ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 197 ช่วยเธอปกปิดความลับ + ตอนที่ 198 แมลงเม่าบินเข้ากองไฟ
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 197 ช่วยเธอปกปิดความลับ + ตอนที่ 198 แมลงเม่าบินเข้ากองไฟ
ตอนที่ 197 ช่วยเธอปกปิดความลับ
อู่เชาที่ถูกอู่เหมยหลอกให้ตกใจ กลับไม่กล้าที่จะไปฟ้องอะไรอีก เพียงแค่นึกถึงอารมณ์ของอู่เจิ้งหงตอนอาละวาด อู่เชาก็เกิดอาการตัวสั่นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
ไม่รู้ว่านิสัยของอู่เจิ้งหงได้มาจากใคร ราวกับระเบิดเวลาที่ถูกทำให้ขยับ ไม่แน่ว่าอาจจะมีสักช่วงที่ระเบิดขึ้นมาได้เอง อีกทั้งเสมือนกับปลาตอร์ปิโดที่อยู่ในน้ำลึก ไม่เพียงแค่ที่บ้านของตัวเธอเอง แต่ยังรวมถึงพ่อแม่พี่น้องทางฝั่งแม่ของเธอเองก็หลีกเลี่ยงนิสัยแบบนี้ไม่ได้ ทุกครั้งที่อู่เจิ้งหงกับจี้เจียนโปทะเลาะกัน รุนแรงเหมือนจะต้องตายกันข้างหนึ่ง เธอมักจะทำลายข้าวของเครื่องใช้แล้วก็จะหนีกลับไปที่บ้านแม่ตัวเองเพื่อร้องไห้ฟูมฟาย
พ่อตาแม่ยายต่างสงสารลูกสาวของตน แต่ก็กังวลว่าลูกเขยดีๆ อย่างจี้เจี้ยนโปจะหนีไปเสียก่อน จึงได้ให้สองพี่น้องอย่างอู่เจิ้งเต้ากับอู่เจิ้งซือไปเกลี้ยมกล่อมจี้เจี้ยนโป และได้ไหว้วานให้ลูกสะไภ้ทั้งสองอย่างตี๋ชิวเยวี่ยและเหอปี้อวิ๋นไปอบรมสั่งสอนอู่เจิ้งหงเกี่ยวกับหน้าที่หลักของภรรยา
สรุปแล้ว อู่เจิ้งหงก็คือพระโพธิสัตว์ที่ยังมีชีวิต และเป็นดั่งพระโพธิสัตว์ที่มีสภาพจิตแปรปรวนง่าย พอได้ออกอาการอย่างน้อยต้องใช้เวลาเป็นครึ่งเดือนกว่าจะสงบลงได้ ทั้งครอบครัวก็ต้องคอยดูแลไม่ให้มีเรื่องส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจเธอจนอ่อนแอ
อู่เหมยเหล่ตามองอู่เชาก็รู้ได้ทันทีว่านายนี่กลัวอู่เจิ้งหง ในเวลานี้ทางฝั่งจี้เจี้ยนโปใกล้จะเข้ามาถึงที่นี่แล้ว อู่เหมยคิดแล้วคิดอีกเธอจึงเดินนำหน้าพวกเขาไปก่อน ทำให้อู่เชาตกใจเป็นอย่างมากและวิ่งก้าวเล็กๆ ตามเธอไป
“เธอบอกว่าไม่ให้ฉันเข้าไปทัก แต่เธอก็เข้าไปเอง อู่เหมยเธอหมายความว่าไง!”
อู่เหมยยิ้มหวานพราวเสน่ห์และกระดิกนิ้วเรียกเขา อู่เชารู้สึกอึดอัดใจขึ้นว่า ยัยบ้านี่กล้าดียังไงมากระดิกนิ้วเรียกเขา!
เขาเดินตามอยู่ด้านหลังด้วยความอับอายและโมโหเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็อยากจะรู้ว่ายัยบ้านี่คิดจะทำอะไรกันแน่!
“คุณอา ครูเฮ่อ จะไปทำธุระกันเหรอคะ?” อู่เหมยเดินไปหยุดตรงหน้าของทางจี้เจี้ยนโป พร้อมทั้งเรียกออกไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ อู่เชาเองก็ตามเข้าไปทักทายด้วย
เดิมทีจี้เจี้ยนโปและเฮ่อเหวินจิ้งกำลังตกลงกันถึงสถานที่และช่วงเวลาที่จะนัดเดทในครั้งต่อไป นึกไม่ถึงว่าจะบังเอิญมาเจออสูรน้อยทั้งสองแบบนี้ เขาตกใจจนหน้าซีดเซียวและได้เงียบลงในทันที
เมื่อเขารู้สึกตัวจึงได้มองออกไปรอบด้าน อู่เหมยรู้ดีว่าเขากำลังมองหาใครอยู่ เธอจึงลอบยิ้มและพูดขึ้นอย่างมีเจตนา “พี่เหวินฮุ่ยกลับบ้านไปแล้วค่ะ หนูกับอู่เชาเลยมาซื้อขนมเปี๊ยะกินแถวๆ นี้”
จี้เจี้ยนโปรู้สึกโล่งใจและใบหน้าก็ดูเป็นปกติขึ้น ลูกสาวของเขาไม่อยู่ก็ดีแล้ว เขาตั้งใจเว้นระยะห่างจากครูเฮ่อเล็กน้อย พร้อมกับยิ้มและพูดขึ้น “นี่คือเพื่อนร่วมงานของอา เราเจอกันโดยบังเอิญน่ะ เธอแซ่เฮ่อ พวกเธอเรียกว่าครูเฮ่อก็แล้วกัน”
อู่เหมยยิ้มตาหยีและพูดออกไป “สวัสดีค่ะครูเฮ่อ”
ครูเฮ่อยิ้มออกมาอย่างฝืนใจ เธอนึกไม่ถึงเลยว่าเด็กนักเรียนที่กำลังรับเข้ามาใหม่จะเป็นหลานสาวของจี้เจี้ยนโป อู่เหมยจะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับอาหญิงของเธอไหมนะ หากแม่เสือนั่นรู้เข้าคงต้องมาวุ่นวายกับหน้าที่การงานของเธอเป็นแน่
ครูเฮ่อเริ่มรู้สึกกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ และมองไปทางจี้เจี้ยนโปอย่างตื่นตระหนก แต่จี้เจี้ยนโปกลับไม่ได้มีท่าทีลนลานใดๆ ครั้งก่อนอู่เหมยก็ช่วยเขาปกปิดไปแล้ว มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง ซึ่งครั้งนี้เธอเองก็คงจะต้องช่วยอีกแน่นอน เหลือแต่อู่เชาที่ดูจะวุ่นวายเอาการ
อู่เหมยยิ้มขึ้นอีกครั้งและพูด “คุณอาคะ หนูมาเรียนวาดรูปกับครูเฮ่อ เพียงแต่พ่อกับแม่ไม่เห็นด้วย หนูจึงต้องแอบพวกท่านมาเรียน คุณอาต้องช่วยหนูเก็บเรื่องนี้เป็นความลับนะคะ!”
จี้เจี้ยนโปไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลยสักนิดกับลักษณะนิสัยของสองสามีภรรยาแบบอู่เจิ้งซือ คงแปลกถ้าพวกเขาจะเห็นด้วยได้ แต่ที่เขาแปลกใจก็คือทำไมอู่เหมยจะต้องบอกเรื่องนี้กับเขา แต่เมื่อมองรอยยิ้มของอู่เหมยที่แฝงด้วยความหมายบางอย่าง เขาก็เข้าใจได้ในทันที สมกับเป็นเจ้าเด็กดื้อจอมฉลาดจริงๆ
“เรียนวาดรูปเป็นเรื่องที่ดี อู่เหมยไม่ต้องกังวลนะ อาจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร”
“ขอบคุณคุณอามากนะคะ คุณอากับครูเฮ่อไปทำธุระกันต่อเถอะ หนูกับอู่เชาจะกลับบ้านแล้ว” อู่เหมยโบกมือลาพวกเขา ออกแรงลากตัวอู่เชาที่ยังคงมึนงงกับสถานการณ์ตามกลับมาด้วย และยังแอบขยิบตาส่งไปให้ทางจี้เจี้ยนโป
“กลับบ้านดีๆ ล่ะ!”
จี้เจี้ยนโปเองก็ส่งยิ้มให้และโบกมือลา พร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก หลานสาวของเขาที่แท้พอโตขึ้นก็เปลี่ยนแปลงไปมากทั้งหน้าตาและอุปนิสัย
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 198 แมลงเม่าบินเข้ากองไฟ
เฮ่อเหวินจิ้งถามออกไปด้วยความกลัว “เจี้ยนโป พวกเขากลับบ้านไปจะพูดเรื่องนี้ไหม? ภรรยาของคุณจะต้องมาตามรังควานฉันแน่ๆ ฉันกลัวค่ะ!”
จี้เจี้ยนโปใช้มือตบเบาๆที่ไหล่ของเธอ และพูดปลอมอย่างอ่อนโยน “เหวินจิ้งไม่ต้องกังวลนะ เหมยเหมยพวกเขาจะไม่บอกใครแน่นอน เธอดูสิว่าอู่เหมยได้บอกความลับของตัวเองออกมาแล้วด้วย แล้วจะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับที่บ้านได้ยังไงล่ะ”
เฮ่อเหวินจิ้งเห็นถึงท่าทีมั่นใจของจี้เจี้ยนโปก็รู้สึกสบายใจขึ้น แต่แค่แวบเดียวหัวคิ้วก็ผูกเข้าหากันแน่นและพูด “แต่ยังมีเด็กผู้ชายคนนั้นอีกนะ เขากลับไปจะบอกเรื่องนี้กับใครไหม?”
“ไม่พูดหรอก อู่เหมยจัดการเสี่ยวเชาได้ อีกอย่างเสี่ยวเชาเองก็ไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเรา เธอสบายใจได้เลย” แม้ว่าจี้เจี้ยนโปจะทำการปลอบเฮ่อเหวินจิ้ง แต่นั่นก็เป็นการปลอบตัวเขาเองด้วย
เขากับเฮ่อเหวินจิ้งแค่มาเดินช๊อปปิ้งเท่านั้นเอง ไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่ดูเกินเลย อู่เชาคงจะไม่ได้คิดไปไกล สร้างสมกำลังใจให้ตัวเองได้สักพักเขาก็ไม่ได้รู้สึกกังวลต่ออะไรแล้ว
อย่างมากก็แค่หย่ากับอู่เจิ้งหง แน่นอนว่านั่นคือแผนการต่อไปของเขา เพียงแต่ในตอนนี้ยังไม่ใช่จังหวะที่จะหย่าได้ เขาไม่อยากเป็นดั่งเรือล่มเมื่อจอด มิเช่นนั้นหลายปีมานี้ที่เขาทนมามันจะมีความหมายอะไร!
“เหวินจิ้ง เธออดทนอีกหน่อยนะ รอให้ฉันได้เป็นรองศาสตราจารย์ ฉันจะหย่ากับอู่เจิ้งหง ต่อไปนี้เราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันอย่างถูกต้องและเปิดเผย” จี้เจี้ยนโปพูดขึ้น
เฮ่อเหวินจิ้งยิ้มออกมาอย่างเจ็บปวด รักคนที่ไม่ควรจะรัก เธอรู้ว่าตัวเองผิดแต่ก็ไม่สามารถควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้ ราวกับเธอเป็นดั่งแมลงเม่าที่บินเข้าไปสู่กองไฟ โถมตัวเข้าไปหาไฟที่ร้อนลุ่มอย่างไม่กลัวตาย จนต้องมอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน
“เจี้ยนโป ฉันรู้จักคุณมาสองปีแล้ว คำพูดนี้คุณก็พูดมาตลอดสองปี”
จี้เจี้ยนโปไม่สามารถปกปิดสีหน้าตัวเองได้ จึงยิ้มออกไปอย่างละอายใจ อยากจะพูดแก้ตัวออกไปบ้างแต่ยังไม่ทันได้อ้าปากพูด เฮ่อเหวินจิ้งก็ถอนหายใจและพูดอย่างอ่อนโยน “ฉันจะกลับบ้านแล้ว คุณกลับไปก่อนเถอะ”
“แล้วสัปดาห์หน้าเราสองคน……” จี้เจี้ยนโปถามขึ้น
เฮ่อเหวินจิ้งพูดอย่างเย็นชา “สัปดาห์หน้าค่อยว่ากันค่ะ”
จี้เจี้ยนโปมองตามคนรักที่เดินไปฝั่งตรงข้าม ยิ่งเดินยิ่งห่างออกไปเรื่อยๆจนลับตา เขาทุบขมับตัวเองเบาๆพรางนึกว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เดทดีๆทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้
พอนึกได้ว่าจะต้องกลับบ้านไปเจอกับคนไม่มีความน่าสนใจอย่างอู่เจิ้งหง ในใจของเขาก็ดับมืดลงในทันที หากกล่าวว่าเฮ่อเหวินจิ้งคืออาหารชั้นเลิศของหวาเซี้ย อู่เจิ้งหงก็คงเป็นอาหารอินเดียที่เละเทะอย่างอาซาน แค่เห็นก็ทำให้ไม่เกิดความอยากอาหาร
อาซานเป็นเมนูหนึ่งที่ต่อให้ปรุงรสอย่างไรหน้าตาที่ออกมาก็จะธรรมดาๆ ซึ่งอู่เจิ้งหงต่อให้มีเสื้อผ้าที่ดีขนาดไหน เมื่อสวมใส่บนตัวของเธอแล้วก็ดูจะให้ความรู้สึกเหมือนใส่เสื้อตัวใหญ่ที่บุด้วยปุยฝ้าย หรือเรียกได้ว่าใส่ชุดที่ไม่ได้ซักมานานเป็นสิบกว่าปี
เฮ้อ!
จี้เจี้ยนโปถอนหายใจและหันกลับไปทางบ้านตัวเองด้วยความอดสู ต่อให้เขาจะไม่ชอบอู่เจิ้งหง แต่ยังไงก็ต้องกลับบ้าน และอีกอย่างตำแหน่งรองศาสตร์ตราจารย์ของเขายังต้องได้พึ่งใบบุญของพ่อตาและพี่ชายคนโตของภรรยาด้วย!
อู่เหมยลากอู่เชาออกมาหลบซ่อนอยู่ในตรอกซอยเล็กๆ จี้เจี้ยนโปกับเฮ่อเหวินจิ้งแยกทางกันเดินไปแล้ว สีหน้าท่าทางเศร้าสลดและหม่นหมองของเขาอยูในสายตาของเธอทั้งหมด
“เหมยเหมย คุณอากับผู้หญิงคนนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ” อู่เชาพูดด้วยความมั่นอกมั่นใจ
อู่เหมยมองเขาอย่างเอือมระอา ไร้สาระ เรื่องจริงที่เกิดขึ้นนี้หากไม่ใช่คนตาบอดทุกคนก็คงเข้าใจได้
“นี่ เมื่อกี้เธอบอกว่าไม่ให้ฉันเข้าไปทักไม่ใช่เหรอ? แล้วทำมเธอถึงวิ่งเข้าไปล่ะ?” อู่เชาเริ่มที่จะคิดบัญชีเธอคืน
อู่เหมยจึงมองเขาด้วยความระอาอีกครั้ง และพูดด้วยอารมณ์โมโห “ฉันเข้าไปทักครูเฮ่อไม่ได้หรือไง?”
ตอนแรกอู่เชาก็พยักหน้าเห็นด้วย แต่เขากลับต้องส่ายหน้า และจ้องมองอู่เหมมยอย่างไม่พอใจ ยัยเด็กบ้านี่เริ่มจะทำให้เขาสับสนอีกแล้ว ครูกับคุณอาอยู่ด้วยกัน ถ้าเข้าไปทักครูก็เท่ากับว่าเข้าไปทักคุณอาเหมือนกัน!
…………………………………………………………………………………………..