
เขาสงบใจลงอีกครั้ง ไม่เหลือความวิตกอีก
กำลังรบในตัวไหนเลยจะยกระดับกันได้ง่าย ๆ เป็นไปมิได้! หลังจากนี้ย่อมต้องชดใช้ด้วยราคาสูง!
เขาไม่เชื่อว่าซีจะคงสภาพนี้ไว้ได้นานนัก!
อีกอย่าง มหาวิถีหลังฉากสูงส่งปานใด ไฉนเลยจะถูกปาดพลังมาได้ง่าย ๆ หลังจากนี้ มหาวิถีแห่งโลกหลังฉากย่อมต้องสะท้อนพลังกัดกินซีเช่นกันแน่
เขาไม่จำเป็นต้องต่อสู้ดุเดือดกับซีด้วยซ้ำ ขอเพียงคิดหาวิธียื้อซีไประยะหนึ่ง ทั้งยังไม่ต้องนาน ซีก็จะพ่ายแพ้ด้วยตนเอง!
ใช่แล้ว
สิ่งที่เฟยต้าวคิดนั้นถูกต้องทั้งหมด
ในสถานการณ์ปกติย่อมเป็นเช่นนี้จริง ๆ
การยกระดับกำลังรบหลายเท่ามิอาจคงไว้ได้นาน ซ้ำหลังเสร็จสิ้นจักต้องชดใช้ด้วยราคาสูง
การปาดมหาวิถีหลังฉากต้องถูกมหาวิถีหลังฉากสะท้อนกลับอย่างรุนแรงจริง ๆ
หากเป็นฝีมือของสิ่งมีชีวิตทั่วไปละก็ เพียงครู่เดียวก็ต้องพ่ายแพ้ด้วยตนเอง
อนิจจา ซีนั้นไม่เหมือนกัน!
ซีไม่เพียงแต่สามารถคงสภาพกำลังรบเก้าเท่าไว้ได้นาน ซ้ำยังไม่ถูกมหาวิถีหลังฉากสะท้อนกลืนกิน
วิชาลับเหล่านี้ถูกนางปรับปรุงไว้จนไร้ที่ติ ไม่มีปัญหาเช่นนี้อยู่อีก
“ข้ารอดูเจ้ารับผลร้ายจากการกระทำของตนเองแล้วกัน!”
เฟยต้าวยิ้มเย็น ร่างกายพลันวูบไหว
เขาสำแดงวิชาลับให้กายเนื้อของตนโดยจะไม่ถูกเพ่งเล็ง จากนี้ เขาจะวนเวียนไปเรื่อย ๆ เท่านั้น จะไม่ปะทะกับซีซึ่งหน้าจนกระทั่งซีพ่ายแพ้ด้วยตนเอง
“อวดเบ่งต่อหน้าข้าเพื่ออะไร ท้ายสุดก็เป็นการแกว่งเท้าหาเสี้ยนเท่านั้น!”
เฟยต้าวส่งเสียงดูแคลน ร่างกายอันตรธานอย่างสิ้นเชิง วิชาลับที่เขาสำแดงช่วยให้พลังปราณของเขาแผ่ซ่านไปทุกที่ จนซีมิอาจเล็งเป้ามาที่เขา
ซีประเมินเขาต่ำเกินไป คิดว่าเขาจับสัมผัสเรื่องนี้มิได้หรือ
น่าขันสิ้นดี!
“เจ้ารำพึงรำพันอะไร? ข้าไม่เข้าใจ…”
ซีเอ่ยเสียงเรียบ
เฟยต้าวใช้ชีวิตอยู่แต่ในโลกของตัวเองจริง ๆ ทึกทักเอาว่าสิ่งที่ตนคิดนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง หารู้ไม่ ผิดอย่างมหันต์
ไม่อาจเพ่งเล็งเขาได้หรือ?
เป็นไปได้ที่ไหน…
นัยน์ตาของซีมีกฎระเบียบพิเศษไหลเวียน ทลายวิชาลับของเฟยต้าวได้ในพริบตา พร้อมเล็งเป้าไปที่เขา
สำแดงวิชาลับต่อหน้านางอย่างนั้นหรือ?
อย่าล้อเล่นหน่อยเลย นางมองทะลุถึงแก่นสารของวิชาลับได้ในปราดเดียว พร้อมทั้งควบคุมไว้ได้อย่างสมบูรณ์
เฟยต้าวคิดใช้วิชาลับนี้เพื่อมิให้นางเล็งเป้าไปที่เขา ตลกยิ่งนัก