ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 145 กลิ่นเหม็นที่แสนรันทด + 146 ดูละคร
ตอนที่ 145 กลิ่นเหม็นที่แสนรันทด
บรรยากาศภายในห้องรับแขกของตระกูลอู่เต็มไปด้วยความอึดอัด ไม่บ่อยนักที่อู่เจิ้งซือจะกลับบ้านเร็ว ทางเหอปี้อวิ๋นก็รีบลางานกลับมา ไม่ถึงครึ่งวันได้ บนปากของเธอก็เริ่มมีตุ่มเริมเม็ดใสผุดขึ้น
อู่เยวี่ยไม่ได้อยู่ที่ห้องรับแขก เธอขังตัวเองไว้ในห้องอาบน้ำ อาบน้ำไปไม่รู้กี่รอบแล้ว เป็นแบบนี้ตั้งแต่กลับมา เอาแต่ขัดถูจนผิวหนังมีเลือดซึมออกมา
เหอปี้อวิ๋นรออยู่หน้าประตูห้องน้ำ พลางพูดเกลี้ยกล่อมเธอด้วยความอ่อนโยน “เยวี่ยเยวี่ยไม่ต้องอาบแล้ว ยิ่งอาบจะยิ่งแย่เอานะ อย่าดื้อสิ ไม่ต้องอาบแล้ว!”
“หนูจะอาบ หนูจะขัดเอากลิ่นเหม็นออกไปให้หมด แม่อย่ามายุ่งกับหนู”
อู่เยวี่ยร้องไห้และขานตอบอย่างคนเสียสติ ประกอบกับเสียงของน้ำที่ไหล ยิ่งทำให้เธอจมอยู่กับสิ่งนั้น โดยไม่รับรู้แม้กระทั่งความเจ็บปวด ไม่แม้แต่จะหยุดใช้สบู่ถูบนตัว กระทั่งชำระล้างด้วยน้ำไม่หยุด
“คุณอู่ แล้วแบบนี้เราจะทำยังไงดี? ต้องทำให้อู่เยวี่ยออกมาให้ได้ ผิวหหนังของลูกคงถลอกไปหมดแล้ว”
เหอปี้อวิ๋นร้อนใจดั่งถูกไฟเผา เสียงที่เปล่งออกมายังปะปนไปกับเสียงสะอื้นร่ำไห้ ใจเธอสลายเป็นเสี่ยงๆ ทำไมอู่เยวี่ยของเธอถึงได้โชคร้ายอย่างนี้!
อู่เจิ้งซือก็ปวดหัวไม่น้อยไปกว่ากัน วันนี้ที่เขาได้รับสายจากครูของอู่เยวี่ย เขาแทบจะไม่เชื่อหูของตัวเอง ต้องให้เขาไปถึงโรงเรียนเพื่อสัมผัสถึงกลิ่นเหม็นที่ทำให้หลายๆ คนอยากอาเจียนด้วยตัวเอง เขาถึงจะยอมเชื่อว่าคำพูดของครูเป็นเรื่องโกหกหรือไม่
ลูกสาวคนโตที่คอยเป็นหน้าเป็นตาให้เขา นึกไม่ถึงว่าจะกลายเป็นคนที่ใครเจอต่างรังเกียจเพราะกลิ่นเหม็น!
ทั้งยังเป็นกลิ่นเหม็นที่ใครก็ไม่อาจรับได้!
ขนาดตัวเขาเองยังทนไม่ได้ ระหว่างทางกลับก็อาเจียนไปหลายรอบ และนี่ก็เป็นสิ่งที่อู่เจิ้งซือคิดไม่ตก หญิงสาวคนหนึ่งต่อให้ดีเลิศแค่ไหน แต่หากบนร่างกายเธอมีกลิ่นเหม็นเช่นนี้ ยังจะมีใครมาชอบอีกหรือ?
แล้วแบบนี้อู่เยวี่ยจะยังสร้างความภาคภูมิใจให้เขาได้อีกหรือ?
อู่เจิ้งซือถือว่าที่เป็นคนเห็นแก่ตัวมากคนหนึ่ง เกิดเรื่องต่ออู่เยวี่ย สิ่งแรกที่เขาคิดไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับอู่เยวี่ยเลย แต่กลับเป็นเรื่องหน้าตาทางสังคม ซึ่งแตกต่างจากเหอปี้อวิ๋นโดยสิ้นเชิง
อย่างน้อยเหอปี้อวิ๋นก็รักและจริงใจต่ออู่เยวี่ย แม้จะปฏิบัติต่ออู่เหมยได้แย่มากก็ตาม
“ไปตรวจที่โรงพยาบาลเถอะ น่าแปลกที่กลิ่นเหม็นนี้อยู่ดีๆ ก็เกิดขึ้น ไปตรวจที่โรงพยาบาลก่อนจะได้สบายใจ” อู่เจิ้งซือพูดขึ้นอย่างหนักใจ
“ใช่ๆๆ พาเยวี่ยเยวี่ยไปตรวจที่โรงพยาบาลกัน ฉันกับคุณไม่มีกลิ่นเต่าเลย แล้วเยวี่ยเยวี่ยจะมีกลิ่นเต่าได้ยังไง? ไม่แน่ว่าอาจจะไปกินของผิดสำแดงอะไรมาหรือเปล่า”
เหอปี้อวิ๋นวิ่งเข้าไปหยิบกระเป๋าสตางค์ในห้องอย่างรีบร้อน พอนึกได้จึงวิ่งกลับมาหาอู่เยวี่ยแล้วพูดหว่านล้อมเพื่อให้อู่เยวี่ยยอมแต่งตัวไปโรงพยาบาล
“ไม่ไป หนูไม่อยากออกไป คนอื่นจะหัวเราะเยาะหนู หนูจะไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น!”
อู่เยวี่ยตะโกนเสียงดัง เสียงน้ำตกกระทบพื้นไม่หยุด ที่โรงเรียนวันนี้เธอเจอกับสายตาเย็นชาและเหยียดหยามของคนอื่น ทั้งชีวิตนี้เธอไม่อาจลืมมันได้ ความเย็นชาที่เย็นเข้าไปจนถึงกระดูก
“เยวี่ยเยวี่ยอย่าดื้อสิ แค่เราไปโรงพยาบาลก็ไม่เป็นอะไรแล้ว เดี๋ยวแม่ฉีดน้ำหอมให้ ฉีดให้หอมๆ เลย แล้วมาดูกันว่าใครจะกล้าว่าลูกแม่ตัวเหม็นอีก!”
เหอปี้อวิ๋นพูดทั้งดีทั้งร้ายจนสามารถเกลี้ยกล่อมอู่เยวี่ยได้ ในที่สุดเธอก็ยินยอมที่จะไปโรงพยาบาล
เหอปี้อวิ๋นจึงวิ่งเข้าไปหยิบกระเป๋าสตางค์ในห้องอย่างดีใจ พร้อมทั้งหยิบเอาน้ำหอมมาฉีดให้อู่เยวี่ยทั่วทั้งตัวเหมือนกับไม่สนใจเงินที่ซื้อมันมา
“แม่ หนูยังมีกลิ่นเหม็นอยู่ไหม?” อู่เยวี่ยที่ตาบวมแดงมองไปยังแม่ด้วยความหวัง
เหอปี้อวิ๋นอดทนต่อความสะอิดสะเอียนและยิ้มตอบ “ไม่เหม็น ไม่เหม็นเลยสักนิด หอมยิ่งกว่าดอกไม้อีก!”
อู่เจิ้งซือกลับไม่ได้มีความรักใคร่เอ็นดูเหมือนเธอ เขาทนต่อกลิ่นไม่ไหว จึงวิ่งเข้าไปหยิบหน้ากากอนามัยในบ้านมาใส่และพูดเสียงหนัก “ไปกันแถอะ!”
จากที่เหอปี้อวิ๋นเกลี้ยกล่อมไว้ได้ แต่พออู่เยวี่ยหันมาเจออู่เจิ้งซือใส่หน้ากากอนามัย ใจของเธอกลับหล่นวูบไป เธอจึงตัดสินใจวิ่งเข้าไปในห้องอาบน้ำอย่างบ้าคลั่ง
“แม่โกหกหนู หนูต้องเหม็นมากแน่ๆ ขนาดพ่อยังใส่หน้ากากอนามัยเลย ฮือๆๆๆ หนูจะไม่ไปโรงพยาบาล และจะไม่ไปไหนทั้งนั้น!”
เสียงน้ำดังขึ้นอีกครั้ง เหอปี้อวิ๋นรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก เขามองอู่เจิ้งซือด้วยสายตาติดตำหนิ ทนสักหน่อยก็ไม่ได้หรือไง?
ยังจะใส่หน้ากากอนามัยต่อหน้าเยวี่ยเยวี่ยอีก แล้วแบบนี้เยวี่ยเยวี่ยจะไม่คิดมากได้อย่างไร!
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 146 ดูละคร
อู่เจิ้งซือไม่พอใจต่อการกระทำของอู่เยวี่ยเป็นอย่างมาก เดินไปหน้าห้องอาบน้ำพร้อมกับตำหนิ “เยวี่ยเยวี่ย ใส่เสื้อผ้าให้เสร็จแล้วออกมา เจออุปสรรคแค่นี้ยังรับไม่ได้ ที่ผ่านมาพ่อสั่งสอนลูกยังไงกัน? คนจะรักหรือเกลียดอย่าเก็บมาใส่ใจ ต้องใจเย็นๆ มั่นใจในตัวเองไว้ แล้วดูลูกตอนนี้ร้องไห้อย่างกับอะไรดี?”
เหอปี้อวิ๋นสงสารลูกสาวอย่างจับใจ จึงพูดด้วยความโกรธ “เรื่องแบบนี้ผู้ใหญ่ยังรับไม่ไหวเลย เยวี่ยเยวี่ยเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง คุณอู่คุณอย่าเอามาตรฐานของผู้ใหญมาใช้กับเยวี่ยเยวี่ยเลย”
อู่เจิ้งซือกลับไม่ได้สนใจและพูดต่อ “พ่อให้เวลา 5 นาที ถ้ายังไม่ออกมา ก็ไม่ต้องไปโรงพยาบาล”
เหอปี้อวิ๋นจึงพูดด้วยความร้อนใจ “เยวี่ยเยวี่ย ฟังที่พ่อเขาบอกเถอะ รีบออกมาเถอะนะ!”
อู่เหมยและสยงมู่มู่บอกลากันอยู่ตรงปากบันได ลอบถอนหายใจครั้งหนึ่งก่อนจะกลับเข้าบ้าน พอเข้ามาในบ้านก็รับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่ไม่ปกติ แน่นอนว่าเธอรู้ว่าสาเหตุคืออะไร แต่เธอต้องแสดงทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“พ่อ ไม่สบายหรือเปล่าคะ?”
อู่เหมยมองอู่เจิ้งซือด้วยความตกใจ กลางวันแสกๆ แบบนี้ใส่หน้ากากอนามัยอยู่ในบ้าน แล้วกลิ่นตัวของอู่เยวี่ยจะเหม็นขนาดไหนนะ!
“อืม ไม่ค่อยสบาย เกรงว่าพวกลูกๆ จะติดไข้เอาน่ะ” อู่เจิ้งซือจึงพูดไปตามน้ำ ดีที่เขาใส่ผ้าปิดปากอยู่ค่อยหาคำแก้ตัวง่ายหน่อย อย่างไรเสียการพูดถึงเรื่องกลิ่นตัวของลูกสาวนั้น ถ้าพูดออกไปคงไม่เป็นผลดีแน่
เหอปี้อวิ๋นไม่แม้แต่จะชายตามองอู่เหมย ใจของเธอล่องลอยไปหาอู่เยวี่ยที่อยู่ในห้องอาบน้ำ เธออยากจะสลับเอากลิ่นเหม็นนั้นมาไว้บนตัวเธอเสียเอง
“พ่อคะ สอบคณิตศาสตร์ครั้งนี้หนูได้หกสิบแปดคะแนน ครูชื่นชมหนูด้วยนะ แถมยังบอกอีกว่าหนูพัฒนาได้ไวมาก”
อู่เหมยหยิบเอากระดาษข้อสอบออกมาจากกระเป๋า แล้วยื่นไปตรงหน้าเพื่อให้อู่เจิ้งซือได้ดู เธอมองผู้เป็นพ่อด้วยความหวัง
จิตใจที่หม่นหมองของอู่เจิ้งซือ พอได้เห็นตัวเลขสีแดงสดสองตัวบนกระดาษข้อสอบ พร้อมด้วยรอยยิ้มอันสดใสของลูกสาวคนเล็ก กลับทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เขาพลิกดูอยู่หลายรอบพร้อมกับพยักหน้าไม่หยุด
“ไม่เลวนี่ แต่อย่าเพิ่งหลงระเริง พยายามพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ล่ะ” อู่เจิ้งซือพูดให้กำลังใจ
“ค่ะ หนูจะพยายาม”
อู่เหมยพยักหน้าเข้าใจ คำพูดคำนี้มาจากใจจริงๆ ของเธอ เธอจะต้องพยายาม พยายามย่นระยะห่างระหว่างเธอกับอู่เยวี่ยให้สั้นลง เพราะแบบนี้เธอถึงจะมีแรงมากพอต่อการแก้แค้น
สภาพจิตใจของเหอปี้อวิ๋นแย่มาก ยิ่งเธอได้เห็นใบหน้าเปื้อนด้วยรอยยิ้มของอู่เหมยจึงมีสายตาที่แข็งขึ้น และไม่พอใจแทนอู่เยวี่ย เธอจึงพูดประชด “สอบได้แค่หกสิบแปดคะแนนก็พึงพอใจเหรอ? พี่สาวเธอสอบได้เต็มร้อยยังไม่ดีใจจนตัวลอยแบบนี้เลย”
อู่เจิ้งซือเถียงตอบด้วยความไม่พอใจ “แล้วคุณจะเอาเหมยเหมยกับเยวี่ยเยวี่ยมาเปรียบเทียบกันทำไม แต่ก่อนคะแนนสอบวิชาคณิตศาสตร์ของอู่เหมยเป็นยังไง ใช่ว่าคุณจะไม่รู้ ขนาดข้าวที่เราทานยังต้องค่อยๆ ทานทีละคำ คุณคงจะไม่เรียกร้องให้เหมยเหมยสอบครั้งเดียวได้เต็มร้อยหรอกใช่ไหม? ขนาดความรู้พื้นฐานด้านการศึกษาคุณก็ยังไม่เข้าใจ”
อู่เจิ้งซือถือว่าเป็นคนหนึ่งที่มีความเข้าใจในเรื่องความรู้ด้านการศึกษา แม้ว่าเขาจะไม่ใช่พ่อที่ดี แต่ถ้าเรื่องคำเรียกครูดีเด่น หรือแม้แต่ครูต้นแบบ เขาจัดเป็นหนึ่งในประเภทนั้น
เหอปี้อวิ๋นโกรธจนหน้าดำหน้าแดง เธอไม่เหมือนกับอู่เจิ้งซือ อู่เจิ้งซือจบจากมหาวิยาลัยซึ่งเป็นวิทยาลัยครูที่ได้มาตรฐานในการอบรมทางวิชาชีพ ส่วนเธอเป็นแค่พวกไม่ได้มาตรฐาน แค่คุณสมบัติในตัวก็ไม่ได้สูงศักดิ์ สอนคณิตศาสตร์ให้พวกเด็ก ป.1 ก็พอได้ จะให้เธอเข้าใจอะไรกับความรู้ด้านการศึกษาล่ะ
อู่เหมยรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก ปล่อยให้ทะเลาะกันเอง เธอจะคอยดูละครดีๆ ฉากนี้อยู่ข้างๆ
อู่เหมยกลอกตาไปมาและถามด้วยความสนใจ “พี่ยังไม่กลับบ้านเหรอคะ? หนูรออยู่หน้าโรงเรียนตั้งนานก็ไม่เจอพี่ หนูจึงกลับมาก่อน”
อู่เยวี่ยที่ใส่เสื้อผ้าอยู่ในห้องห้องน้ำ กัดฟันโกรธเคืองเป็นอย่างมาก หลังจากงานวันไหว้ครูครั้งนั้น ทุกวันหลังเลิกเรียนอู่เหมยก็ไม่เคยรอเธออีกเลย แต่ตอนนี้มาใช้คำพูดประชดประชัน ยัยคนสารเลว!
…………………………………………………………………………………………..