รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 97 ไม่ว่าหน้าไหน ก็ฆ่าให้หมด!
แดนศักดิ์สิทธิ์ทรงพลังแกร่งกล้า อยู่เหนือกลุ่มอำนาจทั้งปวง แต่ก็ใช่ว่าอยากทำสิ่งใดก็ได้ พวกเขาก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน…
หากพลาดท่าเข้า พวกเขาก็มีโอกาสถูกล้างบาง
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมีความลังเล
ผลที่ตามมาของเรื่องนี้หนักหนาเกินไป…
“อย่างไรเล่า ไม่เชื่อฟังคำสั่งของนายท่านแล้วหรือ”
ผู้เฒ่าเมิ่งจีมองประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน “พวกท่านได้พบนายท่าน ย่อมต้องรู้ว่านายท่านดำรงอยู่ระดับไหน อย่าหาว่าข้าไม่เตือนพวกท่าน ผลของการไม่เชื่อฟังคำสั่งของนายท่าน หาใช่สิ่งที่พวกท่านรับไหว…”
หลังประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ฟังดังนั้น ก็สะดุ้งโหยงขึ้นมา
ท่านเซียนตัดต้นไม้ด้วยขวานเบิกสวรรค์ ภาพวาดฝีมือของเขาแฝงไว้ด้วยจังหวะแห่งเต๋าสูงสุด จี้สลักหยกฝีมือของเขาเจือไว้ซึ่งพลังที่สามารถทำลายฟ้าดินได้ หีบยาที่เขาใช้แบกก็ทำมาจากไม้จักรพรรดิ…
มิใช่ผู้ที่พวกเขาแหยมด้วยได้จริง ๆ
“แต่ท่านเซียนไม่ได้บอกเราต่อหน้า…”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกล่าว ในใจยังวิตกอยู่เล็กน้อย
หากท่านเซียนพูดกับพวกเขาด้วยตนเอง ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ต้องลงมือทำ
ทว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนไม่ได้ออกจากปากของท่านเซียนเลย
ถ้าผู้เฒ่าเมิ่งจีจงใจให้ร้ายพวกเขาเล่า!
“กระไร นี่ท่านคลางแคลงว่าข้าถ่ายทอดคำพูดของท่านเซียนมั่ว ๆ อย่างนั้นหรือ”
ผู้เฒ่าเมิ่งจีมองประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนพลางกล่าว “ท่านคิดว่าข้าใจกล้าขนาดไหนเชียว ถึงบังอาจกล่าวอ้างวาจาของท่านเซียนส่งต่อข้อมูลมั่ว ๆ”
“เปล่า เปล่า!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนรีบปฏิเสธทันที
จริงสิ…
ระดับขั้นของท่านเซียนสูงส่งปานใด ผู้เฒ่าเมิ่งจีไฉนเลยจะกล้าถ่ายทอดคำพูดท่านเซียนมั่ว ๆ
ต่อให้ผู้เฒ่าเมิ่งจีใจกล้ากว่านี้ร้อยเท่า เขาก็มิกล้าถ่ายทอดคำพูดของท่านเซียนมั่ว ๆ หรอก!
ดูเหมือนเขาจะคิดมากเกินไปจริง ๆ…
“เช่นนั้นท่านจะทำหรือไม่ทำ” ผู้เฒ่าเมิ่งจีถามอีกครา
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกัดฟันตอบ “ทำ!”
พวกเขาไม่อาจหาญมีปัญหากับท่านเซียนได้
อีกอย่างพวกเขารับใช้ท่านเซียน ท่านเซียนคงไม่เพิกเฉยต่อพวกเขาหรอกกระมัง…
“ท่านเซียนมีคุณธรรม ไม่ปล่อยให้พวกท่านเสียเปรียบหรอก ตั้งใจทำหน้าที่ก็พอแล้ว”
ผู้เฒ่าเมิ่งจีกล่าวเสริม “พวกท่านต้องระวังไว้ การเข่นฆ่าปุถุชนในเมืองตามอำเภอใจของพวกผู้ฝึกตนและเผ่าปีศาจทำให้ท่านเซียนกริ้วมาก เรื่องนี้จะมัวชักช้าอยู่มิได้ ต้องจัดการโดยเร็วที่สุด”
“ข้าเข้าใจแล้ว!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนพยักหน้า ก่อนจะบอกลาผู้เฒ่าเมิ่งจีและจากเมืองชิงซานไปพร้อมกับหูช่วง
ผู้อาวุโสและยอดฝีมือของแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนยังไม่ไปจากแดนบูรพาทิศ ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ออกคำสั่งเพียงครั้งเดียว ก็เรียกตัวผู้อาวุโสและยอดฝีมือเหล่านี้มารวมตัวกันหมด
“พวกเจ้าแต่ละคนรับผิดชอบคนละเขต ทั้งผู้ฝึกตนและเผ่าปีศาจที่ก่อเหตุอุกฉกรรจ์ในเมืองของปุถุชน ไม่ว่าหน้าไหน ก็ห้ามปล่อยไปแม้แต่คนเดียว!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ออกคำสั่งต่อ “ผู้ฝึกตนและเผ่าปีศาจที่สู้ไม่ได้ พวกเจ้าต้องจดจำไว้! นอกจากนี้ พวกผู้ฝึกตนและเผ่าปีศาจที่ก่อเหตุอุกฉกรรจ์ในเขตเมืองปุถุชนแต่หนีไปได้ก่อน พวกเจ้าก็ต้องสืบจนกว่าจะหาเจอทุกคน!”
“หา?”
หลังบรรดาผู้อาวุโสและยอดฝีมือในแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนได้ยินคำสั่งของท่านประมุข ต่างก็มึนงงกันไปหมด
นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกเขาถึงต้องทุ่มแรงทำให้เป็นเรื่องใหญ่ปานนี้!
“ไม่ต้องถาม แค่ทำตามคำสั่งของข้าเป็นพอ จำไว้…ห้ามปล่อยไปแม้แต่คนเดียว! หากกำลังพลไม่พอ พวกเจ้าจงไปขอยืมคนจากกลุ่มอำนาจภายในแดนบูรพาทิศ”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนว่า สมแล้วที่เขาเป็นประมุขแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ เพียงครู่เดียวก็ได้แผนที่รัดกุมแล้ว
แดนบูรพาทิศกว้างใหญ่ไพศาลเพียงนี้ ลำพังแค่พวกเขาแต่ละคนบุกเข้าไป ไม่รู้อีกนานเท่าใดกว่าจะทำหน้าที่ที่ท่านเซียนมอบหมายได้สำเร็จ
แต่ผู้เฒ่าเมิ่งจีกล่าวไว้ เรื่องนี้จำต้องเสร็จสิ้นโดยเร็ว จะมัวชักช้ามิได้
เพราะอย่างนั้น เขาจึงสั่งให้ผู้อาวุโสและยอดฝีมือในแดนศักดิ์สิทธิ์รับผิดชอบกันคนละเขต แล้วยืมกำลังพลจากแดนบูรพาทิศ เช่นนี้ต้องเพิ่มความเร็วขึ้นไปได้อีกมากอย่างไม่ต้องสงสัย!
“แต่ไม่ต้องไปสำนักไท่หัวกับสำนักเมฆาลับฟ้า”
เขากำชับอีกประโยค
สำนักไท่หัวและสำนักเมฆาลับฟ้ามีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับท่านเซียน เขาย่อมไม่กล้าสร้างปัญหาให้กับสำนักไท่หัวและสำนักเมฆาลับฟ้า…
เพราะผลที่ตามมานั้นเขารับไม่ไหว!
“รับทราบแล้ว!”
ผู้อาวุโสและยอดฝีมือทั้งหลายทูลตอบประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอย่างนบนอบ ก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็วดั่งลำแสง พุ่งไปทั่วสารทิศ
หูช่วงก็ออกไปทำภารกิจด้วยเช่นกัน
“แดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนจะรุ่งเรืองหรือล่มจม ก็อยู่ที่ครานี้แล…”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนก้าวออกไป และเริ่มต้นปฏิบัติการเช่นกัน
…
ณ เมืองหนิง
ที่นี่เป็นเมืองอาศัยของปุถุชน จำนวนปุถุชนที่อาศัยอยู่ในนี้มากถึงเก้าหมื่นชีวิต ถือเป็นเมืองระดับกลางแห่งหนึ่ง
ปกติแล้วที่แห่งนี้มั่งคั่งรุ่งเรืองอย่างที่สุด ผู้คนสัญจรตามท้องถนนไม่หยุดหย่อน เสียงพ่อค้าเร่ขายดังมากอยู่นอกเมืองยังได้ยิน
ทว่าบัดนี้ที่แห่งนี้กลับยับเยินซอมซ่อ สิ่งปลูกสร้างหลังแล้วหลังเล่าถูกถล่มราบกับพื้น ทุกหนแห่งอาบย้อมไปด้วยเลือด สายโลหิตมากมายหลอมรวมเป็นลำธารและไหลนองไปทั่วเมือง
ศพกองพะเนินอยู่ทุกซอกทุกมุม นับอย่างไรก็นับไม่หมด ไม่รู้ว่าตายตกกันไปเท่าไหร่…
“อ๊าก! ใครก็ได้ ช่วยพวกเราด้วย!”
“พวกเราทำอะไรผิด!”
ชาวเมืองที่ยังมีชีวิตอยู่ต่างตะโกนคร่ำครวญ ร้องห่มร้องไห้ พวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาทำสิ่งใดผิด ถึงได้ประสบเคราะห์ร้ายเช่นนี้
“ผิดอะไรน่ะหรือ การที่พวกเจ้ามีชีวิตอยู่ก็นับว่าผิดแล้ว! ฝึกตนก็ไม่ได้ แล้วจะมีชีวิตอยู่ไปไย?”
สัตว์ร้ายขนาดมหึมาตัวหนึ่งปรากฏขึ้น มันมีรูปร่างประหลาด หัวเป็นวัว ตัวเป็นเสือดาว หน้าตาโหดเหี้ยมอำมหิต อ้าปากครั้งเดียวก็สามารถกลืนกินปุถุชนได้มหาศาล
“รสชาติแย่สุด ๆ ถุย! ไม่มีรสชาติเลยสักนิด! ปุถุชนอย่างพวกเจ้าไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเป็นอาหารข้า!”
มันทำสีหน้ารังเกียจ ประหนึ่งได้กลืนกินของน่าคลื่นไส้เข้าไปและอ้วกไม่หยุด
กลืนกินปุถุชนพวกนี้รังแต่จะทำให้กระเพาะอาหารของมันแปดเปื้อน!
“น่าเบื่อ ฆ่าให้หมดเลยแล้วกัน แล้วค่อยฆ่าชาวบ้านอีกสักสองเมือง ข้าก็สามารถกลับไปอย่างอิ่มเอมใจแล้ว”
มันใช้พลังผนึกเมืองนี้ไว้ ทำให้ปุถุชนในเมืองไม่สามารถหนีออกไปได้
และบัดนี้ มันต้องการล้างบางคนทั้งเมือง
มันถูกยอดฝีมือและเผ่าปีศาจแข็งแกร่งขับไล่ กำลังอัดอั้นตันใจไม่น้อย ทว่ามันมิกล้าสังหารผู้ฝึกตนสุ่มสี่สุ่มห้า แต่กับปุถุชนนั้น มันไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวเลยสักนิด
“หาที่ระบายอารมณ์หน่อยแล้วกัน”
มันคลี่ยิ้มพิศวง ตระเตรียมลงมือและมิได้โกรธเกรี้ยวดังเก่า
แต่เวลานั้นเอง สีหน้ามันเปลี่ยนไปฉับพลัน เพราะมีผู้ฝึกตนทลายพลังที่มันใช้ผนึกเมืองและบุกเข้ามา
“ผู้ใดกัน!”
มันหันไปมอง นัยน์ตาทอประกายหวาดกลัวขึ้นมา
“สำนักหยวนอีจากแดนบูรพาทิศ!”
ผู้มาตะโกนลั่น บุกตรงเข้าไปทันที พลังมหาศาลพลุ่งพล่าน เขามีความสามารถไม่ธรรมดา
“ข้าหาได้ไปยุ่งกับพวกเจ้าไม่ ทว่าพวกเจ้ากลับแส่มาหาเรื่องข้าอย่างนั้นหรือ”
สัตว์ประหลาดหน้าเป็นวัว ตัวเป็นเสือดาวตะคอกเสียงดังลั่น “สำนักหยวนอี ข้ามาจากเผ่าคาวีผ่าเหล่าแห่งแดนทักษิณทิศ!”
เผ่าคาวีผ่าเหล่าแห่งแดนทักษิณทิศ เป็นหนึ่งในเผ่าปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนทักษิณทิศ เทียบกับพลังของสำนักหยวนอีแห่งแดนบูรพาทิศแล้ว นับว่าแข็งแกร่งกว่ามาก
ภูมิภาคทั้งห้าทิศนั้น ภาคกลางแข็งแกร่งที่สุด แดนบูรพาทิศอ่อนแอที่สุด ส่วนแดนทักษิณทิศ แดนประจิมทิศ และแดนอุดรทิศแม้จะสู้ภาคกลางไม่ได้ แต่ก็ดีกว่าแดนบูรพาทิศมากโข
ยอดฝีมือจากสำนักหยวนอีตัวสั่นเทาเล็กน้อย เขาชะงักฝีเท้ากลางอากาศ เห็นได้ชัดว่ามีความยำเกรงอยู่บ้าง
เขาเคยได้ยินกิตติศัพท์ของเผ่าคาวีผ่าเหล่าแห่งแดนทักษิณทิศมาบ้าง รู้ว่าเป็นเผ่าปีศาจที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าสำนักหยวนอีของพวกเขา
“ลังเลอยู่ไย ไม่ว่าหน้าไหน ก็ฆ่าให้หมด เกิดเรื่องใดขึ้นย่อมมีแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนของเรารับผิดชอบให้!”
ร่างหนึ่งปรากฏตัว ยกมือคราเดียวก็สังหารสัตว์ประหลาดวัวตัวนี้จนสิ้นชีพคาที่!