ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 129 ทำให้อับอายขายหน้า +130 กลับสู่เส้นทางที่ถูกต้อง
ตอนที่ 129 ทำให้อับอายขายหน้า
“คุณลุงสยง คุณป้าจ้าว หนูชื่ออู่เยวี่ยค่ะ เป็นพี่สาวของอู่เหมย”
เสียงอู่เยวี่ยดังขึ้นที่นอกห้อง ฟังดูสุภาพเรียบร้อยเหมือนเช่นเคย อู่เหมยกัดปากกาและอดขมวดคิ้วมุ่นไม่ได้ อู่เยวี่ยมาทำไมกันนะ
สยงมู่มู่เองก็ไม่พอใจอย่างมาก สิ่งที่เขาไม่ชอบที่สุดก็คือพวกที่ไร้ยางอายมาหาที่บ้านโดยที่ไม่ได้รับเชิญ ที่ด้านนอกห้องจ้าวอิงหนานกำลังพูดคุยอยู่ “อู่เยวี่ยเหรอจ๊ะ เหมยเหมยกับมู่มู่ทำการบ้านอยู่ในห้องแน่ะ เมื่อกี้ป้าบอกพ่อหนูแล้วว่าเหมยเหมยจะกินอาหารเย็นที่บ้านป้า หนูไม่ต้องมาเรียกหรอกจ้ะ!”
อู่เยวี่ยกัดริมฝีปาก เธอรู้สึกแค่ว่าการที่เธอเชื่อฟังเหอปี้อวิ๋นและมาที่บ้านสยงคราวนี้เหมือนกับเธอมาปล่อยไก่ ตอนนี้ขี่หลังเสือแล้วลงยาก เธอเองก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
“หนูไม่ได้มาเรียกเหมยเหมยกินข้าวหรอกค่ะ คือ…คือแม่หนูไม่ค่อยวางใจเหมยเหมย ก็เลยให้หนูมาดูน้องหน่อย แล้วแม่หนูยังให้หนูมาพูดคุยปรึกษาเรื่องเรียนกับสยงมู่มู่ด้วย ถ้าสยงมู่มู่มีอะไรไม่เข้าใจ เราก็ปรึกษากันได้ค่ะ”
อู่เยวี่ยพูดเสียงนุ่มนวลมาก อีกทั้งไม่ได้พูดว่ามาช่วยติวหนังสือให้สยงมู่มู่อย่างที่เหอปี้อวิ๋นบอก เธอคิดว่าพูดแบบนี้น่าจะเหมาะสมกว่า เพียงแต่ว่า…
รอยยิ้มของจ้าวอิงหนานจางลงเล็กน้อย เธอมองพิจารณาอู่เยวี่ยอย่างละเอียด หน้าตาธรรมดาๆ ได้ยินว่าสอบได้ที่หนึ่งในระดับชั้นของมู่มู่ เป็นความภาคภูมิใจของตระกูลอู่ มักจะได้ยินเหอปี้อวิ๋นพูดอวดลูกสาวคนโตไปทั่วอยู่บ่อยๆ พวกคนขี้อวด ไม่ว่าจะมองยังไงก็ดูขัดหูขัดตา!
แล้วตอนนี้ยังจะมาพูดว่าจะติวให้มู่มู่งั้นเหรอ
ช่างยกยอตัวเองเสียจริงๆ!
ลูกชายเธอจำเป็นต้องให้คนอื่นมาติวด้วยเหรอ
เห็นจ้าวอิงหนานดูอ่อนโยนใจดีแบบนี้ แต่ความจริงแล้วเธอไม่ใช่คนที่อ่อนโยนใจดีเลย ไม่อย่างนั้นเธอก็คงไม่ไปไหนมาไหนคนเดียวในอี้จงหรอก บวกกับฐานะทางบ้านเธอก็ไม่ธรรมดา ตั้งแต่เด็กเธอเคยพบเจอผู้คนมาไม่น้อย เธอมองแวบเดียวก็มองทะลุความคิดของอู่เยวี่ยแล้ว
“งั้นก็ขอบใจมากนะจ๊ะ แล้วก็ต้องขอบคุณคุณแม่หนูด้วย คิดรอบคอบจริงๆ แต่มู่มู่เรานิสัยค่อนข้างแปลกนิดหน่อย ต้องลองถามเขาดูก่อนว่าเอายังไง!”
จ้าวอิงหนานเพิ่งจะพูดจบ สยงมู่มู่ก็เดินออกมาจากห้องและพูดเสียงเย็นชาว่า “ไม่ต้องหรอกครับ ผมไม่ชอบพูดคุยปรึกษาเรื่องเรียนกับคนอื่น”
อู่เยวี่ยหน้าถอดสีเล็กน้อย ความอับอายขายหน้าที่อธิบายยากเอ่อขึ้นในใจ เบ้าตาเธอเริ่มแดงเรื่อ แล้วเธอก็มองไปทางจ้าวอิงหนานโดยไม่รู้ตัว หวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากจ้าวอิงหนานสักเล็กน้อย แต่พอสยงมู่มู่ออกมา จ้าวอิงหนานก็เดินไปที่ห้องครัวแล้ว เธอขี้เกียจจะยุ่งกับเด็กไม่เอาถ่าน
“ที่รักกินซี่โครงหมูดูสิจ๊ะ อร่อยมั้ย” คุณพ่อสยงตักซี่โครงหมูผัดกระเทียมที่ทำเสร็จแล้วป้อนให้จ้าวอิงหนาน
จ้าวอิงหนานกินอย่างเอร็ดอร่อยและคายกระดูกออกมา แล้วเธอก็ยกนิ้วโป้งให้คุณพ่อสยง คุณพ่อสยงยิ้มตาหยีแล้วถามว่า “ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ชอบอู่เยวี่ย? แต่เด็กคนนี้ใครเห็นใครก็ชมนะจ๊ะ!”
“ใครเห็นใครชมแล้วต้องดีเสมอไปเหรอไง อย่างเล่าปี่ใครๆ ต่างก็พูดว่าเขาเป็นคนมีเมตตา แต่ฉันว่าเขาเป็นคนจอมปลอมมากกว่า เด็กผู้หญิงอย่างอู่เยวี่ยฉันเจอมาเยอะแล้ว หยิ่งยโสอวดดี คิดว่าตัวเองถูกตลอด ก็แค่สอบได้ที่หนึ่งของโรงเรียนเอง แล้วยังคิดที่จะติวหนังสือให้มู่มู่? ฮึ!”
จ้าวอิงหนานทำสีหน้าดูถูก แล้วตักซี่โครงหมูจากในจานมาแทะอีกชิ้น ส่วนสายตาก็จ้องมองกุ้งขาวในหม้อ คุณพ่อสยงมองเธออย่างแสนจะรักใคร่และพูดเสียงนุ่มนวลว่า “เด็กดี เดี๋ยวเราค่อยกินด้วยกันนะ!”
“รู้แล้วน่า ฉันไม่ใช่เด็กเล็กๆ สักหน่อย!”
จ้าวอิงหนานมองค้อนสามีหนึ่งที แล้วเธอก็หยิบซี่โครงหมูติดไม้ติดมือมาอีกชิ้นแล้วเดินจากไป คุณพ่อสยงส่ายหัวอย่างจนใจ จากนั้นหยิบตะหลิวมาตักซี่โครงหมูวางเติมลงไปใหม่ ซี่โครงหมูแหว่งหายไปเยอะเลย!
ที่ด้านนอกอู่เยวี่ยกลับไปแล้ว ตอนนี้เธอยังอายุแค่สิบสี่ปี ฝึกฝนวิชายังไม่เข้าขั้น หนังหน้าก็ค่อนข้างบาง ไหนเลยจะทนคำเยาะเย้ยเหน็บแนมของสยงมู่มู่ได้ จากนั้นไม่นานอู่เยวี่ยก็หาข้ออ้างกลับบ้านไป
อู่เหมยดูเหตุการณ์อยู่ในห้องด้วยความสะใจ ทำให้เธอรู้สึกดีกับสยงมู่มู่มากยิ่งขึ้น แล้วเธอก็ยิ้มแฉ่งให้เขา ดูสวยน่ารักสุดๆ ทำเอาสยงมู่มู่ถึงกับตาลาย
เจ้าเด็กบ้านี่ยิ้มแล้วดูดีกว่าเขาอีก ไม่ปลื้มเลยจริงๆ!
…………………………………………………
ตอนที่ 130 กลับสู่เส้นทางที่ถูกต้อง
“กินข้าวได้แล้ว!” คุณพ่อสยงร้องเรียกอยู่นอกห้อง
มื้อเย็นที่บ้านสยงมีอาหารมากมายเป็นพิเศษ มีทั้งกุ้งขาวลวก ซี่โครงหมูผัดกระเทียม มะเขือยาวผัดซอส หมูเส้นผัดพริกหวาน ผัดผักบุ้ง แล้วก็ซุปเปลือกกุ้งใส่ฟัก อาหารวางเต็มโต๊ะไปหมด มีครบทั้งสีสัน กลิ่นหอมและรสชาติ แค่ได้กลิ่นก็รู้แล้วว่าต้องอร่อยแน่นอน
“เหมยเหมยมานั่งกินเร็ว เราต้องกินอาหารพวกนี้ให้เกลี้ยงเลยนะ” จ้าวอิงหนานดึงอู่เหมยให้นั่งลง แล้วคีบกุ้งขาวตัวใหญ่ให้เธอ
“ขอบคุณค่ะคุณป้าจ้าว กุ้งขาวนี่ตัวใหญ่จริงๆ” อู่เหมยพูดขอบคุณเสียงเบา
จ้าวอิงหนานแค่มองอู่เหมยก็มีความสุข ไม่เพียงเพราะเธอเป็นเพื่อนคนแรกของลูกชาย แต่ยังมีออร่าในตัวอู่เหมยที่เข้ากันกับเธอได้เป็นอย่างดี นี่คงจะเรียกว่าถูกชะตาละมั้ง!
“รีบกินเถอะ คุณลุงสยงของหนูฝีมือดีกว่าเชฟใหญ่อีกนะ” จ้าวอิงหนานยิ้มตาหยีพลางพูด แล้วคีบกุ้งขาวให้สยงมู่มู่ คีบให้คุณพ่อสยง จากนั้นตัวเธอก็ลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อย
สยงมู่มู่แกะเปลือกกุ้งพลางหยอกล้อ “แม่ยังมีอีกประโยคหนึ่งไม่ได้พูดนะ เหตุผลที่แม่แต่งงานกับพ่อก็เพราะถูกใจฝีมือการทำอาหารของพ่อ ไม่อย่างนั้นผมก็ไม่รู้ว่าจะต้องคลานออกมาจากท้องใคร”
“พูดมาก!”
จ้าวอิงหนานถลึงตาใส่ลูกชายด้วยความโมโห แต่ตัวเธอเองก็โดนหยอกเย้าจนหัวเราะไม่หยุด
อู่เหมยค่อยๆ แกะกุ้ง เธอดึงหัวกุ้งออกก่อน แล้วค่อยแกะเปลือก เหลือไว้แต่หางกุ้ง จากนั้นใช้มือหยิบกุ้งและจิ้มซอส แล้วเอาใส่ปากเคี้ยวอย่างช้าๆ ดูสง่าผ่าเผยอย่างยิ่ง ทำให้จ้าวอิงหนานยิ่งชอบอู่เหมยมากขึ้นไปอีก แล้วเธอก็คีบอาหารให้อู่เหมยไม่หยุด
บรรยากาศที่บ้านสยงผ่อนคลายมาก ระหว่างพ่อแม่กับลูกเป็นเหมือนเพื่อนกัน พูดคุยกันแบบสบายๆ แถมยังพูดคุยกันเรื่องที่โรงเรียนได้ด้วย แม้แต่จ้าวอิงหนานยังพูดจาหยอกล้อลูกชาย ดูไม่เหมือนกับเวลาปกติที่ดูเย็นชาเลยสักนิด
พออู่เหมยปรับตัวเข้ากับคนในครอบครัวสยงได้ ความรู้สึกเก้อเขินก็หายไป เธอพูดแทรกบ้างเป็นครั้งคราว เธอมีความสุขยิ่งกว่าตอนกินข้าวที่บ้านเสียอีก
“ขอบคุณนะคะคุณลุงสยง คุณป้าจ้าวที่ดูแลต้อนรับอย่างอบอุ่น หนูขอตัวกลับบ้านนะคะ”
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว อู่เหมยก็ขอตัวลากลับ ใบหน้าเธอเปี่ยมด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข เมื่อกี้นี้สยงมู่มู่เล่าเรื่องเรียนวาดรูปของอู่เหมยแล้ว คุณพ่อสยงมีท่าทีลังเลเล็กน้อย แต่จ้าวอิงหนานไม่พูดพร่ำทำเพลงตกปากรับคำทันที เธอรับปากว่าจะช่วยอู่เหมยปิดเป็นความลับ และให้อู่เหมยสบายใจได้เลย
“วันหลังแวะมาเที่ยวเล่นบ่อยๆ นะจ๊ะ ป้าจะให้คุณลุงสยงของหนูทำอาหารอร่อยๆ ให้” จ้าวอิงหนานบอกให้สามีมาหาแต่เขาก็ไม่ใจอ่อนแม้แต่น้อย
“ไว้หนูจะมาอีกนะคะ คุณลุงสยง คุณป้าจ้าว มู่มู่ บ๊ายบายค่ะ!”
อู่เหมยโบกไม้โบกมือให้พวกเขา แล้วเดินลงบันไดไป เตรียมจะกลับบ้านตัวเอง
คุณพ่อสยงไม่ค่อยเห็นด้วยเรื่องที่ช่วยอู่เหมยโกหกผู้ปกครอง เขาขมวดคิ้วและพูดว่า “เราช่วยเด็กโกหกแบบนี้ไม่ดีเลย อิงหนานเมื่อกี้คุณหุนหันพลันแล่นเกินไปนะ”
“แล้วไม่ดีตรงไหนคะ บางครั้งคำโกหกด้วยเจตนาดีก็ทำให้ชีวิตสวยงามยิ่งขึ้นได้ เหมยเหมยไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีสักหน่อย เธอก็แค่อยากเรียนวาดรูปเท่านั้น เด็กเขามีความขวนขวาย แล้วทำไมเราจะไม่ช่วยล่ะ” จ้าวอิงหนานจ้องสามีเขม็ง
สยงมู่มู่ก็พูดเช่นกันว่า “พ่อฮะ เรื่องนี้พ่อต้องลองเอาอย่างแม่บ้างนะฮะ นี่เรากำลังช่วยเหลือว่าที่จิตรกรสาวสวยอยู่เข้าใจหรือเปล่าฮะ เหมยเหมยมีพรสวรรค์ด้านการวาดรูปสูงมาก อาจารย์เฮ่อชอบเธอมากเลย แต่พ่อแม่เธอต่างก็หัวโบราณทั้งคู่ ไม่ได้หัวสมัยใหม่แบบพ่อแม่เลย”
จ้าวอิงหนานเชิดคางอย่างภาคภูมิใจ “ใช่น่ะสิ ลูกได้คลานออกมาจากท้องแม่นับว่าลูกโชคดีมาก ถ้าลูกเจอกับพ่อแม่อู่เหมยคนแบบนั้น ดูสิว่าลูกยังจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่หรือเปล่า”
“โอ้โห! ผมต้องไปกราบขอบคุณสวรรค์แล้ว ขอบคุณที่ไม่ได้ส่งผมไปผิดที่!”
สยงมู่มู่ทำท่าประหลาดกราบท้องฟ้าเบื้องบนสามสี่ที แถมยังทำหน้าทะเล้นพิเรนทร์อีก คุณพ่อสยงกับจ้าวอิงหนานต่างก็ระเบิดหัวเราะดังลั่น แล้วมองลูกชายด้วยความปลื้มใจ สวรรค์คุ้มครอง ในที่สุดลูกชายของพวกเขาก็กลับสู่เส้นทางที่ถูกต้องแล้ว!
……………………………………………..