ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 195 ข่มขู่โดยไม่มีหลักฐาน + ตอนที่ 196 ที่แท้ก็คือเธอ
ตอนที่ 195 ข่มขู่โดยไม่มีหลักฐาน
อู่เหมยโมโหเป็นอย่างมากจึงได้ใช้มือฟาดเขาไป นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะหาว่าเธอกับสยงมู่มู่เป็นคู่รักกัน ไอ้อ้วนบ้านี่สมองต้องเลอะเลือนแน่ๆ
“ถ้านายยังไม่หยุดพูดจาเหลวไหล ฉันจะเอาเรื่องที่นายฉี่ราดใส่ที่นอนตอนสิบขวบไปบอกเพื่อนทั้งห้อง!” อู่เหมยเปล่งเสียงต่ำและพูดเตือนเขา ทำให้อู่เชารีบเงียบปากลงในทันที แม้แต่ครึ่งประโยคก็ไม่กล้าเอ่ยขัด
อู่เหมยใช้สายตาพิจารณาดูเขาครั้งหนึ่ง และพูดจาถากถางอย่างเหลืออด “อย่างนายเหรอที่แข็งแรง? เห็นได้ชัดขนาดนี้ว่าบวมน้ำ ดูตัวนายเองด้วยว่าอ้วนอย่างกับอะไรดี”
อู่เชาเขาถือว่าเป็นคนที่เก่ง อีกทั้งยังตั้งชื่อฉายาของตัวเองขึ้นมาว่าอู่ต้าหลาง เป็นเพราะเขาไม่ได้มีส่วนสูงที่สูงมาก ซึ่งแน่นอนว่าเขาแข็งแรงกว่าอู่ต้าหลางและยังอ้วนตุ้ยนุ้ยอีกด้วย เป็นเพราะความดื้อรั้นของอู่เชาถึงได้เรียกว่าอู่ต้าหลาง กลับกันที่มันเป็นเหมือนเสียงปืนที่ถูกยิงออกไปและเขาเองก็มีชีวิตที่ดีเลยล่ะ
อู่เชาอึดอัดใจอย่างทำอะไรไม่ได้ ยัยเด็กบ้านี่กล้าดูถูกคนเป็นพี่อย่างเขาได้ยังไง จิตวิญญาณทั้งหมดคงถูกสยงมู่มู่ดึงดูดไปหมดแล้ว ไม่ได้การล่ะ เขาจะต้องจับตามองไว้ให้ดี เพราะยัยบ้านี่หัวสมองก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จะปล่อยให้เธอถูกคนอื่นหลอกไม่ได้
ไอ้อ้วนบ้านี่จะทำยังไงก็สลัดไม่ได้ อู่เหมยจึงทำได้แค่ให้เขาเดินตามมา และพูดเตือนเขาด้วยใบหน้านิ่งขรึม “ถ้าหากว่านายเอาเรื่องของฉันไปพูดล่ะก็ เรื่องที่นายฉี่ราดที่นอนตอนสิบขวบ และแอบดูพี่สาวฉันอาบน้ำตอนสิบเอ็ดขวบ ฉันจะพูดให้เพื่อนในห้องทุกคนฟัง”
อู่เชาตะโกนกลับไป “ฉันไปแอบดูพี่สาวเธออาบน้ำเมื่อไหร่กัน? อู่เหมยเธออย่ามาใส่ร้ายคนอื่นแบบนี้!”
“แต่ไม่ว่ายังไงถ้านายหลุดปากพูดเรื่องของฉัน เมื่อนั้นแหละที่นายไปแอบดูพี่สาวฉันอาบน้ำ” อู่เหมยพูดข่มขู่ออกไปโดยไม่มีหลักฐาน อู่เชาทำได้แค่กำมือแน่นอย่างอัดอั้นใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ยัยลูกพี่ลูกน้องคนเล็กในตอนนี้ไม่น่ารักเลย แต่ก่อนเธอจิตใจดีและยังหลอกง่ายอีกด้วย ตอนนี้ช่างใจดำอำมหิต!
เขากัดฟันกลามแน่นจนแทบจะหลุดออกมา แต่อู่เชาก็ยังคงตามติดอู่เหมยไม่เลิก สีหน้าท่าทางเหมือนกับเมียที่กำลังโกรธโมโหสามี อู่เหมยเองก็ปล่อยตามใจเขา เพราะอู่เชายึดติดเรื่องที่ตัวเองฉี่ราดที่นอนตอนสิบขวบ และมองเหมือนว่ามันสำคัญยิ่งกว่าการเสียพรหมจารี นั่นจึงทำให้เขาไม่กล้าพูดอะไรอีก
“เหมยเหมยเธอมาเรียนวาดรูปที่ห้องเรียนเยาวชน แล้วทำไมต้องปิดบังอารองด้วย?” อู่เชารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ทำให้เขาแอบหวั่นใจไปตั้งมากมาย นึกว่าอู่เหมยจะไปทำเรื่องคอขาดบาดตายอะไรเสียอีก!
“พ่อไม่อนุญาตให้ฉันเรียน ถ้าพ่อฉันรู้เรื่องนี้ก็คงมีแต่นายที่เอาความลับไปบอก”
อู่เหมยจ่ายค่าเรียนไปแล้วทำให้รู้สึกดีขึ้น พรุ่งนี้เธอก็สามารถเข้าเรียนวาดรูปได้อย่างเป็นทางการแล้ว อีกทั้งยังมีคะแนนสอบภาษาและวรรณคดี คะแนนสอบรายเดือนของอู่เยวี่ยอีก ทุกๆ วันจะมีสิ่งที่เธอทำให้เธอต้องคาดหวัง สัมผัสเลยได้ว่าความรู้สึกกำลังถูกเติมเต็มจริงๆ!
สยงมู่มู่จะต้องไปเข้าคาบเรียนกีตาร์เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง อู่เหมยจึงต้องลากตัวอู่เชาออกไปหาอะไรกิน “เดี๋ยวฉันเลี้ยงขนมเปี๊ยะไส้รากบัวนายเอง”
“ให้ฉันเลี้ยงเธอดีกว่า เงินส่วนนั้นของเธอเอาไปซื้อกระดาษกับหมึกเถอะ” อู่เชาพูดขึ้นอย่างโมโห
อู่เหมยไม่ได้เหมือนอู่เยวี่ย เธอจะมีเงินติดตัวอยู่สักเท่าไรกัน เกรงว่าจ่ายค่าเรียนไปแล้วจะเหลือไม่มากและเธอเองคงจะลำบากถ้าเอาใช้ซื้อกิน ในใจของอู่เหมยร้อนรุ่ม เธอจึงควักเงินออกมาจากกระเป๋าหนึ่งหยวนและยื่นไปตรงหน้าอู่เชา
“ไม่ต้องใช้เงินนายหรอก ฉันมีเงิน”
อู่เชายื่นมือบวมๆ ของเขาออกไปสัมผัสกับธนบัตรที่เหมือนจริงใบนั้น แต่นี่มันของจริง ไม่ได้วาดออกมานี่นา อู่เหมยมีเงินเยอะขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?
“นายไม่ต้องสนใจหรอกว่าฉันได้เงินมาจากไหน แต่ฉันไม่ได้ขโมยมาแล้วก็ไม่ได้แย่งใครมา แล้วสรุปนายจะกินไหม? ถ้าไม่กินฉันจะไปกินคนเดียว” อู่เหมยพูดขึ้นด้วยความรำคาญ
“กิน ฉันจะกินขนมเปี๊ยะสามชิ้น” อู่เชาไม่มีความเกรงใจเลยสักนิด
“ไอ้หมู!”
อู่เหมยด่าเขาด้วยความรังเกียจ แต่ก็ยอมซื้อขนมเปี๊ยะให้เขาไปสามชิ้น และให้ตัวเองอีกสองชิ้น และยังคงเป็นคุณป้าอ้วนคนนี้ที่ขาย ช่วงนี้อู่เหมยแวะมาซื้อขนมเปี๊ยะรากบัวที่ร้านของเธอบ่อยๆ ทำให้รู้จักและสนิทกับเธอพอสมควร
ทั้งสองพี่น้องหามุมร้านที่มีลมพัดผ่านเพื่อนั่งกินขนม ไส้รากบัวแสนกรอบในขนมเปี๊ยะอันหอมหวานทำให้คนเราอารมณ์ดีขึ้นมาได้ในพริบตา อู่เชากินไปด้วยพร้อมกับพูดชม “อร่อยมาก นึกไม่ถึงว่าในตรอกซอยเล็กๆ แบบนี้จะมีร้านขนมเปี๊ยะไส้รากบัวที่อร่อยแบบนี้อยู่ ต่อไปฉันจะมาที่นี่บ่อยๆ…เอ๊ะ ผู้หญิงคนนั้นคือครูที่สอนวาดรูปของเธอไม่ใช่เหรอ?”
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 196 ที่แท้ก็คือเธอ
อู่เหมยมองตามมือของเขาไป ที่แท้ก็เป็นครูเฮ่อที่กำลังเดินมาทางนี้ กระโปรงตัวยาวสีน้ำเงินอ่อนๆ ด้านบนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและคลุมทับด้วยเสื้อไหมพรมสีเหลืองอ่อน รองเท้าที่ใส่อยู่เป็นรองเท้าหนังสีขาวน้ำนม มีผมดำสลวยยาวถึงช่วงเอวถูกม้วนเป็นมวยผมและปักด้วยปิ่นหยกสีเขียวอ่อน เมื่อมองดูรวมๆ แล้วช่างเหมือนกับนางกำนัลในวังสมัยโบราณที่เดินออกมาจากภาพวาดสายน้ำและภูเขา
“ครูเฮ่อ…”
อู่เหมยที่กำลังจะอ้าปากพูดก็เงียบลงทันที แต่เธอกลับต้องตกใจจนตาค้าง อู่เชาเองก็มีลักษณะไม่ต่างจากเธอทำให้พูดจาอย่างสับสน “นี่มัน…นี่มันเกิดอะไรขึ้น? แล้วอาเขยมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ไม่…ไม่ใช่สิ อาเขยรู้จักกับครูเฮ่อได้ยังไง?”
ที่แท้ข้างๆ ครูเฮ่อก็คือจี้เจี้ยนโป สามีของอู่เจิ้งหง ในเวลานี้เขากับครูเฮ่อพูดคุยและหัวเราะกัน ในมือยังหิ้วถุงสีชมพูใบหนึ่งซึ่งบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นของใช้ของผู้หญิง อีกทั้งเมื่อมองปฏิกริยาที่ดูสนิทสนมของจี้เจียนโปตอนพูดคุยกับครูเฮ่อ และมีรอยยิ้มอันสดใสปรากฏอยู่บนใบหน้าของครูเฮ่อ นั่นจึงทำให้ได้เห็นละอองสีชมพูที่พุ่งออกมาจากตัว
อู่เชากำลังสับสนอยู่ว่าทำไมจี้เจี้ยนโปถึงมาอยู่กับครูเฮ่อได้ แต่ทางอู่เหมยนั้นกลับรู้ถึงสาเหตุชัดเจน ไม่แปลกที่เธอจะรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาครูเฮ่อ เมื่อชาติก่อนเธอเคยเจอกับครูแล้วนั่นเอง เคยเจอเธอที่ตลาดหนานสุ่ย คนข้างๆ ของครูเฮ่อในตอนนั้นก็คือจี้เจี้ยนโป ทั้งสองยังจูงมือกันเดินและดูสนิทสนมเสียยิ่งกว่าตอนนี้อีก
“อาเขย…”
อู่เชาที่กำลังจะเดินเข้าไปทางจี้เจี้ยนโปพร้อมกับเรียกเขาไปด้วย อู่เหมยกลับยื่นมือออกไปดึงเขาไว้และตวาดออกไป “นายจะทำอะไร?”
“ก็เข้าไปทักทายอาเขยไง!” อู่เชามองไปยังอู่เหมยด้วยความแปลกใจ เมื่อเจอกับผู้หลักผู้ใหญ่ก็ต้องทักทายเป็นมารยาทสิ
อู่เหมยมองเขาอย่างระอา โง่จริงๆ เลย แต่ก็ปกติแหละที่อู่เชาจะนึกไม่ถึง เพราะเด็กผู้ชายมักจะมีความคิดความอ่านที่อ่อนกว่าเด็กผู้หญิง และอีกอย่างอู่เชาก็เพิ่งจะอายุสิบสองปี ชาติก่อนที่เธออายุเท่าเขาเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน และยังเคยเสียท่าให้อู่เยวี่ยไปแล้วครั้งหนึ่งด้วย
“ไม่ต้องไป แค่ทำเป็นมองไม่เห็นก็พอ” อู่เหมยพูด
แต่อู่เชารู้สึกไม่พอใจ ก็เห็นอยู่ว่าเจอเขาแล้วจะให้ทำเป็นไม่เห็นเนี่ยนะ อู่เหมยคิดจะทำอะไรอีก?
“ถ้าหากว่านายไม่อยากให้อาหญิงต้องอาละวาดจนบ้านแตก นายต้องเชื่อฟังฉัน เรื่องนี้ห้ามไปพูดกับใครเด็ดขาด กับป้าสะใภ้ก็ห้ามพูด” อู่เหมยกล่าวเตือน
สีหน้าของอู่เชาเปลี่ยนไปเล็กน้อย หากคิดดีๆ เขาก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้น เพียงแค่เมื่อครู่ไม่ทันได้คิดให้มากพอ แต่ดีที่มีอู่เหมยเตือนสติเขาไว้ทำให้เขาได้สังเกตลักษณะและท่าทีของจี้เจียนโปและครูเฮ่อ ถึงได้เข้าใจในบางอย่างแต่กลับมีสีหน้าโกรธแค้น
“ทำไมอาเขยถึงได้ทำแบบนี้? ฉันจะไปบอกอาหญิง” อู่เชาพูดออกมาอย่างโมโห
อู่เหมยก็ไม่ได้ห้ามอะไรเขา แต่พูดขึ้นเสียงเย็น “นายไปบอกสิ หลังจากนั้นอาหญิงและคุณอาก็จะทะเลาะกัน แล้วก็จะทำให้บ้านแตก คุณปู่คุณย่าก็จะโกรธจนเสียสติ คุณลุงคุณป้า และยังมีพ่อแม่ของฉันที่จะต้องไม่สบายใจ นายไปบอกตอนนี้เลยนะ ระวังจะกลายเป็นหมาล่ะ”
เธอไม่ได้กังวลว่าอู่เจิ้งหงจะอาละวาดอะไร และก็ไม่ได้กลัวว่าคุณปู่คุณย่าจะเสียสติอะไร เธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องอยากช่วยจี้เจี้ยนโปด้วย ไม่สิ ต้องบอกว่าช่วยครูเฮ่อ เธอปลื้มครูเฮ่ออยู่ เพราะเธอมองว่าครูเฮ่อไม่ได้เป็นผู้หญิงใจง่ายที่ไหลไปเหมือนสายน้ำ และก็ไม่ใช่เมียน้อยที่หวังว่าจะได้รับผลประโยชน์อะไร
และอีกอย่างจี้เจี้ยโปก็เป็นแค่ครูมหาวิทยาลัยจนๆ คนหนึ่ง จะมีอะไรให้โลภได้ล่ะ
แน่นอนว่าไม่ควรสนใจว่าทั้งคู่จะรักกันจริงหรือแค่เจอกันแล้วเกิดรักสนุกต่อกัน แต่การที่เข้ามาเป็นส่วนเกินในชีวิตแต่งงานของคนอื่นมันก็ไม่ถูกต้อง เหมือนกับอู่เยวี่ยในชาติก่อน
อู่เหมยรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจและในดวงตาส่อประกายออกมาทุกอย่าง เธอหวังว่าครูเฮ่อจะไม่ใช่ผู้หญิงแบบเดียวกับอู่เยวี่ยเป็น และไม่ทำให้เธอผิดหวังที่ช่วยเอาไว้
…………………………………………………………………………………………..