ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 123 มีพรสวรรค์สูง + 124 ข้าเป็นที่หนึ่งในโลก
ตอนที่ 123 มีพรสวรรค์สูง
อาจารย์เฮ่อชอบอู่เหมยมาก เธอบอกให้อู่เหมยมาเรียนวาดรูปที่หอวัฒนธรรมในสัปดาห์หน้า แถมยังบอกว่าสามารถเรียนแบบตัวต่อตัวได้ อาจารย์เฮ่อมองว่าเธอเป็นนักเรียนเบอร์หนึ่ง สองชาติรวมกันอู่เหมยไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้มาก่อนเลย นอกจากจะน่าประหลาดใจแล้ว เธอยังรู้สึกกังวลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หลังจากจ่ายค่าเรียนแล้ว อู่เหมยกับสยงมู่มู่ก็บอกลาอาจารย์เฮ่อ สยงมู่มู่เห็นเธอเดินออกมาแล้วมีท่าทางใจลอย เขาก็อดถามไม่ได้ว่า “ทำไมเธอไม่เห็นจะดีใจเลย ไม่ใช่ว่าเธอจะกลับคำอีกนะ”
“ไม่ใช่อยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าดีใจแค่ไหน ฉันแค่กังวล…” อู่เหมยรีบปฏิเสธ
“เธอกังวลเรื่องอะไร ไม่ต้องห่วง ที่ยืมเงินฉันไปไม่ต้องรีบคืน แค่สองหยวนเอง” สยงมู่มู่พูดแบบไม่ยี่หระ
อู่เหมยมองค้อนเขาตาเหลือก “เงินนั่นอาทิตย์หน้าฉันก็คืนให้ได้แล้ว ฉันกังวลว่าตัวเองจะเรียนได้ไม่ดี แล้วทำให้อาจารย์เฮ่อผิดหวัง ฉันไม่มั่นใจเลย”
สยงมู่มู่หัวเราะและพูดเสียงดังว่า “เธอหาเรื่องปวดหัวให้ตัวเองเปล่าๆ น่า เรียนวาดรูปเป็นความสนุกอย่างหนึ่ง อย่าถือเป็นเรื่องจริงจังนักเลย เรียนได้ดีถือว่ามีพรสวรรค์สูง เรียนได้ไม่ดีก็ถือเสียว่าเรียนสนุกๆ เธอจะต้องสนใจทำไมมากมาย”
อู่เหมยมองดูสีหน้าไม่เห็นด้วยของสยงมู่มู่ แล้วความโมโหก็เอ่อท้นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เธอตะโกนด้วยความโมโห “ฉันต้องสนใจอยู่แล้วล่ะ นักเรียนหัวกะทิอย่างพวกนายไม่มีวันเข้าใจความเจ็บปวดรวดร้าวของคนเรียนแย่อย่างพวกเราหรอก สำหรับนายแล้ว นายสามารถทำโจทย์ได้อย่างสบายบรื๋อ แต่ฉันคิดหัวแทบแตกก็ยังทำไม่ได้เลย ใครๆ ต่างก็พูดว่าความสำเร็จคือหยาดเหงื่อเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์บวกกับพรสวรรค์อีกหนึ่งเปอร์เซ็นต์ แต่ไม่มีใครรู้ทั้งนั้นว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่หยาดเหงื่อ แต่เป็นพรสวรรค์บ้าบอนั่นต่างหาก!
สวรรค์เมตตานาย ประทานสมองที่เฉลียวฉลาดจนเข้าขั้นเพี้ยนให้กับนาย ถึงแม้จะทำเล่นสนุกๆ แต่ก็ประสบความสำเร็จได้ สำหรับฉันนั้นไม่เหมือนกัน ฉันเป็นพวกหัวขี้เลื่อย เรียนอะไรก็เรียนได้ไม่ดี ต่อให้ทุ่มเทหยาดเหงื่อแรงกายเป็นสองเท่า ฉันก็เรียนได้แย่เหมือนเดิม นายไม่เข้าใจความเจ็บปวดของฉันหรอก ไม่ว่ายังไงฉันจะล้มเหลวไม่ได้อีก!”
เมื่อนึกถึงความเมินเฉยของบรรดาอาจารย์และเพื่อนๆ ความผิดหวังของอู่เจิ้งซือ คำด่าทอสาดเสียเทเสียของเหอปี้อวิ๋นในสมัยก่อน น้ำตาเธอก็ไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ อู่เหมยนั่งยองลงและเอาหน้าซุกกับขา เธอกลัวว่าสยงมู่มู่จะเห็น น่าขายหน้าเหลือเกิน
ตอนแรกสยงมู่มู่ยังมีท่าทีดูถูกเหยียดหยามอยู่บ้าง แต่พอฟังไปเรื่อยๆ เขาก็ดูจริงจังขึ้นมา อู่เหมยพูดถูก สวรรค์เมตตาต่อเขาจริงๆ เขาไม่เคยต้องกลัดกลุ้มเรื่องเรียนเลย และแม้กระทั่งคิดว่าคนหัวขี้เลื่อยพวกนั้นก็คือผลิตผลที่ล้มเหลวของพระผู้เป็นเจ้า พวกเขาจะต้องถูกสังคมคัดออกอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้พอได้ยินอู่เหมยพูด ความคิดเขาก็เปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว บางทีพวกหัวขี้เลื่อยเองก็คงไม่อยากจะเป็นคนหัวขี้เลื่อยหรอกมั้ง
“นี่ หยุดร้องไห้ได้แล้ว ไม่อย่างคนอื่นอาจคิดว่าฉันรังแกเด็กผู้หญิง!” สยงมู่มู่รู้สึกจนปัญญา
“ใครร้องไห้ ฉันฝุ่นเข้าตาต่างหาก”
อู่เหมยใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา เธอตาแดงเรื่อแล้วลุกขึ้นยืน แต่เธอหันหลังให้กับสยงมู่มู่เพราะรู้สึกอายมาก
สยงมู่มู่กลั้นหัวเราะไม่ได้ “ใช่แล้ว ฝุ่นเข้าตา เธอหันมานี่มา แบบนี้เสียมารยาทมากรู้หรือเปล่า”
อู่เหมยหมุนตัวมาอย่างงุ่มง่าม เธอยังคงก้มหน้าก้มตาไม่ยอมมองสยงมู่มู่ สยงมู่มู่รู้สึกขำพลางลูบหัวเธอเบาๆ “ตอนนี้รู้สึกเขินอายแล้วเหรอ เอาล่ะ เธอไม่ต้องกังวลหรอก สวรรค์ท่านดีกับเธอพอสมควรทีเดียว ประทานสิ่งต่างๆ ให้ไม่น้อย”
“ท่านให้อะไรฉัน ทำไมฉันไม่เห็นเลย!” อู่เหมยไม่คิดเช่นนั้น ถ้าสวรรค์ดีจริง ทำไมถึงไม่เปลี่ยนสมองของอู่เยวี่ยมาให้เธอล่ะ
สยงมู่มู่หัวเราะ “เธอหน้าตาสวยใช้ได้ ถึงแม้จะแย่กว่าฉันนิดหน่อยก็ตาม อีกอย่างพรสวรรค์ด้านวาดรูปของเธอก็ไม่เลวทีเดียว ไม่อย่างนั้นอาจารย์เฮ่อก็คงไม่ชื่นชอบเธอขนาดนั้นหรอก อาจารย์เฮ่อมาตรฐานสูงจะตาย มีสองอย่างนี้แล้วเธอยังจะต้องกังวลอะไรอีก”
…………………………………………………
ตอนที่ 124 ข้าเป็นที่หนึ่งในโลก
อู่เหมยโอดครวญ “สองอย่างนี้จะทำอะไรได้ กินแทนข้าวไม่ได้สักหน่อย”
อู่เหมยได้รับการอบรมสั่งสอนแบบดั้งเดิมจากอู่เจิ้งซือกับเหอปี้อวิ๋นมาตั้งแต่เด็ก การเรียนหนังสือเป็นหนทางที่ถูกต้อง ส่วนร้องเพลงวาดรูปเต้นรำพวกนี้ล้วนแล้วแต่นอกลู่นอกทาง อู่เหมยไม่ได้ชื่นชอบการวาดรูปอะไรมากมายขนาดนั้น หากไม่ใช่เพราะเธอไม่มีความมั่นใจในเรื่องเรียนหนังสือจริงๆ ละก็ เธอเองก็คงไม่มาเรียนวาดรูปหรอก
แต่สยงมู่มู่กลับไม่คิดเช่นนั้น “ทำไมเธอถึงคิดแบบนี้ล่ะ เธอหน้าตาสะสวย แถมยังวาดรูปเก่ง ต่อไปจะต้องเป็นสาวสวยที่เปี่ยมด้วยความสามารถ เธอลองดูบรรดาคนดังผู้หญิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังไม่เสื่อมคลายเหล่านั้นสิ ดูจากความสามารถแล้วอาจจะไม่ได้ดีที่สุดในสมัยนั้น แต่เพราะอะไรพวกเธอถึงมีชื่อเสียงเลื่องลือยาวนานได้ล่ะ”
อู่เหมยส่ายหัวด้วยความงุนงง เธอจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นเพราะอะไร
เธอสอบตกวิชาประวัติศาสตร์ตลอดเลย!
“เพราะพวกเธอเป็นสาวสวยไงล่ะ เธอลองดูคนดังผู้หญิงพวกนั้นสิ มีกี่คนกันที่หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ ทุกคนล้วนแล้วแต่หน้าตาสะสวยกันทั้งนั้น เรื่องนี้ฉันได้ทำการศึกษาค้นคว้ามาแล้ว ไม่ต้องสนใจที่คนโบราณชอบพูดว่าสตรีไร้ความสามารถหาดีไม่ได้อะไรพวกนั้น ถุย โกหกทั้งเพ ถ้าคนโบราณคิดแบบนี้กันหมดจริงๆ ไม่ว่าผู้ชายเลือกสนมหรือว่าคนทั่วไปเลือกเมียน้อย ทำไมถึงเลือกแต่คนสวยๆ ล่ะ เธอว่าจะมีสักกี่คนกันที่เลือกผู้หญิงที่เก่งแต่หน้าตาไม่สวย” สยงมู่มู่หน้าบานเป็นกระด้ง ดูท่าทางตื่นเต้นมาก
“แต่คุณปู่ฉันไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องหน้าตา คุณย่าฉันไม่สวยเลยสักนิดเดียว” อู่เหมยเถียง อู่ชิงหางนับได้ว่าเป็นบัณฑิตที่รูปร่างสะโอดสะอง แต่คุณย่าอู่กลับรูปร่างเล็กเตี้ยและหน้าตาธรรมดา ไม่เหมาะสมคู่ควรกันเลยแม้แต่นิดเดียว
สยงมู่มู่ไม่สบอารมณ์ “คุณปู่เธอเป็นข้อยกเว้น ผู้ชายเก้าในสิบคนชอบคนสวย ส่วนที่เหลืออีกหนึ่งคนถ้าไม่ใช่ขันทีก็เป็นพวกสายตามีปัญหา สรุปคือเธอจำคำฉันไว้นะ การที่เธอหน้าตาสะสวยอย่างตอนนี้เป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดที่สวรรค์ประทานให้เธอแล้ว อย่าเอาแต่ตัดพ้อว่าสวรรค์ไม่ดีกับเธอ สวรรค์ดีกับเธอมากพอแล้ว”
อู่เหมยลูบใบหน้า ท่าทางเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เธอถามด้วยความไม่แน่ใจว่า “ฉันไม่ขี้เหร่จริงๆ น่ะเหรอ”
“อู่เหมยเธอแกล้งทำเป็นไม่รู้ละสิ อย่างเธอเรียกว่าขี้เหร่ แล้วเด็กผู้หญิงทั่วไปพวกนั้นจะทำยังไงล่ะ” สยงมู่มู่ถลึงตาอย่างไม่พอใจ
“แต่พวกเขาต่างก็บอกว่าฉันอัปลักษณ์ แม่กับพี่สาวฉันก็พูดแบบนี้เหมือนกัน ฉันเองก็คิดว่าตัวเองไม่สวย” อู่เหมยเบ้ปากด้วยความน้อยใจ
แล้วสยงมู่มู่ก็นึกฉายาในสมัยก่อนของอู่เหมยขึ้นมาได้ เขามองอู่เหมยด้วยความเห็นอกเห็นใจ เด็กโชคร้ายคนนี้ต้องโชคร้ายขนาดไหนนะถึงได้มาเจอกับแม่และพี่สาวที่น่ารังเกียจแบบนี้!
“เอาล่ะ ทีนี้ให้ฉันคนที่ฉลาดที่สุดในโลกคนนี้บอกเธอนะ อู่เหมยเธอหน้าตาดีใช้ได้ แค่แย่กว่าฉันอยู่นิดหน่อย” สยงมู่มู่คุยโวเพื่อยั่วให้อู่เหมยหัวเราะ
เธอมองดูใบหน้าที่สวยงามของสยงมู่มู่ แล้วพยักหน้าเห็นด้วย “นายหน้าตาดีจริงๆ ดูดีกว่าผู้หญิงเสียอีก”
สยงมู่มู่ประหลาดใจอย่างยิ่ง แล้วซักไซ้ว่า “จริงเหรอ เธอไม่ได้โกหกใช่มั้ย”
“จริงๆ นายหน้าตาดีกว่าอู่เยวี่ยเยอะเลย” อู่เหมยพูดเสียงหนักแน่น
สยงมู่มู่มองค้อนเธอตาเหลือกและพูดอย่างไม่พอใจว่า “เธออย่าเอาฉันไปเปรียบเทียบกับอู่เยวี่ยสิ ผู้หญิงที่ทั้งโง่ทั้งขี้เหร่แบบนี้ เอาไปเปรียบด้วยแล้วทำให้ฉันดูแย่ลง”
อู่เหมยตกใจจนลิ้นพันกัน เธอพูดติดอ่างว่า “นาย…นายพูดว่าอะไรนะ อู่เยวี่ยทั้งโง่ทั้งขี้เหร่งั้นเหรอ เธอสอบได้ที่หนึ่งของโรงเรียนเชียวนะ นายยังเรียนเก่งสู้เธอไม่ได้เลย”
สยงมู่มู่ทำเสียงฮึดฮัด “นั่นเป็นเพราะฉันไม่คิดจะแข่งกับอู่เยวี่ย สอบได้ที่หนึ่งของโรงเรียนเจ๋งตรงไหน ฉันหลับตาก็ทำได้”
“พูดจริงเหรอ นายคงไม่ได้โม้หรอกใช่มั้ย”
อู่เหมยจงใจยั่วยุเขา ถ้าสยงมู่มู่ทำได้อย่างที่เขาพูดจริงๆ เบียดให้อู่เยวี่ยตกจากบัลลังก์ที่หนึ่งได้ถึงจะดี!
“เธออย่ามาใช้วิธียั่วยุกับฉันเลย ฉันไม่หลงกลหรอก” สยงมู่มู่กลับไม่หลงกล เขากอดอกมองท้องฟ้า ท่าทางกวนโอ๊ยชะมัด
…………………………………………………..