ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 185 คิดหาผลประโยชน์จากผู้อื่น แต่กลับเข้าเนื้อตัวเอง + ตอนที่ 186 โดราเอมอน
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 185 คิดหาผลประโยชน์จากผู้อื่น แต่กลับเข้าเนื้อตัวเอง + ตอนที่ 186 โดราเอมอน
ตอนที่ 185 คิดหาผลประโยชน์จากผู้อื่น แต่กลับเข้าเนื้อตัวเอง
อู่เจิ้งซือมองลูกสาวคนโตด้วยความชื่นชม สัปดาห์หนึ่งให้เงินค่าขนมแค่สองหยวน แบบนี้แล้วเธอยังประหยัดไว้อีกหนึ่งหยวน แต่มองกลับมาที่ลูกสาวคนเล็กที่ไม่รู้จักคิดเท่ากับลูกสาวคนโตเลย!
อู่เหมยยิ้มเยาะในใจและยื่นมืออกไปรับเงินหนึ่งหยวนนั้น อู่เยวี่ยเพิ่งจะรู้สึกอารมณ์ดีและเตรียมจะสาดน้ำมันราดอีกหนึ่งทัพพี แต่อู่เหมยกลับพูดขึ้นเสียก่อน
“เงินค่าขนมของหนูก็ยังใช้ไม่หมดเหมือนกัน พ่อดูนี่สิคะ หนูยังเหลืออีกหนึ่งเจี่ยว เป็นเงินที่ทอนมาจากตอนซื้อซาลาเปาน้ำซุป สัปดาห์ที่แล้วหนูใช้ไปแค่หนึ่งหยวน ส่วนอีกหนึ่งหยวนที่เหลือหนูเอาไปซื้อซาลาเปาน้ำซุปที่ภัตตาคารเฟิ่งหลายกิน ทุกคนไม่ยอมฟังหนูอธิบายเลย มาถึงก็เอาแต่จะกล่าวโทษหนู แม่เป็นแบบนี้ แล้วพี่ก็ยังเป็นแบบนี้อีก ศาลพิพากษานักโทษประหารชีวิตยังให้โอกาสจำเลยได้พูดเลย!”
อู่เหมยควักเงินเจี่ยวออกมาจากกระเป๋าด้วยสภาพยับยู่ยี่ ด้านข้างคือธนบัตรหนึ่งหยวนของอู่เยวี่ย เธอทำหน้ากล้ำกลืน นัยน์ตาแดงก่ำ ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยหยดน้ำตา ใบหน้าบ่งบอกถึงการได้รับความไม่ยุติธรรมแลดูน่าสงสาร
ภายในใจของอู่เจิ้งซือเริ่มไม่เป็นสุข ลูกสาวคนเล็กประหยัดอดออมและใช้เงินเก็บซื้อของอร่อยกลับมาให้เขาอย่างกตัญญู แต่กลับถูกลูกสาวคนโตกับภรรยาป้ายความผิดให้อีก แบบนี้จะไม่น้อยใจได้อย่างไร!
สีหน้าของเหอปี้อวิ๋นเริ่มทนไม่ไหวจึงตำหนิออกไป “แกพูดอยู่ไม่กี่คำแล้วทำมาเป็นร้องไห้ คิดว่าตัวเองสูงส่งมากหรือไง? รีบไปเช็ดโต๊ะเดี๋ยวนี้!”
อู่เจิ้งซือจ้องกลับไปและตวาดขึ้น “เธอพูดดีๆ ไม่ได้เหรอ? ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นเธอก็ไม่เคยถามลูกก่อนแล้วเอาแต่ตัดสินว่าลูกผิด เธอควรจะปรับปรุงนิสัยแบบนี้ได้แล้ว เยวี่ยเยวี่ยลูกก็อย่าได้เลียนแบบแม่ล่ะ เอาล่ะ ลูกอยู่บ้านมาทั้งวันแล้วออกมาขยับร่างกายบ้าง ไปช่วยแม่เขาทำงานไป!”
อู่เยวี่ยรู้สึกกลุ้มใจในทันที คิดหาผลประโยชน์จากผู้อื่น แต่กลับเข้าเนื้อตัวเอง ก็คือตัวเธอเอง เสียเงินไปหนึ่งหยวนแล้วยังจะต้องทำงานอีก
“ขอโทษนะเหมยเหมย พี่ผิดเอง พี่ไม่ควรจะตัดสินอะไรก่อนที่จะได้ถามให้แน่ใจ เธออย่าโทษพี่เลยนะ!” อู่เยวี่ยพูดกับอู่เหมยอย่างนุ่มนวล สายตาจับจ้องไปที่เงินหนึ่งหยวนแทบไม่กะพริบตา เอาแต่คิดหาวิธีที่จะเอาเงินนั้นคืนมาให้ได้
ทำไมอู่เหมยจะดูไม่ออกว่าพี่เธอคิดอะไรอยู่ เลยจงใจสะบัดเงินและพูดขึ้นอย่างเห็นใจ “ช่วงนี้พี่เครียดเรื่องการเรียนมากเกินไปหรือเปล่า เพราะช่วงนี้พี่ชอบพูดผิดอยู่บ่อยๆ พี่ก็อย่าคาดหวังกับที่หนึ่งเกินไปสิ เพราะสุขภาพสำคัญที่สุด”
“แกพูดบ้าอะไร? ทำไมที่หนึ่งจะไม่สำคัญ? พี่สาวแกสอบได้ที่หนึ่งได้อย่างสบายราวกับดื่มน้ำสักอึกหนึ่ง ไม่เหมือนกับแกที่โง่…”
สุดท้ายเหอปี้อวิ๋นก็ไม่ได้พูดสองคำท้ายในประโยคออกมา แต่ในใจกลับด่าทอเธอเป็นร้อยเป็นพันคำ ยัยเด็กบ้านี่ทนเห็นเยวี่ยเยวี่ยได้ดีไม่ได้เลย ทำไมที่หนึ่งจะไม่สำคัญ?
ใครจะจำได้ว่ามีที่สองกับที่สาม?
เพราะถูกจดจำแค่ที่หนึ่งมาโดยตลอด!
เยวี่ยเยวี่ยของเธอจะต้องได้ที่หนึ่งเท่านั้น!
ที่สองหรือที่สามไม่ได้เด็ดขาด! …
เหอปี้อวิ๋นที่พูดออกมาอย่างหยิ่งยโสได้ถูกอู่เหมยมองกลับด้วยสายตาเย็นชา สบายราวกับดื่มน้ำสักอึกหนึ่ง?
งั้นเรามาดูกัน! หลังจากที่ได้เห็นคะแนนของอู่เยวี่ยจะร้องไห้ดั่งสายน้ำตกที่ไหลยาวลงมากี่พันนิ้ว!
“ขอบคุณเงินหนึ่งหยวนของพี่ด้วยนะคะ ไว้สัปดาห์หน้าหนูจะไปซื้อซาลาเปาน้ำซุปที่ภัตตาคารเฟิ่งหลายอีก และจะซื้อกลับมาให้พี่หนึ่งเข่ง” อู่เหมยยิ้มตาหยีและพูด เธอนำเงินยัดใส่ไปในกระเป๋าอย่างออกนอกหน้าโดยไม่เกรงกลัว
อู่เยวี่ยฝืนยิ้มเป็นอย่างมาก เธอให้เงินไปหนึ่งหยวนแต่กลับได้กินซาลาเปาไข่ปูแค่หนึ่งเข่ง อู่เหมยวางหมากได้ดีเลยทีเดียว รู้ดีว่าเธอไม่มีทางขอเงินคืนจากเธอต่อหน้าของอู่เจิ้งซือ
“ขอบใจเหมยเหมยมากนะ!”
นำเสียงรอดไรฟันออกมาแต่อู่เหมยกลับรู้สึกว่ามันช่างน่าฟัง เธอจึงยิ้มอย่างได้ใจ สะบัดผมหางม้าของตัวเองแล้ววิ่งกลับเข้าห้องไป ในกระเป๋าเธอยังมีเงินอีกปึกใหญ่ แต่ต้องหาที่ดีๆ เพื่อซ่อนเอาไว้
สำหรับการเช็ดโต๊ะ พ่อได้บอกให้อู่เยวี่ยไปทำแล้วนี่!
ซาลาเปาไข่ปูเข่งนี้ถือว่าคุ้มค่ามากจริงๆ ไม่เพียงแค่ไม่ขาดทุน แต่กลับได้กำไรมาตั้งเจ็ดเจี่ยว ฮ่าๆๆ!
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 186 โดราเอมอน
อู่เหมยปิดประตูลง โดยมีฉิวฉิวปีนออกมานอนคว่ำแทะเมล็ดสนอยู่บนโต๊ะ เธอหยิบเงินกองหนาๆ ออกมา ยังมีเงินเหลืออีกหนึ่งร้อยเก้าสิบเก้าใบมีสีเขียวขจี เพียงแค่ได้มองก็ทำให้คนเรามีความสุขแล้ว มีความสุขจนสุดขั้วหัวใจ
แต่เงินพวกนี้จะเอาไปวางไว้ไหนดี?
ธนาคารฝากไม่ได้ ในลิ้นชักก็ยิ่งวางไม่ได้ ช่องกำแพงเธอก็ไม่กล้าวาง ถ้าหากโดนหนูกัดกินจะทำอย่างไร จะร้องไห้ก็ไม่มีที่ให้ไปร้อง
“ฉิวฉิว ถ้าแกเป็นโดราเอมอนคงจะดีมากเลย ถ้าเป็นแบบนั้นพี่จะสามารถเอาของทุกอย่างยัดไว้ในกระเป๋าหน้าท้องของแก แล้วถ้าต้องการจะใช้มันก็แค่ควักออกมาจากกระเป๋าหน้าท้อง ฮ่าๆๆ!”
อู่เหมยกอดฉิวฉิวด้วยความกลัดกลุ้มใจ ไม่มีเงินก็กลุ้ม มีเงินอยู่ก็ยิ่งกลุ้ม โธ่!
ฉิวฉิวสะบัดหางใหญ่ๆ ของมันพลางนึกไปด้วยว่าโดราเอมอนคืออะไร?
ทำไมฟังดูแล้วเหมือนกับตัวมันเอง?
อู่เหมยพูดด้วยความมั่นใจ “ฉิวฉิวแกรู้จักโดราเอมอนไหม? มันคือหุ่นยนต์แมวที่น่ารักตัวหนึ่ง ตรงช่วงท้องมันจะมีช่องกระเป๋าอยู่ ข้างในมีของดีๆ เยอะมากเลยล่ะ เจ้าของของโดราเอมอนชื่อว่าโนบิตะ พวกเขาเล่นด้วยกันอย่างสนุก…”
โดราเอมอนเป็นการ์ตูนที่อู่เหมยดูได้อย่างไม่มีเบื่อ ที่น่าอิจฉาที่สุดเห็นจะเป็นกระเป๋าหน้าท้องของมัน ราวกับว่าเป็นฐานพระเจดีย์ขนาดใหญ่เหมือนในนิยาย อยากได้อะไรก็หาออกมาได้หมด
หากว่าฉิวฉิวเป็นเหมือนโดราเอมอน เธอคงจะเอาเงินซ่อนไว้ในกระเป๋าหน้าท้องของมัน แบบนั้นเธอจะกลุ้มใจไปทำไม?
อู่เหมยหัวเราะคิกคัก กอดฉิวฉิวไว้และกดจูบมันไปหลายครั้ง เธอรู้สึกว่าตัวเองโลภมากจริงๆ ฉิวฉิวสามารถหาของมีค่าได้ก็ถือว่ามันมีความสามารถมากพอแล้ว เธอจะต้องพอใจในสิ่งที่มี การเป็นคนไม่ควรจะโลภมาก!
“ฉิวฉิว พี่พูดไปเรื่อยเปื่อย ต่อให้ฉิวฉิวจะไม่มีกระเป๋าหน้าท้องแต่แกก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของพี่ พี่รักแกที่สุด!”
“ต๊อก ต๊อก”
ฉิวฉฺวส่งเสียงร้องอย่างจองหอง ไม่ใช่แค่กระเป๋าหน้าท้องหรอกเหรอ มีอะไรน่าสรรเสริญขนาดนั้นเลย คุณชายฉิวอย่างมันใช่ว่าจะไม่มี เพียงแค่ต้องรอไปก่อนสักช่วงหนึ่งเท่านั้นเอง!
อู่เหมยนำผ้ามาห่อธนบัตรจำนวนหนึ่งร้อยเก้าสิบเก้าใบและมัดไว้อย่างแน่น และหาหนังยางมาพันรัดไว้อีกหลายรอบ บนหลังตู้ ใต้เตียง ฟูก ลิ้นชัก…ทุกที่ก็ลองมาหมดแล้ว แต่เธอก็รู้สึกไม่วางใจจึงทำได้แค่ถอนหายใจ
“ต๊อก ต๊อก”
ฉิวฉิวทนมองต่อไปไม่ไหว มันชำเลืองมองหาความคืบหน้า มันจึงวิ่งออกไปแล้วแย่งเงินก้อนนั้นมาจากมือของอู่เหมย ซึ่งขนาดของเงินจำนวนนั้นมีขนาดพอๆ กับตัวของมัน แต่กลับถูกมันคาบออกไปได้อย่างง่ายดาย กระโดดไปไม่กี่ครั้งแล้วออกไปทางช่องกำแพงใต้โต๊ะ
อู่เหมยดูท่าไม่สะดวกนัก และคุณชายฉิวเองก็แสดงออกได้ไม่ค่อยพอใจนัก มันเลยต้องลงมือเอง โดยขุดช่องกำแพงเดิมที่มีอยู่ให้เป็นช่องที่มีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่พอดีสำหรับให้ตัวมันวิ่งเข้าออก
“ฉิวฉิวแกไปไหนมา? รีบเอาเงินกลับมาเร็ว!”
อู่เหมยฟุบหน้าลงกับพื้นแล้วเรียกมันด้วยเสียงเบา ใจเธอร้อนรนดั่งถูกเผาไหม้ เธอยังหวังจะใช้เงินพวกนี้ไปซื้อบ้าน ฉิวฉิวต้องการจะทำอะไรกันแน่?
เพียงไม่นานฉิวฉิวก็กลับออกมา ซึ่งเงินได้หายไปแล้ว แต่ในปากเพิ่มขึ้นมาด้วยต้นหญ้าที่เหี่ยวเฉา ใจของอู่เหมยเริ่มหมดหวังลงในทันที เงินของเธอไม่อยู่แล้ว ฉิวฉิวทำหายไปแล้ว
ถึงแม้อู่เหมยจะไม่สบายใจแค่ไหน แต่เธอก็ไม่นึกโทษโกรธต่อฉิวฉิว เงินพวกนี้ก็ได้มาจากฉิวฉิวที่ช่วยเธอหา ไม่มีก็ช่างมันเถอะ เพียงแค่เธอต้องหาโอกาสคุยกับเหยียนหมิงซุ่น เรื่องบ้านต้องเลื่อนออกไปก่อน
“ฉิวฉิว ต่อไปห้ามเอาเงินไปเล่นอีกนะ แกดูสิเงินหายไปแล้ว ต่อไปพี่ก็ซื้อของอร่อยให้แกไม่ได้แล้ว แถมยังซื้อบ้านไม่ได้อีก” อู่เหมยพูดสอนเจ้าตัวเล็กไม่หยุด พยายามเอาเศษหญ้าในปากของฉิวฉิวออกมา และอดไม่ได้ที่จะบ่น
“ฉิวฉิวแกอย่ากินหญ้ามั่วๆ สิ ถ้าท้องเสียขึ้นมาจะทำยังไง?”
ฉิวฉิวคายหญ้าออกมาบนฝ่ามือของอู่เหมยและวิ่งหายไปอีกครั้ง อู่เหมยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว คุณชายฉิวก็แบกเอาเงินก้อนนั้นออกมาอย่างหอบเหนื่อย อู่เหมยมองเงินนั้นด้วยความตกใจและอ้าปากค้างจนแทบจะหลุด
ที่แท้ฉิวฉิวก็ช่วยเธอเอาเงินไปซ่อนงั้นหรือ!
“ฉิวฉิว ทำไมแกถึงได้น่ารักแบบนี้ มาให้พี่หอมแก้มหน่อยเร็ว!”
ฉิวฉิวกลอกตามองเธอด้วยความจองหอง และแบกเอาเงินกองใหญ่นั้นกลับไป วิ่งกลับไปกลับมาอยู่สี่รอบ ทำเอามันเหนื่อยหอบจนไม่อยากจะสะบัดหางใส่อู่เหมย แต่เป็นเพราะเจ้านายของมันที่ตาไม่ถึง เลยทำให้มันเหนื่อยหอบเหมือนหมา
…………………………………………………………………………………………..