ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 177 ขายทั้งหมด + ตอนที่ 178 วัตถุหายากมักจะมีมูลค่า
ตอนที่ 177 ขายทั้งหมด
เหยียนหมิงซุ่นเข้าใจความรู้สึกที่อู่เหมยรีบร้อนอยากแลกเงินจึงได้พูดออกไปว่า “เถ้าแก่กับฉันถือว่ามีมิตรภาพที่ดีต่อกัน เขาชอบสะสมของลายคราม ถ้าหากเหมยเหมยไว้ใจฉัน ฉันสามารถพาเธอไปเจอกับเถ้าแก่คนนี้ได้”
“ไว้ใจค่ะ ฉันไว้ใจพี่” อู่เหมยรีบพยักหน้าตอบโดยไม่มีความลังเล
เหยียนหมิงซุ่นยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยและพาอู่เหมยกับสยงมู่มู่เดินเข้าไปด้านใน เขาคิดไตร่ตรองและถามออกไป “เหมยเหมยอยากจะขายเหรียญกษาปณ์ต้าฉีทงเป่านั่นไหม? เถ้าแก่เขาตามหาเหรียญกษาปณ์ต้าฉีทงเป่ามาหลายปีแล้ว ถ้าเธอเต็มใจ มันจะขายได้ในราคาสูง”
สยงมู่มู่ถาม “ราคาสูงคือเท่าไหร่? หนึ่งพันหรือหนึ่งหมื่น?”
อู่เหมยออกแรงกดกุมหัวใจตัวเองไว้ หนึ่งพันหนึ่งหมื่น?
สมุดบัญชีเงินฝากของเหอปี้อวิ๋นยังไม่มีเงินเยอะขนาดนั้นเลย!
เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะและพูดว่า “หนึ่งหมื่นคงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะมันเป็นแค่เหรียญโบราณ แต่ถ้าสองสามพันคงจะไม่มีปัญหาหรอก”
อู่เหมยสูดเอาอากาศเย็นๆ เข้าไปในปอดพลางนึกในใจว่าสองสามพันมันก็มากพอแล้ว เพราะในเขตเมืองจินสามารถซื้อบังกะโลขนาดเล็กได้ตั้งหนึ่งหลัง!
ใจของเธอเต้นตุบๆๆ ขึ้นมา หากเธอมีบ้านเป็นของตัวเองได้ เธอก็จะสามารถย้ายออกมาอยู่ข้างนอกได้ และไม่จำเป็นต้องทนเป็นที่รองรับอารมณ์ของเหอปี้อวิ๋น ไม่ต้องทนถูกด่าหรือตีอีก!
แต่เธอก็ต้องเงียบลงไปในทันที ยังไงตอนนี้เธอก็มีอายุแค่สิบสองปีซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะซื้อบ้านเอง แต่ต่อให้ซื้อได้ก็จะต้องอยู่ในความดูแลของผู้ใหญ่ถึงจะถูกต้อง เรื่องนี้จะปิดบังต่อพวกเขาไม่ได้เลย อู่เหมยถอนหายใจอย่างนึกเสียดาย แต่เธอก็ยังรู้สึกดีใจที่เธอมีเงินอยู่ในมือ เพียงเท่านี้เธอก็จะมีความมั่นใจเพื่อจะต่อสู้กับเหอปี้อวิ๋นมากขึ้น
“ฉันจะขายทั้งหมด รบกวนพี่หมิงซุ่นด้วยนะคะ!” อู่เหมยตอบกลับแบบไม่ได้คิดนาน
สยงมู่มู่จ้องเธอและตะโกนบอกด้วยเสียงต่ำ “เธอโง่หรือไง เหรียญกษาปณ์ต้าฉีทงเป่าหายากขนาดนี้ หากเธอเก็บไว้อีกหน่อยราคาจะต้องเพิ่มขึ้นแน่ๆ ไม่แน่ว่าอาจจะถึงหนึ่งหมื่นหนึ่งแสน ตอนนี้เธอก็ไม่ได้รีบใช้เงิน จะขายไปทำไม?”
“รอให้ถึงช่วงที่ขายได้หนึ่งแสนหนึ่งล้าน เงินก็คงไม่ได้มีค่าแล้ว ฉันแค่อยากจะแลกเป็นเงินออกมา แบบนั้นฉันถึงจะรู้สึกสบายใจ” อู่เหมยยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะซื้อบ้าน
เรื่องทุกอย่างไม่มีความแน่นอน ไม่แน่ว่าเธอลองหาสักวิธีอาจจะซื้อบ้านได้สักหลัง แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจเกี่ยวกับการบริหารการเงิน แต่ต่อให้โง่มากแค่ไหนก็ต้องรู้ว่าในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดลงทุนอะไรถึงจะได้กำไรมากสุด?
ซึ่งนั่นคือทรัพย์สินบ้านเรือนและห้างสรรพสินค้าที่จัดเป็นอสังหาริมทรัพท์ เหมือนกับเหมยซูหานที่ทำให้ครอบครัวรวยขึ้นได้เพราะต้องพึ่งบ้านหลังเก่าของเขาที่ต้องทำการรื้อถอน เหมยซูหานรื้อถอนทุกอย่างให้กลายเป็นเงิน แล้วเอาทั้งหมดไปลงทุนกับบริษัท เรียกได้ว่าสู้กันให้ตายไปข้างหนึ่ง
ดวงชะตาของเขาถือว่าไม่แย่ เพราะในช่วงเวลาไม่ถึงสองปีก็สามารถพลิกตัวได้ เขาผันตัวมาเป็นผู้จัดการใหญ่ระดับร้อยล้านของบ้าน โดยเขาได้ริเริ่มจากจุดนี้และได้กลายเป็นคนที่มีพร้อมทุกอย่างในชีวิต เพียงแต่ในความงดงามนั้นยังคงมีสิ่งที่ขาดอยู่ นั่นก็คือมารดาของเหมยซูหานทนรอไม่ไหว เธอได้เสียชีวิตไปในช่วงที่อู่เหมยแต่งงานกับเหมยซูหานได้หนึ่งปีหลังและในตอนนั้นเหมยซูหานยังเป็นแค่พนักงานบริษัทที่ยากจนคนหนึ่ง
พอนึกถึงชีวิตที่มีแต่ความลำบากของหญิงชราผู้มีเมตตา ในใจของอู่เหมยกลับรู้สึกถึงความอบอุ่น มันคือความรักที่แม่มีต่อลูกที่ต่อให้ทั้งสองภพชาตินี้เธอก็ไม่เคยได้รับ แต่อู่เหมยกลับได้รับมันจากหญิงชราที่ป่วยหนักคนนั้น
แม่ของเหมยซูหานปฏิบัติต่อเธอดีมาก ดีจนเทียบได้ว่าเธอเปรียบเสมือนลูกสาวแท้ๆ แม้ว่าเธอจะเคลื่อนไหวไม่ได้แต่ทุกครั้งที่เธอรู้สึกเจ็บปวดร่างกาย เธอจะคอยกำชับให้เหมยซูหานต้มน้ำขิงและกรองน้ำใส่ถุงประคบร้อนมาให้ ช่วงเวลาว่างมักจะสอนเธอว่าต้มซุปบำรุงร่างกาย ฝีมือในการทำอาหารของเธอส่วนใหญ่เป็นเพราะแม่ของเหมยซูหานสอนมา
แต่น่าเสียดายที่คนดีๆ กลับไม่ได้รับสิ่งตอบแทนที่ดี ร่างกายของคุณแม่ย่ำแย่และอ่อนแอเกินไป ความสุขของลูกชายยังไม่ทันได้แบ่งปันให้เธอก็จากไปเสียก่อน!
“เหมยเหมย ถึงแล้ว” เสียงของเหยียนหมิงซุ่นที่บอก ทำให้เธอหลุดออกจากห้วงความคิด
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 178 วัตถุหายากมักจะมีมูลค่า
ลุงหมิงที่เห็นเหยียนหมิงซุ่นกลับออกไปแล้วเข้ามาใหม่ จึงมองไปยังเขาด้วยความแปลกใจ เหลือบมองอู่เหมยกับสยงมู่มู่ที่อยู่ด้านหลังของเขายิ่งนึกในใจด้วยความประหลาดใจ เด็กชายหญิงที่ดูใสซื่อไร้เดียงสาคู่นี้มีรูปร่างหน้าตาที่ดีมาก
“หมิงซุ่นพาเด็กๆ มาเที่ยวเล่นเหรอ? ที่นี่ไม่มีอะไรน่าสนุกหรอก” ลุงหมิงพูดติดเล่นออกไปแต่น้ำเสียงติดตำหนิเขา
เหยียนหมิงซุ่นพูดขึ้น “ลุงหมิงก่อนหน้านี้ลุงบอกให้ผมช่วยตามหาเหรียญกษาปณ์ต้าฉีทงเป่าไม่ใช่เหรอครับ? แล้วตอนนี้ลุงยังรับอยู่ไหม?”
ใบหน้าอ้วนกลมของลุงหมิงสั่นกระเพื่อมราวกับกำลังเต้นระบำอยู่ ดวงตากลมมนหรี่ตาจ้องมองไม่วางดั่งร่างกายเขาได้ล่องลอยตกกระทบพื้นและลุกขึ้นมาใหม่ เขาจึงถามด้วยความร้อนใจ “นายหาเจอแล้วเหรอ? อยู่ที่ไหนล่ะ?”
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มและตอบเขา “อย่าเพิ่งใจร้อนสิครับ เป็นธรรมดาที่หาของเจอแล้วถึงได้กล้าเข้ามาหา เหมยเหมย มู่มู่ เรียกลุงหมิงสิ”
“สวัสดีครับ/ค่ะลุงหมิง!”
ตั้งแต่อู่เหมยเดินเข้าประตูมาเธอก็เริ่มทำตัวอ่อนน้อมในทันที แม้แต่จะหายใจแรงๆ เธอยังไม่กล้า ถึงแม้ลุงหมิงจะดูเหมือนกับพระศรีอริยเมตไตรยแต่เธอก็ยังรู้สึกว่าเขาน่ากลัว และรู้สึกว่าเขาคนนี้จะรับมือได้ยาก แต่ก็ไม่รู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นมารู้จักกับคนพเนจรแบบนี้ได้ยังไง
สยงมู่มู่กลับตรงกันข้ามที่มีความกล้าและไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย เขาเบิกตากว้างและจ้องมองลุงหมิง ทั้งยังเรียกชื่อเขาอย่างมีกริยาท่าทางซึ่งลุงหมิงเองก็มองสยงมู่มู่อย่างชื่นชม รูปร่างภายนอกราวกับสตรี แต่มีความกล้าหาญดั่งบุรุษ
“ลุงหมิง เธอคือคนที่อยู่แถวบ้านผม เธอมีเหรียญกษาปณ์ต้าฉีทงเป่าที่อยากจะขาย” เหยียนหมิงซุ่นพูดขึ้น
“รีบเอามาให้ลุงดูหน่อย!”
ลุงหมิงบอกเสียงดังและยื่นมือที่เต็มไปด้วยไขมันออกไปหาอู่เหมย อู่เหมยตกใจจนต้องหดตัวไปหลบอยู่ด้านหลังของเหยียนหมิงซุ่น ดึงแขนของคนความสามารถสูงในอนาคตไว้แน่น แบบนั้นถึงจะทำให้เธอสบายใจได้
“ลุงหมิงใจเย็นๆ ก่อนครับ ของอยู่นี่แล้วมันวิ่งไปไหนไม่ได้หรอก เหมยเหมยเธอเอาเหรียญกษาปณ์ต้าฉีทงเป่าออกมาให้ลุงหมิงดูสิ” เหยียนหมิงซุ่นมองเขาอย่างโมโห และก้มหัวลงเพื่อออกคำสั่ง
ลุงหมิงหัวเราะหึๆ ใช้มือลูบวนที่ปลายจมูกตัวเองและยอมนั่งลง เขาสงบสติอารมณ์ไว้อย่างตื่นเต้น อู่เหมยยื่นเหรียญกษาปณ์ต้าฉีทงเป่าไปให้เหยียนหมิงซุ่น และเอาเหรียญที่เหลืออีกสามเหรียญยื่นไปให้เขาพร้อมกัน เหยียนหมิงซุ่นตบและลูบเบาๆ ที่หัวของเธอเพื่อบ่งบอกว่าใจเย็นๆ อย่าหุนหันพลันแล่นไป จากนั้นยื่นเหรียญกษาปณ์ต้าฉีทงเป่าส่งให้ลุงเหมยด้วยความนอบน้อม
เป็นเวลานานที่ลุงหมิงใช้นิ้วคีบเหรียญโบราณไว้และพิจารณาดูอย่างละเอียด เขายิ้มจนหน้าบานราวกับดอกใบที่กำลังผลิบาน แต่เขาก็ไม่ได้ยืนหยัดความคิดเห็นออกมา แต่กลับหยิบแว่นขยายจากลิ้นชักโต๊ะออกมาส่องดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนและเป็นเวลานานมากกว่าที่เขาจะหลุดปากพูด “ไม่เลว เป็นต้าฉีทงเป่าจริงๆ แต่เสียดายที่ขอบหายไปหนึ่งด้าน ถ้าหาก…”
เหยียนหมิงซุ่นพูดขัดขึ้น “ลุงก็ควรจะรู้จักพอใจในสิ่งที่มีสิ หาเจอเหรียญที่ไร้ขอบได้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว ใครจะรู้ได้ว่าจะหามันเจออีก!”
ลุงหมิงยิ้มและพยักหน้าตอบ “ถูกต้อง หาเหรียญที่ไร้ขอบเจอได้ก็ถือว่าโชคดีมาก เหรียญโบราณเหรียญนี้ลุงจะรับไว้ แม่สาวน้อยผู้ใหญ่ที่บ้านของเธอล่ะ? ฉันไม่ทำธุรกิจร่วมกับเด็กหรอกนะ”
อู่เหมยรวบรวมความกล้าและตอบออกไป “พ่อกับแม่ของหนูเสียชีวิตไปหมดแล้วค่ะ ในบ้านเหลือแค่หนูคนเดียว เงินเหรียญนี้หนูตัดสินใจเองได้”
เหยียนหมิงซุ่นกระตุกมุมปากเล็กน้อยและกระแอมออกมาเบาๆ ด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยน แต่สยงมู่มู่กลับจ้องเธอตาเขม็ง อีกนิดเดียวที่เขาจะหลุดเรียกชื่อเธอ อู่เจิ้งซือสองสามีภรรยามีชิวิตสุขสบายขนาดนั้น ยัยนี่มีความกล้าอยู่มากจริงๆที่เธอกล้าใช้คำโกหกลวงโลกแบบนี้ได้!
ลุงหมิงคิ้วกระตุกและมองไปยังเหยียนหมิงซุ่น ซึ่งเหยียนหมิงซุ่นพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อบ่งบอกว่าเขาสามารถวางใจที่จะทำการค้าขายร่วมกันได้ นั่นถึงจะทำให้ลุงหมิงวางใจและพูดออกไป “ในเมื่อเธอตัดสินใจเองได้ ถ้าอย่างนั้นเธอจะขายเท่าไหร่?”
ในหัวของอู่เหมยที่เหมือนจะระเบิดออกก็กลับมาสับสนอีกครั้ง เธอต้องขายเท่าไหร่?
เธอจะรู้ได้ยังไงว่าต้องขายเท่าไหร่?
อู่เหมยหลุดจากความคิดและมองไปทางเหยียนหมิงซุ่น แต่เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่พูดอะไร แม้แต่หน้าเธอเขายังไม่หันมามอง อู่เหมยจึงหันกลับมา ในใจเข้าใจดีว่าเหยียนหมิงซุ่นคงจะอยากหลีกเลี่ยงที่จะพูด?
“คือ…คือว่า…ก่อนมาที่นี่หนูดูมาจากในหนังสือ ซึ่งบอกว่าเหรียญกษาปณ์นี้มีมูลค่ามาก โบราณว่าไว้…วัตถุหายากมักจะมีมูลค่า หนู…หนูคิดว่าถ้าให้ราคาต่ำเกินก็ไม่ดี ลุงหมิงว่าคิดว่าอย่างนั้นไหมคะ?”
อู่เหมยพูดออกไปอย่างติดๆ ขัดๆ เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นมาบนหน้าผากและค่อยๆ ไหลลงมา ใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อทำให้ดูน่าสงสารเป็นอย่างมาก
…………………………………………………………………………………………..