ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 155 ต้องทำให้อู่เยวี่ยสอบได้ที่สองเท่านั้น + 156 เมื่อไหร่ทองจะหล่นจากฟ้า
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 155 ต้องทำให้อู่เยวี่ยสอบได้ที่สองเท่านั้น + 156 เมื่อไหร่ทองจะหล่นจากฟ้า
ตอนที่ 155 ต้องทำให้อู่เยวี่ยสอบได้ที่สองเท่านั้น
ถ้าพูดถึงอู่เยวี่ยที่สอบได้ที่หนึ่งมาโดยตลอด ที่สองสำหรับเธอคงจะเป็นการโจมตีที่หนักยิ่งกว่าการถูกตีด้วยอากาศ แน่นอนว่าคนที่มีความทระนงอย่างเธอจะรับไม่ได้ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเหอปี้อวิ๋นจะไม่มีทางออกไปโอ้อวดให้ต่อใครได้ฟังได้อีก
ทุกครั้งเหอปี้อวิ๋นมักจะพูดว่า ‘เยวี่ยเยวี่ยของเราตั้งแต่เรียนหนังสือมาสอบได้ที่หนึ่งตลอด ไม่เคยได้ที่สอง ถ้าจะให้ฉันพูดถึงที่สามกับที่สี่จะมีอะไรที่ต่างกันตรงไหนเหรอ? คนอื่นต่างจำขึ้นใจว่าเป็นที่หนึ่ง!’
หากเธอทำให้อู่เยวี่ยสอบได้ที่สอง คำพูดของเหอปี้อวิ๋นจะเป็นแค่เพียงการปรบมือเสียงดังครั้งหนึ่งก็เท่านั้น แล้วมาดูกันว่าเธอจะโอหังได้อีกไหม!
อู่เหมยรู้สึกตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก ครั้งนี้เธอจะต้องทำให้อู่เยวี่ยสอบได้ที่สองให้ได้ เธอจะค่อยๆ ดึงอู่เยวี่ยให้ตกลงมาจากสวรรค์ทีละนิด โดยเริ่มจากการสอบประจำเดือน
“เธอเป็นอะไร? สายตาเป็นประกายเชียว”
สยงมู่มู่โบกมือไปมาตรงหน้าของอู่เหมยด้วยความแปลกใจ หรือว่ายัยนี่จะรับรู้เรื่องอะไรที่สะเทือนใจมามากเกินไป ช่างน่าสงสาร
อู่เหมยใช้ฝ่ามือของเธอฟาดไปที่มือของสยงมู่มู่ เธอมองไปทางเขาและถาม “นายว่าการสอบประจำเดือนนี้ฉันเอายาถ่ายให้อู่เยวี่ยกินจะดีไหม?”
สยงมู่มู่มองอู่เหมยที่มีท่าทีคล้ายโรคจิต “เธอสมองกระทบกระเทือนหรือไง? ถ้าแม่เธอรู้เข้า มีหวังไม่ปล่อยเธอไว้แน่!”
แต่อู่เหมยกลับคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะทำไม่ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นความคิดที่ดี เข้าห้องน้ำวันละรอบ ต่อให้อู่เยวี่ยเธอเป็นเทวดาลงมาเกิดก็คงสอบที่หนึ่งไม่ได้แล้วล่ะ
“ไม่ทำให้แม่ฉันรู้ก็พอแล้ว ที่บ้านนายมียาถ่ายไหม?”
“ถึงมีฉันก็ให้เธอไม่ได้ เพราะแบบนั้นฉันจะกลายเป็นตัวอะไร? ผู้สมรู้ร่วมคิด? หากแม่ฉันรู้เข้าเธอไม่ปล่อยฉันไว้แน่ ฉันว่าเธออย่าทำแบบนี้เลย อยากเอาชนะอู่เยวี่ยก็ต้องชนะด้วยความบริสุทธิ์ใจ ถ้าใช้วิธีวางยา ชนะแบบขี้โกงแล้วเธอจะภูมิใจได้ยังไง”
สยงมู่มู่อาศัยอยู่กับคุณตาของเขาที่โตเกียวตั้งแต่เด็ก แม้เขาจะดื้อรั้นไม่ค่อยเชื่อฟัง แต่ความคิดของเขาเป็นธรรมเสมอ เขาไม่ยอมทนเห็นอู่เหมยใช้วิธีวางยาแน่
เพราะเธอคืออู่เหมย ถ้าหากคนที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นคนอื่น สยงมู่มู่คงจะด่าจนคนๆ นั้นสับสนไปทั้งชีวิต
อู่เหมยนิ่งเงียบไป พลางมองสยงมู่มู่ด้วยความระแวงสงสัย เดิมทีนึกว่านายนี่จะเป็นโอวหยางเฟิง ที่ไหนได้กลับกลายเป็นกัวจิ้ง เฮ้อ! ดูจากลักษณะแล้วเธอคงจะไม่เจอกับพันธมิตรอย่างที่คิดไว้
เธอกลับไม่คิดว่าการวางยาอู่เยวี่ยจะเป็นสิ่งที่ไม่ถูก อู่เยวี่ยในชาติก่อนใช้วิธีแบบนี้กับเธอน้อยเสียที่ไหน?
“ฉันก็แค่ใช้วิธีเดียวกับคนอื่นมาลองทำดู คิดว่าที่อู่เยวี่ยทำร้ายฉันมันน้อยนักหรือไง? ถ้าพูดถึงการกระทำเลวทรามต่ำช้า ฉันยังเทียบไม่ติดหนึ่งในพันสิ่งที่อู่เยวี่ยทำเลย”
อู่เหมยยิ้มเยาะและรู้สึกน้อยใจเอามาก ตอนแรกคิดว่าสยงมู่มู่จะเข้าใจเธอ ที่ไหนได้กลับกลายเป็นได้มาแต่คำพูดตักเตือน
“ไม่ว่ายังไงฉันก็จะทำสิ่งเลวทรามนี้อยู่ดี หากนายไม่อยากเจอฉัน ต่อไปฉันจะพยายามไม่มาที่นี่”
อู่เหมยเช็ดน้ำตาให้ตัวเอง และอุ้มฉิวฉิวไว้เตรียมที่จะกลับ สยงมู่มู่ที่ยังไม่คลายความโกรธลง พอเห็นว่าเหมยเหมยจะกลับอีกทั้งยังอุ้มฉิวฉิวไปด้วย ความโกรธทั้งหมดที่มีอยู่จึงได้หายไป
“พอแล้วๆ เธอนี่อารมณ์เสียง่ายกว่าฉันอีก แค่พูดถึงเธอไม่กี่ประโยคเอง แล้วดูน้ำหูน้ำตาที่ไหลนี่สิ ออกไปให้แม่ฉันเห็นเดี๋ยวจะหาว่าฉันรังแกเธออีก!”
สยงมู่มู่มองอู่เหมยด้วยความไม่ชอบใจและใช้น้ำเสียงที่ไม่ได้ดีนัก อู่เหมยจึงนั่งลงด้วยความแค้นเคืองและเช็ดน้ำตาที่อยู่บนหลังของฉิวฉิวออก ใบหน้าของฉิวฉิวดูเศร้าลงอย่างเป็นทุกข์ ถ้าเจ้านายมีนิสัยแบบนี้จะไม่ดีเอาได้!
“ต่อไปถ้าเธอจะทำอะไรที่ไม่ดี ก็อย่ามาพูดให้ฉันฟัง ฉันจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไร แบบนี้พอใจหรือยัง!”
สยงมู่มู่ยอมถอยให้เพราะสำหรับเขาแค่ยอมถอยให้ก็มากพอแล้ว ถ้าจะให้เขาไปร่วมมือทำสิ่งแปดเปื้อนแบบนั้นเขาคงทำไม่ได้ แค่ยอมปิดตาข้างนึงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นน่าจะดีที่สุด
ใครใช้ให้ยัยอู่เยวี่ยนั่นทำตัวแบบนั้นกันล่ะ
การกระทำของอู่เหมยถือว่าเป็นการช่วยชาติกำจัดคนชั่วในสังคม!
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 156 เมื่อไหร่ทองจะหล่นจากฟ้า
อู่เหมยมองเขาด้วยความไม่พอใจและพูดขึ้น “ถ้านายสามารถสอบได้ที่หนึ่ง ฉันจำเป็นต้องใช้วิธีต่ำๆ แบบนี้ไหม?”
สยงมู่มู่หลบสายตาของอู่เหมยด้วยความไม่มั่นใจ เขานิ่งไปโดยไม่กล้าโต้แย้งคำพูดของเธอ อู่เหมยที่เห็นปฏิกริยาของเขาจึงเริ่มโมโหขึ้นมาอีกครั้ง เธอเองอยากสอบได้ที่หนึ่งแต่ก็ไม่สามารถพอที่จะทำได้ แต่ถ้าให้นายนี่สอบต้องทำได้อยู่แล้ว แต่ตัวเขาเองกลับไม่กล้าแสดงฝีมือ ช่างน่าโมโหจริง!
“ช่างเถอะ ฉันก็ไม่ได้หวังให้นายมาช่วย ฉันจะคิดหาวิธีจัดการเอง แต่นายอย่าได้หลุดปากพูดล่ะ!”อู่เหมยพูดเตือนเขา
“ฉันจะไปพูดกับใครได้ ถ้าไม่เชื่อใจวันหลังก็ไม่ต้องมาพูดให้ฉันฟัง เธอนี่จริงๆ เลย!”
สยงมู่มู่อยู่ดีๆ ก็ขนลุกชัน อู่เหมยจึงได้แต่ย่นคิ้วเข้าหากัน เขานี่ใจแคบจริงๆ ไม่เหมือนลูกผู้ชายเลย แต่ไม่แปลกที่จะคิดไม่ได้ ความโกรธในใจของอู่เหมยที่มีค่อยๆ หายไป
เธอมัวพูดกับหญิงสาวใจแคบให้มากความทำไม ถึงเธอจะคิดแต่เรื่องเลวๆ แต่เธอก็ยังมีนิสัยแบบผู้ใหญ่!
เป็นสิ่งที่ไม่น่าเลยจริงๆ!
“พอๆๆ ฉันผิดเอง ขอโทษนะ!” อู่เหมยพูดอย่างคนใจกว้าง
สยงมู่มู่กลับตกใจปนสงสัยกับเหตุการณ์ตรงหน้า ยัยนี่ทำไมเปลี่ยนเป็นพูดดีได้เร็วแบบนี้ล่ะ? หรือว่าคิดจะทำอะไรไม่ดีอีก?
อู่เหมยขอโทษก่อนและแน่นอนว่าสยงมู่มู่ก็ไม่ได้ทำตัวแปลกอะไรแล้ว ผ่านไปสักพักทั้งคู่ก็กลับมาพูดคุยหัวเราะกันได้ปกติ
“พรุ่งนี้พวกเราไปตลาดหนานสุ่ยกันไหม?” สยงมู่มู่ถามขึ้น
อู่เหมยมองเขาตาไม่กะพริบ จิตใต้สำนักของเธอบอกว่าเธออ่อนไหวต่อตลาดหนานสุ่ยแห่งนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะถาม “ไปทำอะไรที่นั่น?”
“อาทิตย์หน้าเธอต้องเรียนวาดรูปไม่ใช่เหรอ ต้องเตรียมกระดาษวาดรูปสิ เรียนวาดรูปเปลืองกระดาษจะตายไป” สยงมู่มู่ตอบ
อู่เหมยเขกหัวตัวเองพลางนึกว่าทำไมถึงได้เลอะเลือนขนาดนี้ ตลาดหนานสุ่ยเป็นถนนสายหนึ่งที่มีความแปลกของเมืองจิน ช่วงแรกๆ ของที่ขายมีแค่พู่กัน หมึก กระดาษ และที่ฝนหมึก บางร้านขายพวกกิ๊บติดผมต่างๆ แต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่เริ่มตั้งแผงลอยขายพวกของสะสมโบราณหรือของลายคราม ในท้ายสุดได้เริ่มเป็นแหล่งตัวแทนจำหน่ายของร้านเครื่องเขียน
ถ้าให้พูดถึงตลาดหนานสุ่ยในตอนนี้ ทุกคนคงจะนึกถึงพวกของลายคราม คนต่างถิ่นมาเที่ยวก็มักจะไปที่นั่นเพื่อคอยจับผิดหรือดูของแท้ของปลอมตามที่คนเล่าลือ ถ้าโชคดีที่จับได้ของจริงขึ้นมาก็มีอยู่สิ่งเดียวคือรวย
จนถึงตอนนี้ แถวตลาดหนานสุ่ยเหลือร้านเครื่องเขียนอยู่เพียงแค่ร้านเดียว และเป็นร้านเดียวที่เรียกได้ว่าประสบผลสำเร็จ เพราะหากต้องการพู่กัน หมึก กระดาษ และที่ฝนหมึกที่มีคุณภาพและราคาเป็นธรรม คนที่ไปซื้อของร้านนั้นส่วนใหญ่มักเป็นลูกค้าเก่าลูกค้าประจำ ธุรกิจร้านนี้ก็ยังถือว่าไปได้ดี
“ขอบคุณที่นายนึกได้ เพราะไม่งั้นฉันคงได้ไปเรียนมือเปล่าและคงได้ทำเรื่องน่าอายแน่ๆ” อู่เหมยพูดขอบคุณ
สยงมู่มู่ถอนหายใจตอบอย่างพอใจ ไม่งั้นจะเรียกว่าเขามีพรสวรรค์เหรอ?
กระดาษที่จะใช้วาดรูปราคาไม่ใช่ถูกๆ แพงยิ่งกว่ากระดาษขาวทั่วไปหลายเท่า ไหนจะต้องซื้อดินสอ ยางลบที่ใช้เฉพาะด้าน ถ้าจะให้ดีต้องใช้ขนมปังเก่า แต่ตอนนี้จะให้เธอไปหาซื้อขนมปังเก่าได้จากที่ไหน แต่ต่อให้มีขนมปังเก่าเธอก็ไม่มีปัญญาซื้ออยู่ดี
เพราะเงิน!
ไม่ว่าอะไรก็ต้องใช้เงิน!
อู่เหมยดึงทึ้งผมตัวเองด้วยความกลัดกลุ้ม เธอเงยหน้าขึ้นพร้อมกับถอนหายใจ “ถ้าหากว่าบนฟ้ามีทองหล่นลงมาทับหัวฉันก็คงจะดี”
สยงมู่มู่พูดอย่างดูถูก “ถ้าหากมีทองหล่นลงมาทับหัวของเธอจริงๆ ตามกฎแรงโน้มถ่วงของนิวตัน สมองของเธอคงจะทะลุเป็นรูแน่ๆ จะมีชีวิตต่อไปให้ใช้ทองนี่หรือเปล่ายังไม่รู้เลย!”
อู่เหมยตีเขาไปไม่รู้กี่ครั้งด้วยความโมโห เธอตวาดเขา “ฉันแค่ใช้คำพูดที่มันโอเวอร์หน่อยไม่รู้หรือไง?”
ได้ยินสียงของเด็กสองคนตะโกนแข่งกันจากในห้อง ลุงสยงกับจ้าวอิงหนานกลับหัวเราะร่า เด็กๆ ทำตัวเหมือนกับคนทั่วไปเสียที
อู่เหมยเธอเป็นเหมือนนางฟ้าตัวน้อยจริงๆ
สยงมู่มู่ใช้มือแคะหูตัวเอง และพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ใช่แค่ซื้อกระดาษเหรอ พี่ซื้อให้น้องเอง อย่าได้ซึ้งใจไปล่ะ”
“ไม่ต้อง ฉันไม่ได้ต้องการเงินของนาย ฉันจะคิดวิธีหาเงินเอง” อู่เหมยปฏิเสธเขาโดยไม่แม้แต่จะคิดไตร่ตรอง
…………………………………………………………………………………………..