ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 125 ดูแลเอาใจใส่น้องสาวฉันด้วย + 126 พ่อแม่ที่น่ารัก
ตอนที่ 125 ดูแลเอาใจใส่น้องสาวฉันด้วย
อู่เหมยพูดจาดีสารพัด แต่สยงมู่มู่ก็ไม่ยอมตกลงสักที เขาบอกแค่ว่าเขาต้องการใช้ชีวิตในช่วงชั้นมัธยมต้นอย่างเงียบสงบ ไม่ต้องการที่จะดึงดูดความสนใจมากเกินไป ทำให้อู่เหมยโมโหจนกัดฟันกรอดๆ
“แล้วแต่นายละกัน ฉันกลับบ้านละ”
อู่เหมยหมุนตัวแล้วเดินไป พอเห็นท่าทางหยิ่งยโสของสยงมู่มู่แล้ว เธอก็รู้สึกปวดฟันกราม แม้จะเป็นความฝันเธอก็อยากจะสอบได้ที่หนึ่ง แต่เจ้าหมอนี่ช่างดีเสียจริง ยกที่หนึ่งที่ตัวเองสามารถเอื้อมถึงได้อย่างง่ายดายให้กับคนอื่น ทำไมมันช่างน่าโมโหอย่างนี้นะ!
สยงมู่มู่หัวเราะ แล้วเข็นจักรยานตามมา เขาชนอู่เหมยหนึ่งทีและถามพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ “โมโหเหรอ”
“เปล่า!”
“ยังจะบอกเปล่าอีก เสียงดังขึ้นอย่างน้อยๆ สามสิบเดซิเบลแน่ะ” สยงมู่มู่ทำหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องประมาณว่า ‘เจ้าอย่าคิดมาโกหกข้าหน่อยเลย’
อู่เหมยเงยหน้าขึ้นถลึงตาใส่เขา แล้วเสียงก็ดังขึ้นอีกสามสิบเดซิเบล เธอแผดเสียงใส่หูเขา “ฉันโมโหแล้ว!”
พอพูดจบ เธอก็ถลึงตาใส่อีกรอบ แล้วรีบเดินจ้ำกลับไป สยงมู่มู่แคะหูที่ข้างในมีเสียงดังหึ่งๆ เขาไม่ได้โกรธกลับรู้สึกขำเสียด้วยซ้ำ สาวน้อยคนนี้นับวันก็ยิ่งอารมณ์ร้ายขึ้นเรื่อยๆ!
เมื่อรอจนสยงมู่มู่กับอู่เหมยเดินไปไกลแล้ว อู่เชาก็เดินออกมาจากมุมกำแพง สีหน้าเขาเหมือนคิดอะไรอยู่ เมื่อกี้เขาได้ยินที่อู่เหมยพูดหมดแล้ว และแน่นอนว่าเขาเห็นที่อู่เหมยร้องไห้เสียใจด้วย
หลายปีมานี้บรรดาพี่น้องในครอบครัวชอบหัวเราะเยาะอู่เหมยอยู่บ่อยๆ ด่าว่าเธอเป็นคนหัวขี้เลื่อยที่ไม่มีความคิดความอ่าน เป็นมูลวัวที่เละเทะ แม้เขาจะไม่เคยพูดว่าอะไร แต่ก็หัวเราะพลางยืนฟังอยู่ข้างๆ ตลอด อู่เชาคิดว่าที่พวกเขาพูดมานั้นถูกต้อง อู่เหมยเป็นคนหัวขี้เลื่อยอย่างไม่มีใครเทียบจริงๆ
แต่ไม่มีใครเคยคิดถึงความรู้สึกของอู่เหมยหลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้เลย พวกเขาเอาแต่หัวเราะเยาะเธอตามอำเภอใจ มิน่าล่ะอู่เหมยถึงได้ไม่สนใจไยดีเขาเลย คงจะเป็นเพราะเธอถูกทำร้ายจนบอบช้ำเกินไปละมั้ง
อู่เชาถอนหายใจ แล้วหมุนตัวเดินกลับบ้านไปอีกทางหนึ่ง อันที่จริงอี้จงกับจินต้าไปทางเดียวกัน แต่เขากลัวจะเจอเข้ากับอู่เหมย เขายังไม่ได้คิดเลยว่าต่อไปจะทำตัวกับอู่เหมยอย่างไรดี เขาต้องคิดใคร่ครวญให้ดีเสียก่อน
หลังจากเลิกเรียนอู่เยวี่ยก็รีบวิ่งออกจากห้องเรียน แต่ก็ยังคงมาไม่ทันอู่เหมยอยู่ดี ใบหน้าเธอเศร้าหมองทันที แต่ไม่ทันไรรอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนใบหน้าเธออีกครั้ง พอเจอใครเธอก็ส่งยิ้มกว้างให้
เจินหวานหว่านรออู่เยวี่ยอยู่ที่หน้าโรงเรียน พอเห็นอู่เยวี่ย เธอก็เดินเข้าไปหา อู่เยวี่ยถามอย่างไม่พอใจว่า “ทำไมเธอไม่รั้งเหมยเหมยเอาไว้ รู้หรือเปล่าว่าเหมยเหมยไปไหน”
“เดี๋ยวนี้อู่เหมยชักจะเจ้าเล่ห์ ฉันจะรั้งเธอไว้ได้ยังไง ฉันไม่รู้ว่าเธอไปไหน แต่ฉันรู้ว่าเธอไปกับสยงมู่มู่” เจินหวานหว่านบอกสิ่งที่เธอสืบมาได้ก่อนหน้านี้ แล้วมองอู่เยวี่ยอย่างประจบประแจง
พอได้ยินชื่อของสยงมู่มู่ อู่เยวี่ยก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ทำไมคนที่เธอเกลียดถึงได้ไปด้วยกันนะ
“ทำไมเหมยเหมยถึงไปด้วยกันกับสยงมู่มู่ล่ะ พวกเขาเล่นด้วยกันนานแค่ไหนแล้ว เหมยเหมยเป็นพวกใสซื่ออ่อนต่อโลกเกินไป เธอมีเพื่อนใหม่ก็ไม่บอกฉันสักคำ จริงๆ เลยเชียว” อู่เยวี่ยมีสีหน้ากังวลว่าน้องสาวจะเผลอคบเพื่อนไม่ดี
เจินหวานหว่านหัวเราะเยาะอยู่ในใจ แต่สีหน้ากลับเห็นด้วย “นั่นน่ะสิ เรื่องเพื่อนจะคบสะเปะสะปะไม่ได้ พี่เยวี่ยเยวี่ยจะต้องจับขังไว้ให้ดีถึงจะดี”
อู่เยวี่ยมองเจินหวานหว่านอย่างดูถูก เธอไม่ค่อยอยากจะพูดคุยกับเจินหวานหว่านต่อแล้ว หมู่นี้ข่าวคราวที่เจินหวานหว่านบอกเธอไม่ค่อยมีประโยชน์สักเท่าไร ดูท่าเธอต้องเปลี่ยนคนเสียแล้ว
“ฉันจะกลับบ้านแล้ว หวานหว่านเธอเองก็รีบกลับเถอะ”
อู่เยวี่ยหมุนตัวกำลังจะเดินไป แต่เจินหวานหว่านเรียกเธอไว้ แล้วยิ้มตาหยีพลางพูดว่า “พี่เยวี่ยเยวี่ย สมุดวิชาเลขฉันไม่พอใช้แล้วค่ะ”
อู่เยวี่ยขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่พอใจ ไม่มีข่าวสารดีๆ มีประโยชน์มาบอก แล้วยังคิดจะขอเงินอีกเหรอ
เจินหวานหว่านคนนี้ชักจะโลภใหญ่แล้ว!
“ฉันให้สองเฟิน เธอเอาไปซื้อสมุดการบ้านก็แล้วกัน ต่อไปจะต้องคอยดูแลเอาใจใส่เหมยเหมยด้วยนะ!” อู่เยวี่ยเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้มและมองเจินหวานหว่านทีหนึ่ง
เจินหวานหว่านรู้สึกได้ถึงการดูถูกเหยียดหยามของอู่เยวี่ย หัวใจเธอถูกทิ่มแทง ถ้าทางบ้านมีเงินให้เธอไปโรงเรียน เธอก็ไม่ต้องมาถูกอู่เยวี่ยดูถูกแบบนี้หรอก
ฮึ! ไม่ใช่เป็นเพราะเธอเกิดมาสุขสบายหรอกหรือ อู่เยวี่ย
………………………………………………..
ตอนที่ 126 พ่อแม่ที่น่ารัก
ไม่นานนักอู่เหมยกับสยงมู่มู่ก็กลับมาถึงอี้จง อู่เหมยเหลือบมองไปทางสนามบาสโดยไม่รู้ตัว เหยียนหมิงซุ่นไม่อยู่ เหมยซูหานก็ไม่อยู่ มีเด็กผู้ชายที่อายุค่อนข้างน้อยกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นบาสเกตบอลกันอยู่
“นี่ เธอจะไปไหน” สยงมู่มู่ตะโกนถามอยู่ข้างหลังเธอ
“กลับบ้าน!” อู่เหมยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา เธอเดินตรงไปข้างหน้าไม่หยุด
สยงมู่มู่คว้าตัวเธอไว้และพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เมื่อวานฉันพูดต่อหน้าพ่อแม่เธอไปแล้วว่าจะช่วยติวหนังสือให้เธอ แล้วนี่เธอจะกลับบ้านอย่างนั้นเหรอ เธอไม่อยากเรียนวาดรูปแล้วใช่หรือเปล่า”
“แต่วาดรูปเริ่มเรียนสัปดาห์หน้านี่นา!” อู่เหมยกะพริบตาปริบๆ อันที่จริงเธอไม่ค่อยชอบไปบ้านคนอื่น เธอมักจะรู้สึกอึดอัดไปหมด ยืดเวลาออกไปได้สักหน่อยก็ยังดี
สยงมู่มู่ออกแรงลากเธอขึ้นไปชั้นสาม แล้วพูดเสียงดุว่า “เมื่อวานฉันบอกไปว่าเริ่มตั้งแต่วันนี้ เธออยากให้ฉันผิดคำพูดงั้นเหรอ”
อู่เหมยถูกเขาฉุดกระชากลากถู เธอเดินโซเซขึ้นไปยังชั้นสาม อาจารย์บางคนที่เดินขึ้นบันไดเห็นแล้วก็แค่คิดว่าเด็กสองคนนี้กำลังหยอกล้อเล่นกัน ทุกคนต่างก็ยิ้มอย่างเข้าอกเข้าใจ
“ฉันเดินเองได้น่า นายเลิกลากฉันได้แล้ว”
อู่เหมยตะโกนด้วยความโมโห ทำอย่างกับเธอเป็นลูกหมาลูกแมว!
ทั้งสองคนหยุดพักที่เชิงบันไดชั้นสามครู่หนึ่ง อู่เหมยจัดแต่งเผ้าผมกับเสื้อผ้าเล็กน้อยและสูดหายใจลึกหลายที แล้วถึงค่อยเดินตามสยงมู่มู่ขึ้นไป สยงมู่มู่หยอกล้อเธอ “บ้านฉันไม่ใช่ถ้ำเสือถ้ำมังกรสักหน่อย จำเป็นต้องกลัวขนาดนี้เชียวเหรอ”
อู่เหมยมองค้อนเขาตาเหลือก แล้วเดินขึ้นบันไดไปอย่างไม่สนใจ สยงมู่มู่หัวเราะและเดินตามหลังขึ้นมา
วันนี้เหยียนหมิงซุ่นไม่ค่อยอยากเล่นบาส เขาไปฝึกบาร์เดี่ยวที่สนามด้านหลัง ขณะที่ห้อยอยู่บนบาร์เดี่ยว เขาก็บังเอิญเห็นอู่เหมยที่กำลังยื้อยุดฉุดกระชากกับสยงมู่มู่ แล้วเขาก็หยุดชะงักลง
อู่เหมยไปบ้านสยงมู่มู่ทำไมกัน
เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้ว ไม่มีกะจิตกะใจจะฝึกบาร์เดี่ยวแล้ว เขาผ่อนลมหายใจแล้วลงมา จากนั้นเงาสีขาวเงาหนึ่งก็พุ่งเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนเขา
“แกวิ่งออกมาได้ยังไงเนี่ย เดี๋ยวเจ้านายแกหาแกไม่เจอ เขาจะร้อนใจเอานะ” เหยียนหมิงซุ่นยิ้มพลางพูด
“กูกู”
ฉิวฉิวกะพริบตาที่เหมือนกับเมล็ดถั่วดำ มันหาตำแหน่งที่สบายๆ ในอ้อมแขนเขาแล้วนอนหลับอย่างสบายใจ เมื่อกี้มันนอนหลับอยู่ดีๆ แต่จู่ๆ อู่เยวี่ยที่น่ารังเกียจก็ทำเสียงดังปึงปัง เสียงดังหนวกหูจนมันไม่อาจหลับฝันดีได้
เหยียนหมิงซุ่นลูบไล้ขนนุ่มลื่นของเจ้าฉิวฉิวเบาๆ เดิมทีเขาตั้งใจจะพาเจ้าฉิวฉิวไปส่งให้อู่เหมย แต่พอคิดดูอีกที เขาก็หมุนตัวกลับมาและอุ้มเจ้าฉิวฉิวกลับบ้าน มุมปากเขายกขึ้นเล็กน้อย
อู่เหมยเดินตามสยงมู่มู่มาที่บ้านเขาอย่างอารมณ์เสีย ที่จริงบ้านของสยงมู่มู่อยู่ด้านบนบ้านเธอพอดี สิ่งที่แตกต่างจากบ้านอื่นคือที่หน้าบ้านเขาไม่มีเตาที่เต็มไปด้วยคราบน้ำมัน ดูสะอาดสะอ้านมาก
“พ่อ แม่ ผมกลับมาแล้ว”
สยงมู่มู่ผลักเปิดประตูแล้วจูงอู่เหมยเข้ามาในบ้าน ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาวัยสามสิบกว่าคนหนึ่งสวมผ้ากันเปื้อนลายดอกและถือจานเดินออกมา พอเห็นอู่เหมยที่อยู่ข้างหลังสยงมู่มู่ ดวงตาเขาก็เป็นประกาย
ว้าว! ในที่สุดลูกชายก็ยอมพาเพื่อนมาบ้านแล้ว แถมยังเป็นสาวสวยเสียด้วย!
“มู่มู่กลับมาแล้วเหรอ คนนี้เป็นเพื่อนลูกใช่มั้ย แล้วชื่ออะไรล่ะ อิงหนาน รีบไปหยิบจานของว่างออกมาเร็ว บ้านเรามีแขกตัวน้อยมา!” คุณพ่อสยงยิ้มแย้มหน้าบานราวกับดอกไม้ เปลวไฟที่กระตือรือร้นเผาไหม้ความหงุดหงิดของอู่เหมยจนสิ้นซาก เธอรู้สึกสงบลงอย่างน่าประหลาด
สยงมู่มู่ขยิบตาให้เธอและพูดเสียงเบาว่า “พ่อแม่ฉันไม่ใช่แบบพ่อแม่เธอ พวกท่านเป็นเหมือนเพื่อนฉัน ซึ่งดีมากๆ เลยล่ะ”
ผู้หญิงที่สวยสดใสคนหนึ่งอุ้มกระปุกลูกอมวิ่งออกมา เธอก็คือจ้าวอิงหนาน คุณแม่ของสยงมู่มู่ คิ้วเข้มตาโต ใบหน้ารูปไข่ได้มาตรฐาน เธอเป็นอาจารย์วิชาดนตรีที่โรงเรียนอี้จง แล้วก็เป็นผู้นำเทรนด์แฟชั่นในโรงเรียนด้วย
……………………………………………