ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 139 กลิ่นเหม็นมาจากไหน + 140 กลิ่นเหม็นฉุนจากอู่เยวี่ย
ตอนที่ 139 กลิ่นเหม็นมาจากไหน
เหอปี้อวิ๋นปลอบอู่เยวี่ยไม่กี่คำก็กลับไปนอนพร้อมกับอู่เจิ้งซือ อู่เยวี่ยสีหน้าขาวซีดเพราะขวัญยังไม่กลับมา เธอมองอู่เหมยอย่างโกรธแค้น นางแพศยา!
“อู่เหมย เธอแสดงละครเก่งนี่ เมื่อก่อนฉันดูถูกเธอเกินไป!”
อู่เหมยเปลี่ยนสีหน้าง่วงก่อนหน้า แค่นเสียงตอบ “ฉันเรียนรู้มาจากพี่สาวไง ยังไม่ผ่านเลยเนี่ย!”
เธอมองอู่เยวี่ยอย่างเย็นชา ความเย็นที่หนาวเหน็บยิ่งกว่าน้ำแข็งขั้วโลก อู่เยวี่ยถูกจ้องจนขนลุกซู่เผลอตัวสั่นอย่างห้ามไม่ได้ สายตาของอู่เหมยน่ากลัวชะมัด
“เธอ…เธอมองฉันทำไม?” อู่เยวี่ยเผลอกอดตัวเองโดยไม่รู้ตัว แต่ยังรู้สึกหนาวอยู่
“เปล่า จะนอนแล้ว”
อู่เหมยตอบกลับเสียงจาง ห่มผ้าหลับตาไม่มองอู่เยวี่ยอีก แต่ในใจอดหัวเราะเสียงเย็นไม่ได้
แค่นี้ก็รับไม่ไหวแล้วหรือ?
เทียบกับความเจ็บที่เธอตกจากชั้นสามสิบสามเมื่อชาติที่แล้ว แค่นี้ยังน้อยไป
อู่เยวี่ยเอ๋ย อู่เยวี่ย เธอรอดูอย่างช้าๆ ไปแล้วกัน!
จู่ๆ อู่เหมยก็เข้าใจว่าเมื่อเทียบกับการทำให้อู่เยวี่ยเจ็บทีเดียว ให้อู่เยวี่ยตกจากหิ้งสวรรค์ทีละน้อยๆ ดีกว่า ให้เธอได้ลืมตามองตัวเองที่สูญเสียออร่าอย่างที่เคยมี จากคุณนายผู้ดีที่คนต่างอิจฉากลายเป็นหินก้อนกรวดต้อยต่ำที่อยู่ชั้นฐานของพีระมิด บทลงโทษนี้สำหรับอู่เยวี่ยที่ทระนงตัวมาโดยตลอด คงทำเธอเจ็บปวดยิ่งกว่าความตาย!
อู่เยวี่ยมองอู่เหมยที่หลับใหลไปด้วยความหวาดผวา ใบหน้างดงามนั่นทำเธออิจฉาแทบบ้า รวมถึงนิสัยที่เปลี่ยนไปจากเดิมนี้ทำเธอตั้งรับไม่ทัน
ในหัวเธอคิดได้แค่คำเดียว ‘เกิดใหม่’
อู่เหมยในขณะนี้ราวกับนกฟีนิกซ์ที่เกิดใหม่ ปลดปล่อยแสงออร่าอันสวยงามของเธอให้คนไม่กล้ามองตรงๆ
ไม่นะ เป็นแบบนี้ไม่ได้ เธอต้องหยุดทุกอย่างไว้!
นกฟีนิกซ์ตระกูลอู่คือเธอ อู่เหมยเป็นแค่ตัวตลกที่ต่ำต้อยเทียบไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้วเท้าของเธอด้วยซ้ำ คุณพ่อแค่ถูกอู่เหมยหลอกจนหน้ามืดตามัว รอคะแนนประจำเดือนออกคุณพ่อจะต้องเบนความสนใจกลับมาที่ตัวเธอแน่แท้
อู่เยวี่ยตั้งจิตให้มั่นและเริ่มคาดหวังกับการสอบประจำเดือนที่จะเกิดขึ้นในอีกหนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้ เธอมั่นใจเต็มร้อยว่าจะต้องได้ที่หนึ่ง เธอมองอู่เหมยอย่างได้ใจแวบหนึ่ง ยายโง่ หน้าตาดีแค่ไหนก็เปล่าประโยชน์ ตระกูลอู่ไม่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ภายนอกอยู่แล้ว!
กลางดึกอันเงียบสงัด อู่เหมยกับอู่เยวี่ยต่างเข้าสู่ห้วงนิทรา มีกระรอกตัวขาวโผล่หัวมาจากใต้เตียง ดวงตาดำขลับหมุนกลอกไปมาและเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ ฉิวฉิวกระโดดมาที่ขอบหน้าต่างอย่างรวดเร็ว อัดอั้นมาทั้งคืน ต้องปลดปล่อยปุ๋ยสักหน่อย
เหลือบเห็นอู่เยวี่ยข้างๆ ฉิวฉิวกลอกตาอีกที สะบัดหางยาวย้อนกลับมาทับบนตัวอู่เยวี่ย ยกขาข้างหนึ่งก่อนที่น้ำสีเหลืองจะถูกขับออกมาใส่ผมของอู่เยวี่ย
ผู้หญิงคนนี้น่ารังเกียจมากๆ ทำให้เขาอยากสั่งสอนแทนเจ้าของสักหน่อย หึ!
ปัสสาวะของฉิวฉิวไม่ใช่ปุ๋ยธรรมดาเชียว แสงอาทิตย์ยิ่งแรงกลิ่นยิ่งฉุน ล้างอย่างไรก็ล้างไม่ออก ต้องรอวันเวลาช่วยชะล้างเท่านั้น!
ปลดปล่อยจนหมดท้องฉิวฉิววางขาลงมุดตัวกลับไปที่รังน้อยๆ ของเขาด้วยตัวเบาหวิว ทิ้งตัวหลับนอนอย่างสบายใจ
กลางคืนอู่เยวี่ยนอนไม่สนิทนักเพราะฝันร้ายจริงๆ ตอนเช้าตื่นมาขอบตาดำปี๋ สีหน้าดูไม่ดีเท่าไรทั้งยังอดหาววอดไม่หยุด ช่วงนี้นอนไม่เพียงพอ ทรงหน้าของเธอจากรูปไข่กลายเป็นรูปเมล็ดทานตะวัน กลับขับให้ดูอ่อนแอน่าปกป้องมากกว่าเดิม
ย้อนกลับไปสังเกตอู่เหมยเพราะกินนอนเต็มอิ่มทำให้ใบหน้าอวบอิ่มขึ้นไม่น้อย ผิวขาวเนียนเด้งแทบกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำได้
อู่เหมยกับอู่เยวี่ยเดินลงมาตามๆ กันโดยที่อู่เหมยตามหลัง ลมพัดผ่านมาโชยกลิ่นเหม็นฉุนจางๆ เข้าจมูก อู่เหมยอดขมวดคิ้วไม่ได้ กลิ่นเหม็นฉุนนี้มาจากไหน?
………………………….
ตอนที่ 140 กลิ่นเหม็นฉุนจากอู่เยวี่ย
สยงมู่มู่เองก็เดินลงมากำลังจะทักทายอู่เหมย ลมระลอกใหม่พัดผ่านมา สยงมู่มู่รีบอุดจมูกไว้กวาดตามองรอบข้างเพื่อหาต้นตอของกลิ่นเหม็นฉุนนี้ สายตาล็อกเป้าหมายที่อู่เยวี่ยผู้ไม่รู้ตัวใดๆ
“นี่มันอะไรกัน? อู่เยวี่ยมีกลิ่นตัวเหรอ?” สยงมู่มู่ถามเสียงเบา
อู่เหมยส่ายศีรษะอย่างงุนงง “เมื่อก่อนเธอไม่มีกลิ่นตัว”
อย่าว่าแต่เมื่อก่อนไม่มีเลย อู่เยวี่ยในชาติปางก่อนก็ไม่เคยมี ทำไมชาตินี้อยู่ๆ ถึงมีล่ะ?
สยงมู่มู่ตอบกลับ “กลิ่นตัวใช่ว่าจะมีตั้งแต่เกิดสักหน่อย ตอนเด็กไม่มี พอร่างกายเจริญเติบโตแล้วก็จะมีเอง อู่เยวี่ยผ่านช่วงวัยแตกสาวมาแล้วไม่ใช่เหรอ นี่ไงกลิ่นตัวตามมาเลย ไม่มายังพอว่า พอมาแล้วน่าตกใจนะเนี่ย!”
ลองดมกลิ่นเหม็นนี่สิ เหม็นยิ่งกว่ากลิ่นส้วมที่หมกมาหมื่นปีเสียอีก!
สยงมู่มู่นึกเห็นใจเพื่อนร่วมห้องของอู่เยวี่ยสามวินาที ลอบดีใจอยู่ลึกๆ ว่าเขาไม่ได้อยู่ร่วมชั้นกับอู่เยวี่ย ขอบคุณพระเจ้า อาเมน!
อู่เหมยกลับหน้าแดงปลั่ง พูดคำว่าแตกสาวต่อหน้าเธอนี่มันน่าอายจริงๆ!
แต่ทำไมอู่เยวี่ยถึงมีกลิ่นตัวล่ะ?
ไม่ควรมีแท้ๆ นี่นา!
อู่เหมยขบคิดอย่างไรก็ไม่ได้คำตอบ ในที่สุดก็คิดไม่ตกเลยคร้านจะเสียแรงคิด ความจริงอู่เยวี่ยมีกลิ่นตัวเป็นเรื่องดี สมัยนี้ไม่ได้มีเลเซอร์ดับกลิ่นเหม็น อย่างน้อยอู่เยวี่ยต้องเจ็บปวดไปอีกหลายปีเลยเชียว!
ฮ่าๆ พระเจ้าช่างเป็นใจจริงๆ!
แสงอาทิตย์สาดส่องบนศีรษะอู่เยวี่ย แสงอาทิตย์สีทองอร่ามปกคลุมหญิงสาวที่งดงามดั่งดอกไม้ เดิมทีควรเป็นภาพที่สวยงาม แต่ผู้ที่เดินผ่านอู่เยวี่ยไปมามากมายต่างเดินหลบหนีไปไกล มองใบหน้าอู่เยวี่ยแล้วได้แต่นึกเสียดาย เป็นผู้หญิงที่สวยพอสมควรแต่กลับมีกลิ่นตัวที่เหม็นขนาดนี้ เฮ้อ!
อู่เยวี่ยเจ้าตัวกลับไม่ได้กลิ่นสักนิดเพราะสภาพจิตใจไม่เอื้ออำนวย เธอไม่ทันสังเกตการกระทำที่แปลกไปของคนรอบข้าง ได้แต่ก้มหน้าเดินต่อไป รู้สึกอัดอั้นตันใจได้แต่หวังว่าการสอบประจำเดือนจะมาถึงไวๆ
“เยวี่ยเยวี่ย!”
เหยียนหมิงต๋าวิ่งมาอย่างดีใจโดยมีเหยียนหมิงซุ่นเดินตามมาด้วย เหยียนหมิงซุ่นมองเลยผ่านไปด้านหลังของอู่เยวี่ยกลับเห็นอู่เหมยปั่นจักรยานพาสยงมู่มู่ซ้อนมาด้วย เห็นท่าทางของเธอนั้นขับได้ไม่เลวเลย
เพียงแต่เจ้าหมอนั่นที่อยู่ข้างหลังของยายเด็กคนนี้ดูขัดตาชะมัด!
“อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่หมิงซุ่น!” อู่เหมยใช้ปลายเท้าแตะพื้นเบรก ยิ้มทักทาย
สยงมู่มู่แค่ก้มหน้าน้อยๆ คร้านจะยิ้มให้ด้วยซ้ำ เหยียนหมิงซุ่นมองเขาด้วยสายตาเรียบๆ แวบหนึ่งพลางตอบกลับเสียงเบา “เหมยเหมยน่าจะให้มู่มู่ปั่นนะ แผลตรงขาเธอยังไม่หายดีเลย!”
เหยียนหมิงซุ่นมองไปที่น่องขาของอู่เหมยจนสยงมู่มู่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าอู่เหมยมีแผลที่ขา รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันทีรีบกระโดดลงมาบอกว่า “เธอไปนั่งข้างหลัง ฉันปั่นเอง”
อู่เหมยตอบกลับอย่างไม่พอใจ “นายปั่นจักรยานกลางอากาศยังไม่คล่องเลยจะให้คนซ้อนยังไง? ฉันไม่อยากเกิดอุบัติเหตุรถชนหรอกนะ”
เหยียนหมิงซุ่นเลิกคิ้วกล่าวเสียงราบเรียบ “ที่แท้มู่มู่ปั่นจักรยานไม่เป็นเหรอ มิน่าล่ะ!”
“ใครปั่นจักรยานไม่เป็น? นายอย่ามาพูดเหลวไหล!”
สยงมู่มู่เถียงคอเป็นเอ็น หน้าแดงเถือกเพราะแรงอารมณ์ แย่งจักรยานแล้วนั่งควบลงไป ปั่นตรงไปข้างหน้าอย่างทุลักทุเลแล้วยังหันกลับมาตะโกนบอกอู่เหมย “ขึ้นมา!”
อู่เหมยส่ายศีรษะอย่างเด็ดขาด เธอเพิ่งเกิดใหม่ได้ทั้งทีไม่รนหาที่ตายหรอก!
“โครม!”
สยงมู่มู่แค่ไม่ทันระวังแวบเดียวก็ล้มหน้าจุ่มดินแปลงดอกไม้ ทำหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บ อู่เหมยรีบวิ่งไปพยุงเขาทั้งบ่น “ปั่นไม่เป็นแล้วยังทำเป็นเก่ง สมน้ำหน้า!”
“ให้ฉันปั่นแล้วนายซ้อนเหมือนเดิมมั้ย?” อู่เหมยเสนอ
“ไม่!”
สุดท้าย…
สยงมู่มู่ก็เดินจูงจักรยานให้อู่เหมยนั่งเบาะหลัง สองคนกับจักรยานอีกหนึ่งคันมุ่งไปข้างหน้า อู่เหมยนั่งอยู่เบาะหลังอดกลอกตาไม่ได้ เหยียนหมิงซุ่นยกยิ้มมุมปากน้อยๆ อย่างอารมณ์ดี
…………………….