ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 143 พูดไร้สาระ ระวังจะโดนต่อย + 144 ผู้หญิงที่คนทั้งโลกเหม็น
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 143 พูดไร้สาระ ระวังจะโดนต่อย + 144 ผู้หญิงที่คนทั้งโลกเหม็น
ตอนที่ 143 พูดไร้สาระ ระวังจะโดนต่อย
อู่เหมยแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เธอสอบได้ดีกว่าอู่เชางั้นเหรอ เป็นเรื่องจริงเหรอ?
เธอเงยหน้าขึ้นมองไปทางครูสวี่ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยได้เห็นมาก่อน ความรู้สึกอบอุ่นในใจและความดีใจเอ่อล้นขึ้นมาเต็มอก!
จริงๆ แล้วเธอทำได้ เธอไม่ได้เป็นแค่กากเต้าหู้ไร้ประโยชน์ คะแนนสอบของเธอถึงหกสิบแล้ว!
ภายใต้ความตกตะลึงของทุกสายตาในห้อง อู่เหมยวิ่งไปด้วยความตื่นเต้น หยิบข้อสอบจากมือของครูสวี่มาแล้วมองตัวเลขสีแดงสดสองตัวบนข้อสอบ นั่นทำให้เธอดีใจจนยิ้มออกมา
“อย่าภูมิใจเกินไป!” ครูสวี่ยิ้มจนตาหยีและพูดขึ้น
“ค่ะ” อู่เหมยพยักหน้าตอบ
เมื่อกลับมายังที่นั่ง ไม่ว่าอู่เหมยจะเปิดดูข้อสอบอีกสักกี่ครั้งก็รู้สึกว่าดูไม่พอ สองชาตินี้รวมกันเธอยังไม่เคยสอบได้คะแนนสูงขนาดนี้!
อู่เชากระทุ้งหลังอู่เหมย แล้วพูดขึ้นเบาๆ “ขอฉันดูกระดาษข้อสอบเธอหน่อย”
อู่เหมยยื่นไปให้อย่างไม่เต็มใจนัก “นายระวังหน่อย อย่าทำของฉันขาดล่ะ”
“พวกตระหนี่อย่างเธอ ก็แค่หกสิบแปดคะแนนเอง!” อู่เชาเหลือบตามอง ใจจริงเขาก็แอบตกใจไม่น้อย ทั้งเรียงความถูกเอามาอ่านเป็นตัวอย่าง และยังมีคะแนนสอบคณิตศาสตร์ที่ได้หกสิบแปดอีก พัฒนาการของยัยนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ!
“ได้แค่หกสิบแปดคะแนนแต่ก็มากกว่าของนาย!”
อู่เหมยโกรธมากและตอบกลับไปอย่างไม่เกรงกลัว ทั้งยังเชิดคางขึ้นอย่างท้าทาย อู่เชาโกรธจนต้องกัดกรามตัวเองแน่น ยัยนี่ทำได้ดีไม่เหมือนกับยัยเด็กที่เขาเคยเจอเลย
ความเกลียดชังของเจินหวานหว่านเปรียบเสมือนหญ้าอาบยาพิษที่ก่อขึ้นมาในใจ แค่ชั่วขณะก็ก่อขึ้นจนเต็มทั้งใจ ลำดับในวงค์ตระกูลของอู่เหมยดีกว่าเธอ รูปลักษณ์ภายนอกก็ดีกว่า มีอยู่สิ่งเดียวที่เธอจะสามารถเอาชนะได้นั่นคือคะแนนสอบ
แต่ตอนนี้เพียงแค่ส่วนนี้ยังจะถูกแย่งไปงั้นหรือ?
“ครูกำลังจะเริ่มอธิบายข้อสอบ พวกเธอตั้งใจฟังให้ดี เงียบได้แล้ว!”
หลังจากที่ครูสวี่แจกกระดาษข้อสอบเสร็จ หยิบไม้เรียวขึ้นมาฟาดโต๊ะไม่กี่ครั้ง ภายในห้องจากที่มีเสียงพูดคุยซุบซิบกันจึงค่อยๆ เงียบลง ครูสวี่วางมือทั้งสองข้างไว้บนโต๊ะเรียน มองยังไงก็คล้ายกับรูปปั้นปูนปลาสเตอร์ไม่มีผิด
หลังเลิกเรียน อู่เหมยได้แต่ชื่นชมกับกระดาษข้อสอบของเธอ เปิดดูเรื่อยๆ อย่างไม่นึกเบื่อ ตอนที่ครูสวี่อธิบายเธอได้ตั้งใจฟังเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งจดบันทึกไว้แล้ว ในช่วงปิดเทอมนี้จะได้ทำความเข้าใจกับพวกคำตอบที่ทำผิด
ชาตินี้จะต้องดีกว่าชาติที่แล้ว เป็นคนที่ด้อยย่อมต้องลงมือทำก่อน ในเมื่อตัวเธอไม่มีพรสวรรค์ ถ้าอย่างนั้นเธอต้องทำและขยันมากกว่าคนอื่นเป็นสิบเท่าร้อยเท่า จะต้องมีสักวันที่เธอจะได้รับสิ่งตอบแทน!
เรียนเสร็จไปทั้งสี่คาบ อู่เหมยพับกระดาษข้อสอบใส่กระเป๋าอย่างระมัดระวัง กลับไปเธอเตรียมเอาให้อู่เจิ้งซือดู ไม่ว่าอู่เจิ้งซือจะเสแสร้งแค่ไหน แต่เธอจะต้องได้ความนิยมชมชอบจากผู้เป็นพ่อให้ได้
อู่เชาวิ่งตามหลังมา ยื่นหน้ามาถามอู่เหมย “อู่เหมย เธอจะไปทำอะไรที่ห้องเรียนเยาวชน?”
อู่เหมยใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ทำไมอู่เชาถึงรู้ล่ะว่าเธอจะไปห้องเรียนเยาวชน?
นายพูดบ้าอะไร ใครบอกว่าฉันจะไปห้องเรียนเยาวชน? อู่เหมยยังหนักแน่นและไม่ยอมรับ
อู่เชาหลุดหัวเราะ “วันนั้นฉันเห็นเธอกับสยงมู่มู่ไปด้วยกัน ไปเรียนอะไรเหรอ? วาดรูปหรือพู่กันจีนล่ะ?”
“สยงมู่มู่ไปเรียนที่นั่น ฉันแค่ไปดูก็เท่านั้น อู่เชานายอย่ามาพูดอะไรไร้สาระ ไม่งั้นฉันจะต่อยนาย!”
อู่เหมยพุ่งไปหาเขาพร้อมยกหมัดขึ้น โมโหที่วันนั้นไม่ได้ระวังอู่เชาที่ตามหลังมา เขาจะรู้เรื่องที่ไปเรียนวาดรูปไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นอู่เจิ้งซือจะต้องรู้เรื่องนี้แน่ๆ
“อู่เหมย เธอกล้านักนะยัย ยัย…โถ่เอ้ย! ยัยบ้านี่จะรีบวิ่งไปไหน ฉันเหนื่อย เหนื่อยเป็นบ้าเลย วิ่งขนาดนี้เท้าเธอมีวงล้อไฟอยู่หรือไง?”
อู่เชาวิ่งตามด้วยความเหนื่อยหอบ การวิ่งเป็นอะไรที่ไม่เหมาะสำหรับเด็กอ้วนที่มีพรสวรรค์ด้านการเรียนอย่างเขาเลย เมื่อเทียบกับการเขียนบทประพันธ์แล้วยังใช้แรงมากเสียยิ่งกว่ามาก
ร่างของอู่เหมยดั่งนกนางแอ่น เบาจนสามารถสลัดอู่เชาออกไปได้ เธอดีใจจนต้องหันหลังกลับไปมอง เห็นอู่เชาวิ่งเหนื่อยหอบจนลิ้นจุกปาก!
เหอะ! อยากจะวิ่งตามเธอเหรอ ไม่มีทาง!
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 144 ผู้หญิงที่คนทั้งโลกเหม็น
อู่เหมยเจอกับสยงมู่มู่ที่หน้าโรงเรียน เด็กคนนี้จูงรถมารออยู่แถวประตูใหญ่ จากลักษณะแล้วคือตั้งใจมารอเธอ สยงมู่มู่โบกมือให้เธออยู่ไกลๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ทำไมถึงได้อารมณ์ดีนักล่ะ สอบได้เต็มร้อยหรือไง?” อู่เหมยถามอย่างแปลกใจ
อยู่ต่อหน้าสยงมู่มู่ อู่เหมยรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ไม่มีแม้แต่ความเขินอายหรือประหม่า อาจเป็นเพราะเธอรู้นิสัยลึกๆ ของอีกฝ่ายอยู่แล้ว เขาเป็นเหมือนเพื่อนสนิทคนหนึ่งของเธอที่สามารถแบ่งปันความลับต่อกันได้
สยงมู่มู่สบถออกมา “ร้อยคะแนนเต็ม ฉันแค่ทำแบบไม่ตั้งใจก็ได้มันมาแล้ว มีอะไรให้ดีใจนักหรือไง”
อู่เหมยมองเขาด้วยความขุ่นเคือง เกลียดที่สุดพวกคนที่ไม่ตั้งใจทำแต่สอบได้เต็มตลอด เพียงชั่วครู่เธอกลับอารมณ์ดีและโอ้อวดขึ้นมา “สอบคณิตศาสตร์ครั้งนี้ฉันสอบได้หกสิบแปดคะแนน ครูชื่นชมฉันด้วยนะ ทั้งยังบอกให้ฉันอย่าหลงระเริงใจและพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ”
“หกสิบแปดคะแนนมีอะไรที่…”
สยงมู่มู่เริ่มตระหนักถึงนิสัยที่เรียนไม่ได้เรื่องของอู่เหมย จึงรีบปรับเปลี่ยนสีหน้าของเขาและพูดชื่นชมเธอ “สุดยอดเลย นึกไม่ถึงว่าจะสอบได้ถึงหกสิบแปดคะแนน เธอเก่งมาก!”
เขาแสดงออกเกินจริงไปหน่อย อู่เหมยแค่ดูแวบแรกก็รู้ว่าเขานั้นปากไม่ตรงกับใจ เธอจึงสบถด้วยความหยิ่งทระนง แล้วเดินต่อไปข้างหน้า
“เธอรู้ไหมว่าทำไมฉันต้องดีใจขนาดนี้?” สยงมู่มู่เดินตามมา
“ไม่รู้”
“อู่เยวี่ยร้องไห้ในโรงเรียน เข้าเรียนแค่คาบเดียวก็กลับบ้านไปแล้ว เป็นพ่อเธอเองที่มารับกลับไป เหอะๆ น่าสนใจดี!” สยงมู่มู่รู้สึกปีติเป็นอย่างมาก อย่างน้อยช่วงเช้าก็ไม่น่าเบื่อ
อู่เหมยตกใตจนตาค้าง คาดไม่ถึงว่าอู่เยวี่ยโดดเรียน?
ทั้งยังร้องไห้ในโรงเรียนอีก?
เป็นสิ่งที่เหลือเชื่อยิ่งกว่าดาวหางฮัลเลย์พุ่งชนโลกเสียอีก!
“เกิดอะไรขึ้น? อู่เยวี่ยทำอะไรทำไมถึงร้องไห้?” อู่เหมยเร่งถาม
สยงมู่มู่กะจะยั่วให้อู่เหมยเกิดความอยากรู้ แต่เป็นเขาเองที่ทนเก็บไม่ไหวจึงพูดออกไปโดยไม่สนใจอะไร “ก็ตอนเช้าอู่เยวี่ยมีกลิ่นเต่าไม่ใช่หรือไง เธอลองคิดดูว่ากลิ่นเหม็นขนาดนั้น คนทั้งห้องจะทนได้เหรอ? จึ๊ๆๆ โชคดีแค่ไหนที่ฉันไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับเธอ”
“หลังจากนั้นล่ะ? อู่เยวี่ยก็กลับบ้านไปเลยเหรอ?” อู่เหมยรู้สึกอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก ไม่แม้แต่จะยินดียินร้ายไปกับเธอ ไม่มีเรื่องไหนที่จะทำให้ตื่นเต้นได้เท่ากับการได้เห็นความโชคร้ายของอู่เยวี่ยแล้ว
สยงมู่มู่ชอบความจริงใจของอู่เหมยตรงจุดนี้
ชอบก็คือชอบ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ไม่เหมือนกับผู้หญิงบางคน ความเป็นจริงคือเกลียดคนคนหนึ่งอยู่ แต่กลับแสดงออกว่าชอบ แค่เห็นก็รู้สึกสะอิดสะเอียนแล้ว
ซึ่งอู่เยวี่ยจัดเป็นกลุ่มคนประเภทนี้ คิดว่าเขาไม่รู้ถึงความจองหองของอู่เยวี่ยหรือไง?
“ถ้าเธอไม่กลับบ้านแล้วจะทำอะไรได้? คนทั้งห้องเกือบเป็นลมล้มพับไปก็เพราะเธอ ขนาดครูยังทนไม่ได้ ทำได้แค่โทรศัพท์หาพ่อของเธอ ให้ท่านมารับอู่เยวี่ยกลับไป อู่เยวี่ยร้องไห้เสียงดังขนาดนั้น ห้องที่ฉันเรียนห่างออกไปสองห้องยังได้ยินเลย”
สยงมู่มู่พูดไปพร้อมกับส่ายหัวประกอบ เหมือนกับอู่เหมย ที่ไม่ได้เห็นใจอู่เยวี่ยเลยสักนิด ใครกันล่ะที่ทำให้เกลียดผู้หญิงคนนี้!
“ฮ่าๆๆๆ ในที่สุดสวรรค์ก็เปิดตา ทำให้อู่เยวี่ยมีกลิ่นเต่าที่เหม็นที่สุดในโลก โอ๊ย! สะใจจริงๆ ดีใจยิ่งกว่าคะแนนสอบหกสิบแปดคะแนนของฉันอีก”
เพียงแค่อู่เหมยนึกถึงภาพที่อู่เยวี่ยอยู่ในห้องเรียน แล้วถูกเพื่อนๆ ในห้องรังเกียจขับไล่ ความดีใจก็ทะลักขึ้นมาเต็มอก
อู่เยวี่ยหนออู่เยวี่ย เธอไม่ได้เป็นผู้หญิงที่คนทั้งโลกพึงพอใจหรือเรียกว่าพวกดาวล้อมเดือนหรอกหรือ?
แต่บัดนี้เธอกลายเป็นผู้หญิงที่คนทั้งโลกเหม็นแล้วล่ะ!
สยงมู่มู่เห็นอู่เหมยยิ้มกริ่มอย่างไร้เดียงสาจึงนึกขำและเตือนสติเธอ “เธอกลับไปอย่าหัวเราะแบบนี้ล่ะ เดี๋ยวพ่อแม่ได้ตีเธอตายแน่!”
อู่เหมยมองเขาอย่างเอือมระอา “ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้น อู่เยวี่ยเล่นละครได้ ฉันก็เล่นได้ ฉันต้องคอยทำเป็นห่วงเป็นใยต่อพี่สาวของฉันสิ!”
…………………………………………………………………………………………..