ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 135 ความสุขคือการช่วยเหลือผู้คน + 136 เราต่างเป็นสัตว์เดรัจฉานเหมือนกัน
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 135 ความสุขคือการช่วยเหลือผู้คน + 136 เราต่างเป็นสัตว์เดรัจฉานเหมือนกัน
ตอนที่ 135 ความสุขคือการช่วยเหลือผู้คน
จ้าวอิงหนานมาจากตระกูลจ้าวแห่งเมืองหลวง เป็นตระกูลโด่งดังมีชื่อเสียง บิดาของจ้าวอิงหนานเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกในการเปิดประเทศ จ้าวอิงหนานเป็นบุตรสาวคนเล็กที่เขารักมากที่สุด เมื่อนั้นหากไม่ใช่เพราะท่านผู้เฒ่าจ้าวเข้าไปเกี่ยวโยงกับเหตุชุมนุมประท้วง จ้าวอิงหนานคงไม่ถูกสั่งให้หนีมาอยู่บ้านนอกคอกนา และไม่มีวันได้รู้จักคุณพ่อสยงผู้เข้าร่วมพรรครุ่นเดียวกัน
เท่าที่เขาทราบว่าเมื่อครั้นจ้าวอิงหนานแต่งงานกับคุณพ่อสยง ความจริงตระกูลจ้าวเริ่มมีสถานะดีขึ้นแล้วจึงถูกคัดค้านจากคนตระกูลจ้าวอย่างพร้อมเพรียง เพียงแต่จ้าวอิงหนานใจแข็ง สุดท้ายท่านผู้เฒ่าจ้าวสู้ลูกสาวไม่ไหวเลยให้พวกเขาได้สมหวังในรัก มีคนในโรงเรียนรู้พื้นหลังครอบครัวจ้าวอิงหนานไม่มาก รู้แค่ว่าครอบครัวจ้าวอิงหนานเป็นเจ้าหน้าที่พรรคอยู่เมืองหลวง เลยมีคนหวังประจบประแจงตระกูลสยงไม่น้อย เพียงแต่สองสามีภรรยามีท่าทีเฉยชาต่อผู้อื่นมาโดยตลอด ไม่ยอมรับคำยกยอปอปั้น และไม่คิดว่าตอนนี้อู่เหมยกลับได้รับความชื่นชมจากพวกเขา
สำหรับอู่เหมยแล้วนี่กลับเป็นโอกาสที่ดีเชียว!
“กรู๊กรู๊”
ฉิวฉิวในอ้อมแขนของอู่เหมยร้องขึ้นมาก่อนจะมุดลงไปไม่เห็นแม้แต่เงา อู่เหมยตกใจอยากวิ่งไปตามฉิวฉิวแต่เหยียนหมิงซุ่นคว้าแขนเธอไว้
“ไม่เป็นไร ฉิวฉิวกลับไปเองแล้ว”
อู่เหมยมองออกไปทางหน้าต่างบ้านตัวเองและเห็นร่างสีขาวคลานวับไปถึงหน้าต่างชั้นสองอย่างที่คาดไว้ ไวกว่าตอนเธอเดินมากโข อดหัวเราะไม่ได้ เจ้าตัวเล็กฉลาดดีนัก
“ฉันก็จะกลับบ้านแล้ว พี่หมิงซุ่นบ๊ายบายค่ะ”
อู่เหมยโบกมือลา เหยียนหมิงซุ่นเองก็โบกมือกลับพลางยิ้มกล่าว “ไปเถอะ คราวหลังถ้ามีการบ้านที่ไม่เข้าใจมาถามพี่ได้ กลางคืนพี่จะอยู่ที่นี่แหละ”
“อื้ม!”
อู่เหมยยิ้มตอบรับแล้ววิ่งไปที่ตึกที่พักอาศัยด้วยใจที่ยินดีปรีดา เหยียนหมิงซุ่นเห็นอู่เหมยเดินขึ้นชั้นบนถึงได้หันหลังเดินกลับบ้านตัวเองอย่างสบายใจจนน่าแปลก ในใจไม่บีบรัดแน่นเหมือนหลายวันก่อนแล้ว
ความสุขคือการได้ช่วยเหลือผู้อื่น!
จู่ๆ ประโยคนี้ก็ผุดขึ้นในหัวของเหยียนหมิงซุ่นจนตัวเองอึ้งไปเช่นกัน ไม่นานมุมปากก็ถูกยกยิ้มสูงพลันหลุดหัวเราะไร้เสียงออกมา
อาจเพราะเหตุนี้สินะ ไม่อย่างนั้นตอนนี้เขาไม่อารมณ์ดีได้ขนาดนี้หรอก
อู่เยวี่ยนอนซบอยู่ขอบหน้าต่างด้วยใบหน้าที่ออกจะแย่ เมื่อครู่เธอแอบเห็นอู่เหมยกำลังคุยกับเหยียนหมิงซุ่นโดยบังเอิญ ท่าทางนั่งคุยกันมาพักใหญ่แล้ว เจ้าโง่นี่ทำไมถึงอยู่ใกล้เหยียนหมิงซุ่นได้นะ?
ก่อนหน้านี้มีสยงมู่มู่ แล้วยังเหยียนหมิงซุ่น อู่เยวี่ยรู้สึกสะเทือนใจ แม้เธอไม่สนใจสองคนนี้แต่เธอไม่อยากเห็นพวกเขาเป็นเพื่อนกับอู่เหมยอยู่ดี
เธอหวังว่าอู่เหมยจะเป็นอย่างเมื่อก่อน รู้สึกต่ำต้อยโดดเดี่ยว ขี้ขลาดอ่อนแอ ไม่มีเพื่อนแม้แต่คนเดียว และไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนกับเธอ
ไม่ว่าอย่างไรการที่อู่เหมยไม่มีความสุขเธอถึงจะมีความสุข อู่เหมยมีความสุข เธอย่อมไม่มีความสุข!
อู่เยวี่ยก้มหน้าครุ่นคิดและไม่ทันสังเกตเห็นเงาสีขาวที่แวบผ่านหน้าต่างทางนี้ ฉิวฉิวเห็นอู่เยวี่ยเฝ้าอยู่ขอบหน้าต่างก็หลบซ่อนอย่างว่องไว ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร ทำอะไรต้องระวัง
อู่เหมยเดินหอบกลับบ้าน เหอปี้อวิ๋นนั่งตรวจการบ้านในห้องนั่งเล่นปรายตามองเธออย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ไม่คิดจะคุยกับเธอแต่อย่างใด
“คุณพ่อคะ หนูกลับมาแล้ว”
อู่เหมยตะโกนเสียงดังเข้าบ้านโดยไม่คิดจะสนใจเหอปี้อวิ๋นเช่นกัน ในเมื่อหัวหน้าครอบครัวคืออู่เจิ้งซือ เธอไม่มีความจำเป็นต้องไปเอาอกเอาใจคนที่เกลียดตัวเอง
เหอปี้อวิ๋นกัดฟันกรอดกดแรงเพียงนิดปลายปากกาแดงก็หักจนเกิดเสียงดัง สมุดการบ้านถูกเจาะเป็นรู เหอปี้อวิ๋นโมโหแล้วเขวี้ยงปากกาทิ้ง ยายบ้านี่กลับบ้านมาทีไรมีแต่เรื่องไม่ดี ตัวกาลกิณีจริงๆ!
อู่เหมยแค่นหัวเราะทีหนึ่ง ผลักประตูเข้าห้อง อู่เยวี่ยมองเธอด้วยสายตามีนัยยะแวบหนึ่งพลางถามหยั่งเชิง “เหมยเหมย เธอสนิทกับพี่หมิงซุ่นมากเลยเหรอ?”
“เกี่ยวอะไรกับเธอ? อย่ามายุ่งให้มาก!”
อู่เหมยอดพูดคำหยาบไม่ได้ รู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก ฮัมเพลงเดินเข้าห้องอีกฟากของเธอ ใบหน้าอู่เยวี่ยปกคลุมด้วยเมฆดำทะมึนทันที เจ้าโง่นี่อยากตายนักหรือไง!
……………………
ตอนที่ 136 เราต่างเป็นสัตว์เดรัจฉานเหมือนกัน
เงาสีขาวฉวยโอกาสตอนอู่เยวี่ยไปอาบน้ำแวบเข้ามาในห้อง มุดตัวไปยังห้องอีกฟากของอู่เหมยก่อนจะโผเข้าอ้อมกอดของอู่เหมย หางใหญ่สะบัดไปมา
“ฉิวฉิวทำไมรู้ว่าต้องหลบอู่เยวี่ยเนี่ย? ทำไมฉลาดขนาดนี้ เด็กดีจริงๆ!”
อู่เหมยจับเจ้าตัวเล็กมาจูบแล้วจูบอีก เมื่อครู่เธอยังเป็นกังวลว่าอู่เยวี่ยจะจับฉิวฉิวได้ กลับไม่คิดว่าเจ้าตัวเล็กนี่ไหวพริบดีกว่ามนุษย์เสียด้วยซ้ำ รู้จักซ่อนตัวด้วย!
“กรู๊กรู๊”
ฉิวฉิวสะบัดหางอย่างได้ใจ เขาเป็นเจ้าแห่งกระรอกที่เก่งที่สุดเชียวนะ เรื่องพวกนี้แค่เล็กน้อยเท่านั้น!
คราวหลังค่อยหาโอกาสแกล้งมนุษย์ผู้หญิงคนนั้นแทนเจ้านายสักหน่อย แล้วก็มนุษย์หญิงแก่คนนั้น เท่าที่เขาสังเกต มนุษย์ผู้หญิงสองคนนี้ไม่ดีกับเจ้านายสักนิด ไม่ใช่คนดีแน่ๆ!
“ฉิวฉิวอยู่ตรงนี้อย่าไปไหนนะ พี่สาวจะไปเอาของกินมาให้”
ถั่งลิสงที่คุณย่าหยางให้มาทานหมดแล้ว อู่เหมยวางฉิวฉิวใส่กล่องแล้วไปหาเม็ดทานตะวันที่ห้องนั่งเล่น พร้อมชงนมผงธัญพืชให้ตัวเองอีกแก้วแถมน้ำมันตับปลาอีกช้อนชา เธอไม่ควรลืมดูแลตัวเอง
แน่นอนว่าเป็นนมผงธัญพืชชั้นดีกับน้ำมันตับปลาของอู่เยวี่ยเช่นเคย อู่เหมยไม่ออมมือสักนิดยามอยู่ต่อหน้าเหอปี้อวิ๋น จนเหอปี้อวิ๋นรู้สึกแน่นอกไปหมด ยายบ้านี่ทานเยอะกว่าเยวี่ยเยวี่ยเสียอีก
“ของตัวเองไม่กินทำไมชอบมาแย่งของพี่สาวกิน? แล้วใส่เยอะขนาดนั้น แกจงใจทำฉันโมโหสินะ!” เหอปี้อวิ๋นกดเสียงต่ำลง ทำหน้าบิดเบี้ยว
“ก็เอาของพวกนั้นให้อู่เยวี่ยกินสิคะ ไหนแม่บอกว่าเหมือนกันหมดไม่ใช่เหรอ?”
อู่เหมยไม่มองเธอ ปิดฝาล้วงเมล็ดทานตะวันในกระปุกหนึ่งกำมือ เหอปี้อวิ๋นโมโหรีบคว้าแขนเธอไว้พลางตะคอกเสียงต่ำ “วันอากาศร้อนๆ แบบนี้แกจะกินเมล็ดทานตะวันทำไม? วันๆ รู้จักแต่กินกินกิน ยิ่งกินยิ่งโง่”
“โง่ขนาดไหนก็ลูกแม่นั่นแหละ ถ้าแม่ไม่ชอบหนูนักก็เอามีดมาฟันคอหนูให้ตายไปเลย!”
อู่เหมยเถียงคอเป็นเอ็นสบตาเหอปี้อวิ๋นกลับ เหอปี้อวิ๋นที่เธอเคยกลัวเหมือนสัตว์ดุร้าย ตอนนี้เธอไม่กลัวแม้แต่นิดเดียวแล้ว เพราะเธอหาวิธีรับมือเหอปี้อวิ๋นได้แล้ว
“แกยังกล้าเถียงอีกเหรอ? ไอ้คน…”
“อกตัญญูใช่มั้ยคะ? ต่อให้หนูอกตัญญูยังไงก็ลูกแม่ แม่ด่าหนูเท่ากับด่าตัวเองอยู่ หนูเป็นหมูแม่ก็เป็นหมูตัวแม่ อู่เยวี่ยก็เป็นหมู หนูเป็นหมาป่างั้นแม่ก็คือหมาป่าตัวแม่ อู่เยวี่ยเป็นหมาป่าใจดำ หนูเป็นหมา งั้นแม่ก็คือหมาตัวแม่…” อู่เหมยแค่นหัวเราะ
เหอปี้อวิ๋นโกรธจนหน้าดำมืด ยายบ้านี่บังอาจมากที่กล้าด่าเธอเป็นสัตว์เดรัจฉาน!
“ฉันจะตีไอ้คนอกตัญญูอย่างแกให้ตาย ไม่รู้จักเคารพผู้หลักผู้ใหญ่!”
เหอปี้อวิ๋นคว้าไม้ขนไก่ขึ้นมา ไม่คิดจะสนใจอู่เจิ้งซือที่อยู่ในห้องอีกต่อไป เธอต้องรักษาหน้าตาตัวเองไว้ไม่อย่างนั้นทีหลังจะข่มอู่เหมยได้อย่างไร?
อู่เหมยวิ่งไปอยู่หน้าประตูอย่างฉับไวก่อนที่เหอปี้อวิ๋นจะหยิบไม้ขนไก่ขึ้น มือหนึ่งกำลูกบิดประตูทำท่าจะเปิดประตู มองเหอปี้อวิ๋นด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แสดงท่าทีชัดเจนว่าหากเหอปี้อวิ๋นลงมือ เธอจะวิ่งไปข้างนอกร้องโวยวายให้คนรู้กันทั้งตึก
“นี่แกกล้าขู่ฉันแล้วเหรอ? แกไปเรียนวิธีนอกคอกพวกนี้มาจากไหน!”
เหอปี้อวิ๋นไม่คิดว่าอู่เหมยจะกระทำเช่นนี้พลางกัดฟันกรอดอย่างนึกแค้นใจ เยวี่ยเยวี่ยพูดไว้ไม่มีผิด ยายนี่มันเกิดมาเพื่อเป็นปรปักษ์กับเธอ อนาคตเธอไม่มีทางคาดหวังให้ยายนี่เลี้ยงดูเธอยามแก่เฒ่าสักนิด!
“แม่บีบบังคับหนูทั้งนั้น คราวหลังถ้าแม่ตีหนูอีก หนูจะไปแจ้งความบอกว่าแม่ทรมานเด็ก” อู่เหมยเองก็ทุ่มหมดหน้าตักแล้ว
“แก…แก…”
เหอปี้อวิ๋นโกรธจนเจ็บไปทั้งหน้าอก ไม่กล้าหวดไม้ขนไก่ลงไป ยายบ้านี่ดูท่าจะไม่ได้พูดเล่น หากเธอไปแจ้งความที่สถานีตำรวจจริงๆ อู่เจิ้งซือต้องด่ากราดเธอให้ตายแน่ๆ!
………………………….