ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 153 ฉิวฉิวชอบกินลูกกวาด + 154 น่าจะเป็นลูกแท้ๆ แหละ
ตอนที่ 153 ฉิวฉิวชอบกินลูกกวาด
จ้าวอิงหนานตำหนิด้วยความไม่พอใจ “มู่มู่ทำไมถึงพูดจาแบบนี้? ไม่มีมารยาทเลยนะ”
อู่เหมยจึงรีบตัดบท “สยงมู่มู่ ป้าจ้าว หนูเข้าห้องก่อนนะคะ!”
“ไปเถอะๆ เหมยเหมยหนูอย่าไปใส่ใจมู่มู่เลย เอากล่องลูกกวาดนี้ไปสิ ถ้าชอบก็กินให้หมดนะ ให้คิดเสียว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเอง”
จ้าวอิงหนานเป็นคนใจกว้าง เธอยัดกล่องที่เต็มไปด้วยลูกกวาดใส่ในมือของอู่เหมย ดูเหมือนว่ากล่องใบนี้เพิ่งถูกเติมเต็มด้วยลูกกวาดมากมายหลากหลายจนลานตา แค่มองก็อยากกลืนน้ำลายแล้ว
“ขอบคุณค่ะป้าจ้าว”
อู่เหมยไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด เธอหอบเอากล่องลูกกวาดเข้าไปในห้องด้วย แน่นอนว่าเธอไม่มีทางที่จะกินลูกกวาดทั้งหมดนี้ได้ ถึงไม่บอกออกไปว่าจะทำให้ฟันผุ แต่เธอก็ไม่สามารถทำตัวเสียมารยาทขนาดนั้น
พอเธอเข้าห้องไป สยงมู่มู่ปิดประตูลงด้วยความโมโห เขาพูดประชดออกไป “ไม่เจอแค่วันเดียว เรื่องคำพูดยกยอปอปั้นนี่พัฒนาขึ้นเยอะเลยนะ!”
อู่เหมยมองเขาด้วยความระอาก่อนจะพูดว่า “ที่ฉันพูดมันคือความจริง หรือนายคิดว่าป้าจ้าวไม่สวยเหรอ?”
สยงมู่มู่กลับถียงไม่ออก แน่นอนว่าแม่ของเขาสวยอยู่แล้ว อีกทั้งเขายังมีหน้าตาที่คล้ายคลึงกับเธอด้วย ถ้าบอกว่าจ้าวอิงหนานหน้าตาไม่ดี แสดงว่าต้องหมายถึงเขาด้วยที่หน้าตาไม่ดี!
แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้!
“ปากเก่งขนาดนี้ แต่ทำไมถึงยังสู้แม่เสือที่บ้านไม่ได้อีกล่ะ?” สยงมู่มู่ถามด้วยความโมโห
อู่เหมยมองเขาด้วยความระอาอีกครั้ง ก่อนจะตอบกลับด้วยความโมโหไม่แพ้กัน “เขาคือแม่ของฉัน และถือเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ฉันจะไปสู้อะไรกับเขาล่ะ? ต่อให้เขาจะลงโทษด้วยการตี ใครจะว่าอะไรได้ แต่ถ้าเป็นฉันที่ไปตีเธอก็จะถูกกล่าวหาว่าอกตัญญู อีกอย่างถ้าฉันเถียงเธอเมื่อไหร่ จุดจบก็มักจะอยู่ที่การถูกตี คิดว่าฉันอยากโดนหรือไง?”
“นายเรียกฉันขึ้นมาทำไม ไม่ใช่จะมาท้าพนันอะไรกับฉันอีกนะ?”
อู่เหมยเริ่มรู้สึกระแวงคนตรงหน้าไปชั่วขณะ เธอวิ่งไปอุ้มฉิวฉิวที่อยู่ตรงระเบียงหน้าต่าง ใจนึกว่าถ้าเธออยู่ที่บ้านก็แค่ถูกรังแก แต่เรื่องอะไรจะให้เธอมาเป็นที่รองรับอารมณ์ของสยงมู่มู่?
สยงมู่มู่ไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่เธอเคารพสักหน่อย แถมยังไม่ได้เป็นคนให้กำเนิดหรือเลี้ยงดูเธอมาด้วย!
“ต๊อก ต๊อก”
ฉิวฉิวในตาลุกวาวเมื่อเห็นลูกกวาดหลากสี มันกระโดดเข้าหากล่องลูกกวาดในทันที คว้าเอารสช็อกโกแลตขึ้นมาและแกะถุงออกด้วยความชำนาญ มันกินได้อย่างเอร็ดอร่อย
“ฉิวฉิวไม่ได้นะ นี่มันคือลูกกวาดของคนอื่น” อู่เหมยตกใจและรีบวิ่งเข้าไปอุ้มเจ้าตัวเล็ก
สยงมู่มู่ตีเข้าที่หลังมือของอู่เหมยด้วยความโมโห
“ทำอะไรน่ะ คิดว่าบ้านฉันจะเป็นเหมือนบ้านเสือของเธอหรือไง งกแม้กระทั่งของกินดีๆ ฉิวฉิวค่อยๆ กิน ถ้าไม่พอฉันจะไปเอามาให้อีก”
“ต๊อก ต๊อก”
คุณชายฉิวร้องให้ความสนใจและเข้าไปหาสยงมู่มู่ ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าบ้านของนายนี่มีของอร่อยๆ เยอะ มันคงจะขึ้นมาก่อกวนนายนี่บ่อยๆ อื้อหือ ลูกกวาดของบ้านนี่รสชาติดีจริงๆ ดีกว่าเมื่อก่อนที่มันเคยกินเสียอีก
ก้อนช็อกโกแลตถูกเจ้าตัวเล็กกินเข้าไปอย่างรวดเร็ว มันยื่นขาออกมาเพื่อจะหยิบอันใหม่อีกครั้ง อู่เหมยเห็นดังนั้นจึงรีบเข้าไปอุ้มและตักเตือน “ฉิวฉิวห้ามทำแบบนี้ ตอนนี้พวกเรามาเป็นแขกที่บ้านคนอื่นเขา กินอะไรก็ต้องรู้จักพอบ้าง เข้าใจไหม?”
ฉิวฉิวรีบหันกลับมา สะโพกลมๆ ของมันชี้ไปทางอู่เหมย แน่นอนว่ามันไม่ค่อยพอใจนัก
สยงมู่มู่ก็ไม่ต่างกัน เขาเริ่มไม่พอใจต่อการกระทำของอู่เหมย “เธอนี่มันเป็นคนยังไง ฉันเป็นเจ้าของบ้านยังไม่ว่าอะไรเลย แล้วเธอจะบ่นทำไม?”
เขาแกะถุงช็อกโกแลตออกแล้วป้อนให้ฉิวฉิว ฉิวฉิวจึงกินด้วยความดีใจ และยังหันไปส่ายหางให้กับอู่เหมย
นี่ไม่ได้เป็นเพราะฉันอยากกินหรอกนะ แต่เพราะนายนี่เป็นคนให้เอง!
อู่เหมยหมดหนทางจึงได้แต่มองสยงมู่มู่ที่นั่งหัวเราะอยู่ และได้ถามออกไป “แล้วนายเรียกฉันขึ้นมาทำไม?”
สยงมู่มู่ที่ตั้งใจนั่งมองดูฉิวฉิวกินอยู่ เมื่อเทียบกับตัวเขาแล้วมันดูน่าสนใจกว่ามาก เขาจะเอาอารมณ์ที่ไหนมาตอบคำถามของอู่เหมยล่ะ เขาได้แต่โบกมือตอบปัดๆ ด้วยความไม่พอใจ
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 154 น่าจะเป็นลูกแท้ๆ แหละ
สยงมู่มู่ที่กำลังจะป้อนช็อกโกแลตก้อนที่สามให้กับฉิวฉิว แต่ถูกอู่เหมยห้ามไว้ “หยุดกินได้แล้ว กินลูกกวาดเยอะมันไม่ดี”
“ก็ได้ ถ้างั้นเธอก็เอาลูกกวาดพวกนี้กลับไปด้วยเผื่อให้ฉิวฉิวกิน” สยงมู่มู่ยังใจกว้างกว่าแม่ของเขาอีก ลูกกวาดนำเข้ากล่องนี้ไม่อยู่ในสายตาเขาเลยแม้แต่น้อย
แน่นอนว่าอู่เหมยจะไม่ยอมปีนราวไม้ไผ่ เธอมีไหวพริบพอ ถ้าเอากลับไปทั้งหมดจะดูเหมือนอะไร?
ลุงสยงกับจ้าวอิงหนานจะมองเขายังไง?
“ไม่ต้องหรอก วันหลังให้ฉิวฉิวขึ้นมากินเอง นายอย่าให้มันกินเยอะสิ ถ้ากินเยอะแล้วเกิดเป็นอะไรขึ้นมาฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่”
สยงมู่มู่รู้สึกดีใจ เขาทุบหน้าอกตัวเองเบาๆ เพื่อบ่งบอกถึงความมั่นใจ “ไม่ต้องห่วง ให้กินได้แค่สองเม็ดต่อครั้ง”
คุณชายฉิวที่ยังกินได้ไม่จุใจได้แต่ทำตาปริบๆ และยิ้มอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม พลางนึกในใจว่านายนี่ยังเกลี้ยกล่อมง่ายกว่านายหญิงของมันอีก แค่มันเข้าไปใกล้แล้วเปล่งเสียงร้องไม่กี่ครั้งก็สำเร็จ มันไม่ได้เป็นแค่หนูธรรมดา ต่อให้กินลูกกวาดทุกวันก็ไม่เป็นอะไร
“นายเรียกฉันมาทำไม?” อู่เหมยถามออกไปอีกครั้ง
สยงมู่มู่พูดออกไปโดยไม่คิด “ไม่มีอะไร ก็แค่เรียกเธอมานั่งเล่นไง เพราะดูสถานการณ์ที่บ้านเธอตอนนี้คงไม่ค่อยสงบ เออใช่ หลังจากที่อู่เยวี่ยกลับไปเป็นยังไงบ้าง?”
ในใจของอู่เหมยรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ที่เธอฝื้นคืนชีพมาสยงมู่มู่เป็นคนแรกที่เป็นเพื่อนกับเธอ ไม่สิ ต้องบอกว่าเป็นเพื่อนรู้ใจเลยล่ะ เพราะเธอไม่เคยมองสยงมู่มู่เป็นผู้ชายมาก่อน
“อู่เยวี่ยต้องการไปเรียน แม่ของฉันนี่ร้อนใจจนไม่เป็นอันกินข้าว ฮ่าๆๆ อารมณ์ดีเป็นบ้าเลย”
อู่เหมยอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด อยู่ต่อหน้าสยงมู่มู่ไม่จำเป็นต้องแสดงหรือเสแสร้งอะไร เพราะตอนนี้เขาเป็นหนึ่งเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกสบายใจ
สยงมู่มู่ส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอา เหลือบมองอู่เหมยด้วยความเห็นใจพร้อมทั้งพูดออกมา “ใจของแม่เธอคงเอียงไปจนถึงมหาสมุทรแปซิฟิกแล้วมั้ง ก่อนหน้านี้เธอก็ถูกใครต่อใครรุมด่าว่าเป็นคนอัปลักษณ์ ฉันเห็นแม่เธอก็กินอิ่มนอนอุ่น หลับสบายดีนี่ ครั้งนี้แค่อู่เยวี่ยมีกลิ่นเต่าแม่เธอกลับเสียใจจนกินนอนไม่ได้ เฮ้อ! ฉันว่าเธอคงไม่ได้ถูกที่บ้านเก็บมาเลี้ยงหรอกใช่ไหม?”
ถ้าหากว่าเป็นเมื่อก่อน อู่เหมยได้ฟังคำพูดแบบนี้คงจะรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย แต่เธอในตอนนี้กลับไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเลย ราวกับเธอได้ฟังเรื่องราวของคนอื่นมากกว่า
“ฉันกลับหวังแบบนั้นจริงๆ ว่าตัวฉันถูกเก็บมาเลี้ยง แต่มันคงไม่ใช่ เพราะทุกครั้งที่แม่ต่อว่าฉัน เธอจะพูดเสมอว่าให้คลอดลูกออกมาเป็นหมูหมากาไก่ยังดีกว่ามีลูกแบบฉัน ฉะนั้นฉันก็คงจะเป็นลูกแท้ๆ ของเขาใช่ไหม?”
อู่เหมยยักไหล่อย่างไม่สนใจ เธอหวังจริงๆ ว่าตัวเธอเองไม่ใช่ลูกสาวของเหอปี้อวิ๋น เพราะหากว่าไม่ใช่แม่แท้ๆ ทุกครั้งที่เหอปี้อวิ๋นทำไม่ดีต่อเธอ เธอจะได้ไม่ต้องเป็นทุกข์อยู่แบบนี้
แต่ดูจากสถาการณ์ตอนนี้
แปดถึงเก้าสิบเปอร์เซนต์ที่บ่งบอกได้ว่าเธอคือลูกของเหอปี้อวิ๋น
น่าเสียดาย!
สยงมู่มู่เข้าใจถึงความรู้สึกของอู่เหมยดี จริงๆ การกลับชาติมาเกิดเป็นวัฏจักรหนึ่งของชีวิต แต่อู่เหมยคงจะเลือกเกิดได้ไม่ถูกจังหวะ!
“กินลูกกวาดเถอะ ยิ่งพ่อแม่ของเธอลำเอียงเท่าไหร่ เธอจะต้องเข้มแข็งขึ้น เข้มแข็งจนทำให้พ่อแม่เธอต้องแหงนคอขึ้นมามอง แบบนั้นถึงจะสนุก!”
สยงมู่มู่แกะลูกกวาดหนึ่งเม็ดยัดใส่ปากให้อู่เหมย เพื่อให้กำลังใจเธอ
รสชาติหวานมันของช็อกโกแลตทำให้ความกังวลของอู่เหมยที่มีอยู่ค่อยๆ คลายลง คำพูดของสยงมู่มู่ได้สร้างเป็นปณิธานให้กับเธอ ทำให้ร่างกายเธอรู้สึกมีแรงกำลัง
“ฉันจะตั้งใจพัฒนาฝีมือ พวกเขาพูดเสมอว่าฉันยังเทียบไม่ได้แม้แต้เล็บเท้าของอู่เยวี่ยไม่ใช่เหรอ? เหอะ! อีกหน่อยถ้าฉันเอาชนะอู่เยวี่ยได้ จะรอดูว่าพวกเขาจะตบหน้าตัวเองยังไง!” อู่เหมยยิ้มอย่างเย็นชา
สยงมู่มู่ปรบมือเห็นด้วย “ต้องเป็นแบบนี้ถึงจะถูก ยิ่งคนอื่นดูถูกเราแค่ไหน เราจะต้องพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆ รอถึงวันที่ดักแด้ได้กลายเป็นผีเสื้อ รอวันที่เธอหลุดพ้นจากความทุกข์และมีชีวิตใหม่ เราค่อยหาวิธีตบหน้าคนพวกนั้นแรงๆ!”
อู่เหมยพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น แต่พอนึกถึงความเป็นจริงในตอนนี้เธอก็กลับมาอยู่ในอารมณ์เศร้าอีกครั้ง
“แต่จะทำยังไงให้ดักแด้กลายเป็นผีเสื้อได้ล่ะ? เรียนแย่ขนาดนั้น สอบเดือนนี้แน่นอนว่าอู่เยวี่ยต้องเป็นที่หนึ่งอีก คนที่จะต้องแหงนหน้าขึ้นไปมองคือฉัน” อู่เหมยที่ทำหน้ากลุ้มใจ อารมณ์กลับดิ่งลงไปอีกครั้ง
เธอไม่ต้องการให้อู่เยวี่ยสอบได้ที่หนึ่งอีกแล้ว ต่อให้เป็นที่สองก็ยังดี!
…………………………………………………………………………………………..