ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 169 ไม่ขายฉิวฉิว + ตอนที่ 170 ฉิวฉิวอยากซื้อของ
ตอนที่ 169 ไม่ขายฉิวฉิว
แรงที่ฉิวฉิวมีไม่ใช่น้อยๆ เลย เป็นจังหวะที่อู่เหมยอุ้มมันได้ไม่แน่นพอจึงทำให้มันกระโดดหลุดจากวงแขน แค่แวบเดียวก็วิ่งหายไปไม่เห็นแม้กระทั่งเงา อู่เหมยจึงรีบวิ่งตามไปพร้อมทั้งตะโกนเรียกไปด้วย “ฉิวฉิว รีบกลับมา!”
ฉิวฉิวหยุดวิ่งและส่งเสียงร้องไปทางอู่เหมย จากนั้นมันจึงวิ่งต่อไปข้างหน้าราวกับต้องการจะให้อู่เหมยวิ่งตามมา สยงมู่มู่เห็นดังนั้นจึงคิดว่าสถานการณ์น่าสนใจจึงหัวเราะให้กับอู่เหมยและพูดขึ้น “เมื่อก่อนเคยอ่านเจอในหนังสือบอกว่าสัตว์บางประเภทแสนรู้และมีไหวพริบ สามารถหาของมีค่าแล้วมารายงานต่อเจ้าของมันได้ ฉิวฉิวของพวกเราคงไม่ได้ไปหาของมีค่าหรอกใช่ไหม?”
“ใครเขาอยู่บ้านเดียวกับนายกัน? ฉิวๆ เป็นของฉัน ของฉันคนเดียว”
อู่เหมยกลอกตามองเขา หน้าไม่อายจริงๆ อยากจะแย่งฉิวๆ ไปจากเธอ ไม่มีทางหรอก
เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าฉิวฉิวจะไปหาของมีค่าแล้วมาบอกเธอ ฉิวฉิวเป็นเพื่อนที่ดีของเธอ เพื่อนที่สนิทกว่าคนในครอบครัว ไม่กี่วันมานี้เธอได้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับกระรอก ช่วงชีวิตของกระรอกตัวหนึ่งจะมีอายุเพียงแค่สิบกว่าปี นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เธอเสียใจไม่น้อย
แต่ต่อให้ฉิวฉิวจะมีชีวิตได้แค่สิบกว่าปี เธอก็จะปกป้องและดูแลฉิวฉิวให้ดีที่สุด เลี้ยงและดูแลมันไปจนแก่จนชั่วชีวิต
น่าเสียดายที่คุณชายฉิวไม่มีคาถาอ่านใจคน ถ้าไม่อย่างนั้นมันคงได้ใช้เท้าข้างนึงเตะอู่เหมยแน่ๆ พวกมนุษย์คงได้สูญพันธุ์ไป แต่คุณชายฉิวไม่มีทางตายได้!
ฉิวฉิวที่กระโดดอยู่บนถนนตัวของมันทั้งขาวทั้งจ้ำม่ำ ไม่นานก็ทำให้เป็นจุดสนใจของใครหลายๆ คนและถูกผู้คนห้อมล้อมเข้ามา
“บนถนนแบบนี้กระรอกมาจากไหน? แถมยังเป็นสีขาวด้วย ดูแปลกตาจริงๆ”
“แม่ครับ ผมอยากได้กระรอกน้อย แม่รีบไปจับมันให้ผมหน่อย”
อู่เหมยตะโกนร้องอย่างเร่งรีบ “ฉิวฉิวเป็นของฉัน ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์แตะตัวมัน!”
เธอใช้แรงทั้งหมดที่มีพุ่งเข้าไปข้างๆ ตัวของฉิวฉิวอย่างรวดเร็วแล้วอุ้มมันขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน เธอมองผู้คนที่ห้อมล้อมเข้ามาด้วยความตึงเครียด ใครหน้าไหนก็อย่าหวังจะมาแตะต้องฉิวฉิวของเธอ
ทุกคนที่เห็นว่าฉิวฉิวยอมนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของเด็กผู้หญิงคนนี้ถึงรู้ได้ทันทีว่าอู่เหมยเป็นคนเลี้ยงเจ้ากระรอกน้อยสีขาวแปลกประหลาดตัวนี้ จากนั้นผู้คนก็เริ่มทยอยแยกย้ายออกไป เหลืออยู่ไม่กี่คนที่มองฉิวฉิวด้วยความกระตือรือร้น
“สาวน้อย ขายกระรอกน้อยของเธอไหม? ฉันขอซื้อห้าสิบหยวน”
คนที่ถามเป็นหญิงสาวที่มีอายุราวสามสิบกว่า แต่งหน้าแต่งตัวได้ทันสมัย แต่สำเนียงการพูดที่ดูแปลก อู่เหมยได้ฟังก็รู้ได้ทันทีว่ามาจากเกาะวานและเธอมาที่นี่คงเพื่อเที่ยวเล่นหรือไม่ก็มาเพื่อเยี่ยมญาติพี่น้อง
คนรอบข้างต่างพากันสูดเอาอาการเย็นๆ เข้าสู่ปอด ห้าสิบหยวนซื้อกระรอกตัวเดียวที่มีเนื้อแค่ไม่กี่กรัม มีเงินเยอะก็ทำให้คนเราทำเลอะเลือนได้จริงๆ
ไม่แปลกที่จะบอกว่าทะเลทางนั้นทุกพื้นที่คือทองคำ!
หญิงสาวเงยหน้าและเชิดคางมนของเธออย่างได้ใจ
อันที่จริงตอนเธออยู่ที่เกาะวานก็ไม่ได้เป็นคนมีเงินอะไร แต่หลังจากที่กลับมาเยี่ยมญาติเธอกลับรู้สึกว่าตัวเธอเองกลายเป็นเจ้าถิ่นไปในพริบตา สายตาอิจฉาริษยาของคนรอบข้างในตอนนี้ทำให้เธอไม่อยากที่จะกลับออกไป!
“สาวน้อย ห้าสิบหยวนสามารถซื้อเสื้อผ้าสวยๆ ไว้ใส่ได้ตั้งหลายตัวนะ!” หญิงสาวพูดเกลี้ยกล่อมเธอ
อู่เหมยกอดฉิวฉิวไว้แน่นพร้อมทั้งส่ายหน้าปฏิเสธอย่างแน่วแน่ “ไม่ขาย!”
ในตาของหญิงสาวปรากฏให้เห็นถึงความเอือมระอา เธอคิดว่าอู่เหมยจะเล่นตัวเพื่อเรียกราคาเพิ่ม กระรอกแค่ตัวเดียว หากไม่เป็นเพราะลูกชายของเธอชอบ เธอไม่มีทางยอมจ่ายเงินห้าสิบหยวนหรอก!
“แม่ครับ ผมอยากได้กระรอกน้อย แม่รีบไปซื้อมาให้ผมสิ!” เด็กชายวัยหกเจ็ดขวบบิดตัวกระเง้ากระงอด เขาหย่อนก้นลงบนพื้นและทำตัวงอแงอย่างไร้ยางอาย
หญิงสาวแม้จะเสียใจเรื่องเงิน แต่ก็เสียใจเรื่องลูกมากกว่าจึงทำได้แค่กัดฟันพูด “สาวน้อยหรือว่าเงินห้าสิบหยวนมันน้อย? ฉันเพิ่มให้อีกสิบหยวนดีไหม? หกสิบหยวนไม่ใช่น้อยๆ นะ สาวน้อยเธอไม่ควรจะโลภเกินไป!”
คนอื่นๆ ต่างพากันเกลี้ยกล่อมอู่เหมยด้วยคำพูดเพื่อให้เธอตอบตกลงขายกระรอกตัวนั้น โอกาสดีๆ แบบนี้หาได้ยาก ถ้าพลาดแล้วก็คงยากที่จะได้เจออีก
“บอกแล้วว่าไม่ขาย ฉิวฉิวคือเพื่อนที่ดีของหนู ต่อให้คุณน้าจะจ่ายหนึ่งร้อยหรือหนึ่งพันหยวนหนูก็ไม่ขาย” อู่เหมยตะโกนตอบ พร้อมอุ้มฉิวฉิวออกไปจากตรงนั้น
เหอะ! แค่มีเงินก็คิดว่าตัวเองน่าสรรเสริญเหรอ?
แถมยังคิดจะมาซื้อฉิวฉิวของเธออีก?
ฝันไปเถอะ!
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 170 ฉิวฉิวอยากซื้อของ
เมื่อเด็กชายเห็นว่าฉิวฉิวออกไปแล้ว เขาจึงร้องไห้ฟูมฟายตะโกนเสียงดังอยากได้กระรอกน้อยตัวนนั้น หญิงสาวรู้สึกเจ็บปวดจนใจแทบสลายพลันก่นด่าเด็กบ้าคนนั้น แต่ก็ทำได้เพียงคิดในใจและพูดจาดีกับอู่เหมย
“สาวน้อยอย่าดื้อดึงนักเลย ฉันจ่ายให้หนึ่งร้อยได้ไหม?”
“คุณฟังภาษาจีนกลางไม่ออกเหรอ? หนูบอกไปแล้วว่าไม่ขาย ไม่ว่าคุณจะจ่ายให้เท่าไหร่ฉันก็ไม่ขาย” อู่เหมยตัดบทด้วยความรำคาญ
“สองร้อยจะตกลงไหม?”
“สามร้อยหยวน?”
“ห้าร้อยหยวน? สาวน้อย ฉันจะหมดความอดทนแล้วนะ คนเราไม่ควรจะโลภขนาดนี้ ห้าร้อยหยวนดูเหมือนพ่อแม่เธอหามาทั้งปียังไม่ได้เลยนะ!”
หญิงสาวกัดฟันแน่นและพูด ห้าร้อยหยวนสำหรับเธอตัวเลขก็ไม่ใช่น้อยๆ แต่ใครให้ลูกชายเธอชอบล่ะ!
ผู้คนที่มองดูสถานการณ์อยู่ตอนนั้นลูกตาแทบจะถลนออกมาจากเบ้าตา แค่กระรอกตัวเดียวที่มีเนื้ออยู่ไม่กี่กรัม นึกไม่ถึงว่าจะขายได้ถึงห้าร้อยหยวน?
แม้ว่าเด็กคนนี้จะอายุน้อยแต่ความสามารถในการเรียกราคาเมื่อเทียบกับผู้ใหญ่แล้วเธอเก่งกว่ามาก ที่แท้ความเป็นวีรบุรุษก็ปรากฏให้เห็นตั้งแต่เด็ก!
“ไม่ขาย ต่อให้คุณย้ายภูเขาทองทั้งลูกมาให้ หนูก็ไม่ขายเพื่อนของหนู ครั้งนี้คุณฟังเข้าใจหรือยัง!” อู่เหมยกอดฉิวฉิวไว้แน่นแล้วประกาศกร้าวออกไป ครั้งนี้หญิงสาวถึงได้ดูออกว่าเด็กสาวคนนี้ไม่ได้จะเล่นตัวเพื่อเรียกราคาเพิ่ม แต่เธอไม่เต็มใจที่จะขายต่างหากล่ะ
หญิงสาวจึงทำได้แค่ฉุดดึงเด็กชายที่ร้องไห้ฟูมฟายออกมาจากตรงนั้น สาวน้อยไม่ยอมขาย จะให้เธอไปแย่งมาก็คงเป็นไปไม่ได้!
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาใจแทบแหลกสลาย เงินตั้งห้าร้อยหยวน แค่เสียงน้ำตกกระทบสักหยดยังไม่ทันได้ยินก็ปลิวไปเสียแล้ว เด็กสาวนี่ช่างไม่เข้าใจอะไรจริงๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของคนรวยบ้านไหน!
ฉิวฉิวเกาะเจ้านายมันไว้ด้วยความซาบซึ้งใจ ตัวมันรู้ดีว่าไม่ได้ดูคนผิด เจ้านายมันขาดแคลนเงินก็จริงแต่ก็ไม่คิดที่จะขายมันให้คนอื่น น่าประทับใจมาก!
ต่อไปมันจะต้องหาเงินเพื่อเจ้านายของมัน!
สยงมู่มู่ชื่นชมต่อสัญชาตญาณของอู่เหมยเพราะชื่อเสียงและเงินทองไม่สามารถหลอกล่อเธอหรือทำให้เธอหลงมัวเมาได้ ความรู้สึกลึกๆ บอกเขาว่าเขาไม่ได้คบเพื่อนผิดคน เขาจึงถามเธออย่างสนใจ “เธออยากหาเงินไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่ขายฉิวฉิวไปล่ะ?”
“ต๊อก ต๊อก”
ฉิวฉิวแยกเขี้ยวขาวๆ ของมันขู่สยงมู่มู่ นึกไม่ถึงว่าเขาจะกล้ายุยงให้เจ้านายขายมันไป? รอวันหลังมันจะฉี่ราดใส่หัวเขาด้วยกลิ่นธัญพืชหอมพิเศษซะเลย เหอะ!
อู่เหมยจ้องเขาด้วยความขุ่นเคืองและพูดอย่างไม่พอใจ “ฉันขาดแคลนเงิน แต่ฉันยอมไปเก็บขยะขายดีกว่าต้องขายฉิวฉิวไป ถ้านายยังพูดจาแบบนี้อีก ระวังจะโดนต่อย!”
เธอชูหมัดเล็กๆ ของตัวเองไปทางสยงมูมู่ จึงทำให้สยงมู่มู่หลุดหัวเราะออกมา เขาใช้ฝ่ามือลูบเบาๆ ที่หัวของอู่เหมยพร้อมเอ่ยกับเธอ “ไม่ต้องห่วงนะ ต่อไปถ้าขาดแคลนเงินก็ให้มาถามจากพี่ พี่เลี้ยงน้องเอง!”
“ไปให้พ้น!”
อู่เหมยโมโหและใช้มือเล็กๆ ของเธอฟาดเขาไม่หยุด เธอไม่ใช่พวกเมียน้อยสักหน่อย ทำไมต้องให้คนอื่นมาเลี้ยงดูปูเสื่อ?
เฮ้ยๆๆ เลี้ยงดูเมียน้อยอะไรกัน เป็นเพราะสยงมู่มู่นั่นแหละที่พาออกนอกเรื่อง อู่เหมยเบื่อที่จะทะเลาะกับสยงมู่มู่แล้ว ฉิวฉิวที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอก็เริ่มจะไม่สงบนิ่งอีกแล้ว ดูเหมือนว่ามันอยากจะไปที่ไหนสักแห่ง อู่เหมยที่รู้สึกได้จึงกระซิบถามข้างๆ หูของฉิวฉิว “ฉิวฉิว แกเจอของที่ชอบแล้วเหรอ?”
“ต๊อก ต๊อก”
ฉิวฉิวตอบอู่เหมยด้วยการส่งเสียงร้องหนึ่งครั้ง อู่เหมยทั้งสงสัยและยอมเชื่อที่จะเดินตามทางที่ฉิวฉิวบอก เธอเดินไปหยุดอยู่หน้าร้านแผลงลอยร้านหนึ่ง เจ้าของร้านเป็นวัยรุ่นอายุราวยี่สิบกว่า ลักษณะซื่อๆ ดูไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ดวงตาขนาดเล็กที่มีนัยน์ตาเปล่งประกาย คนที่วางแผงขายของแถวตลาดหนานสุ่ยได้ จะมีสักกี่คนที่จะไม่มีเล่ห์เหลี่ยม?
แผลงลอยร้านนี้ไม่ต่างจากร้านอื่น สิ่งของที่ถูกจัดเป็นกองไว้มีหลายอย่างที่เป็นของชำรุดทรุดโทรม เพียงแค่เงินโบราณก็มีอยู่มากหลายเหรียญแต่ก็ขึ้นสนิมไปหมด และมีพวกเหยือกเครื่องปั้นดินเผาหลากหลายสีสัน ดูๆ ไปก็สวยเหมือนกัน
อู่เหมยคุกเข่าลงทำเหมือนว่าเลือกของอยู่ เธอใช้มือลูบคลำผ่านๆ ไป เมื่อกี้เธอยังคงคาใจเพราะรู้สึกว่าฉิวฉิวคงอยากให้เธอซื้ออะไรบางอย่าง แต่เธอก็ไม่อาจปล่อยให้ฉิวฉิวไปหาของด้วยตัวเองได้ ถ้าให้กระรอกตัวหนึ่งไปเลือกของเอง คงได้ทำให้คนตกใจจนฟันหลุด
…………………………………………………………………………………………..