ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 199 มันเกี่ยวอะไรกับฉัน + ตอนที่ 200 ข่าวดี
ตอนที่ 199 มันเกี่ยวอะไรกับฉัน
อู่เหมยไม่อยากจะอธิบายอะไร เธอเองก็มีขอบเขตของตัวเอง ความสัมพันธ์ของครูเฮ่อกับจี้เจี้ยนโปเป็นแบบนี้ และเธอก็ต้องไปเรียนวาดรูปกับครูเฮ่อที่นั่น ต้องมีสักวันที่ความจริงถูกเปิดเผย แต่ก็ไม่ใช่ในตอนนี้
และเธอเองก็อยากจะหาคนในบ้านตระกูลอู่มาช่วยสนับสนุน ลำพังพละกำลังและความสามารถของเธอมีไม่เพียงพอ ตี๋ชิวเยวี่ยเป็นคนฉลาดเพียบพร้อม แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยแข็งกร้าวและเป็นคนคิดรอบครอบเสมอ เหลือเพียงแค่จี้เจี้ยนโปแล้วล่ะ
เพียงแค่เธอกับจี้เจี้ยนโปมีความลับที่เหมือนกัน แบบนั้นพวกเขาก็คงต้องลงเรือลำเดียวกันแล้วล่ะ!
“ยังไงนายกลับไปแล้วอย่าปากพล่อยก็พอ” เธอเหลือบมองหน้าดำๆ อ้วนๆ ของอู่เชาที่กำลังทำหน้าไม่พอใจอยู่และพูดขึ้น “แต่ถ้านายจะพูดออกไปก็คงไม่เป็นไร คุณอาแค่ไปเดินชอปปิงกับเพื่อนร่วมงานก็เท่านั้น ไม่มีอะไรที่ร้ายแรง”
อู่เชาตะโกนออกไปอย่างสุดจะทน “ถ้าไม่ใช่เรื่องร้ายแรงแล้วทำไมเธอถึงไม่อยากให้ฉันพูด?”
เฮ้อ! คิดเสียว่าเขาโง่ก็แล้วกัน!
อู่เหมยยักไหล่ส่งให้เขาและพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “ถ้างั้นนายกลับไปก็พูดเรื่องนี้สิ เพราะถึงยังไงฉันก็ไม่รู้อะไรด้วย ถึงเวลานั้นคุณอาคงจะไม่ปล่อยนายไว้แน่ และยังมีจี้เหวินฮุ่ย…”
เธอยังพูดได้ไม่ทันจบอู่เชาก็ตกใจจนตัวสั่น พลางคิดได้ในทันทีว่าอู่เจิ้งหงเป็นโรคประสาท จี้เหวินฮุ่ยเองก็ไม่ค่อยปกติ ทั้งสองแม่ลูกมีพฤติกรรมที่น่าเอือมระอา
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงปากมาก คุณอากับเพื่อนไปเดินชอปปิงกันมันเกี่ยวอะไรกับฉัน ฉันกลับบ้านล่ะ”
อู่เชาหน้าดำคร่ำเครียดและหันตัวกลับไปยังทางกลับบ้าน ยัยบ้าอู่เหมยนี่นับวันยิ่งมีเล่ห์เหลี่ยมมากขึ้น เธอจะต้องรู้ถึงสถานการณ์ภายในแน่ๆ มิเช่นนั้นก่อนหน้านี้ยัยบ้านี่จะทำตัวใจเย็นได้แบบนี้เหรอ?
ความฉลาดในหัวเริ่มปรากฏ อู่เชานึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านของปู่กับย่าในวันครูได้กะทันหัน อู่เยวี่ยพูดว่าคุณอาไปเดินที่ตลาดหนานสุ่ยกับคนอื่น ในตอนนั้นสีหน้าท่าทางของคุณอาดูแปลกไป ดูยังไงก็เหมือนขาดความมั่นใจในตัวเอง เพียงแต่อู่เหมยบอกว่าไม่เห็นทุกคนเลยไม่มีใครสืบสาวราวเรื่องต่อ แต่ตอนนี้มาคิดดูดีๆ แล้วแสดงว่าวันนั้นอู่เหมยพูดโกหกออกไป
วันนั้นคุณอาไปเดินที่ตลาดหนานสุ่ยกับคนอื่นจริงๆ หากไม่เกินไปจากที่คิดไว้ก็คงเป็นครูเฮ่อ มิน่าล่ะที่เมื่อครู่ยัยบ้านั่นเจอกับพวกคุณอาถึงได้มีท่าทีแปลกๆ พออู่เชาใจเย็นลงในหัวของเขาก็โล่งราวกับเลือดลมไหลเวียนได้ดี ในเวลาอันน้อยนิดก็สามารถนึกถึงกุญแจสำคัญที่มีอยู่ขึ้นมาได้ อารมณ์ความรู้สึกก็เพิ่มทวีคูณขึ้นมา
ยัยบ้านั่น อุตส่าห์ชมว่าเขาปฏิบัติต่อเธออย่างจริงใจจนเขาต้องยกเนื้อกระป๋องให้เธอ นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะปิดบังเขาทุกเรื่อง กล้าทำแบบนี้ได้อย่างไร!
อู่เหมยได้เดินแยกไปทางห้องเรียนเยาวชน ฝั่งสยงมู่มู่เองก็คงใกล้จะเลิกเรียนแล้ว อู่เชาที่อยู่ด้านหลังของเธอตะโกนด่าด้วยความโกรธ “อู่เหมยหยุดอยู่ตรงนั้นนะ!”
เจ้าเด็กอ้วนโมโหจนหน้าดำหน้าแดง เขาลงน้ำหนักเดินและสาวเท้ายาวๆ ตามมา อู่เหมยเองก็ยักคิ้วหลิ่วตามองอย่างแปลกใจ เลือดลมช่องไหนไหลเวียนผิดปกติอีกล่ะ?
“เธอเคยเจอคุณอาอยู่กับครูเฮ่อมาก่อนใช่ไหม? ครั้งนั้นที่ตลาดหนานสุ่ย อู่เยวี่ยเองก็เห็นเช่นเดียวกัน” สีหน้าของอู่เชาบ่งบอกได้ว่า ‘ฉันรู้ทุกอย่าง’ อย่างพึงพอใจ
อู่เหมยเหลือบมองเขาแค่แวบเดียว ฉลาดจริงๆ เลย แค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็คิดออกแล้ว เหอะ! เกลียดที่สุดพวกคนฉลาด!
“ตลาดหนานสุ่ยอะไร? นายสมองกระทบกระเทือนหรือไง? ฉันจะไปห้องเรียนเยาวชนแล้ว” อู่เหมยยังคงยืนหยัดที่จะไม่ยอมรับและรีบสาวเท้าเดินให้เร็วขึ้นเพื่อให้ไปถึงห้องเรียนเยาวชน อู่เชาเองก็วิ่งตามอยู่ด้านหลังอย่างเหนื่อยหอบ
“อู่เหมยเธอทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง ทั้งที่วันนั้นเธอเห็นแต่ทำไมไม่พูดออกไป? คุณอาทำแบบนี้เป็นสิ่งที่ผิดต่ออาหญิงมากด้วย” อู่เชาไม่พอใจมากต่อความไม่เป็นธรรม
อู่เหมยหัวเราะอย่างเยือกเย็น “ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น คนที่เห็นคืออู่เยวี่ย นายไปเทศน์ให้เธอฟังนู่น”
“อู่เยวี่ยสายตาไม่ดี มองเห็นไม่ชัด”
“เหลวไหล ตาทั้งสองข้างของเธอมีระยะแค่สองจุดห้า จะสายตาไม่ดีได้ยังไง?”
อู่เหมยที่นึกถึงอู่เยวี่ยขึ้นมาได้ก็เกิดความโมโหขึ้น ในเวลาเดียวกันก็มองอู่เชาด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรและพูดออกไปอย่างเย็นชา “ต่อให้ฉันเห็นจริงๆ แล้วจะทำไม? นั่นมันเรื่องของที่บ้านคุณอา ทำไมฉันจะต้องออกแรงทำเรื่องที่ไม่เป็นผลดีต่อตัวเองด้วย? ถ้าหากว่าฉันพูดออกไป อาหญิงเขาจะขอบคุณฉันหรือว่าจี้เหวินฮุ่ยจะขอบคุณฉันเหรอ?”
เธอมองอู่เชาด้วยความเยือกเย็น อู่เหมยเดินข้ามถนนและค่อยๆ ห่างออกไปเรื่อยๆ จนลับตาไม่มีแม้แต่เงา
อู่เชายืนอยู่กับที่อย่างคนโง่ เมื่อครู่ในดวงตาของอู่เหมยเต็มไปด้วยความเยือกเย็นเหน็บหนาว ความหนาวกัดไปจนถึงขั้วของหัวใจเขา แม้จะมีแสงแดดคอยส่องแสงแต่เขากลับรู้สึกหนาวจนตัวสั่น
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 200 ข่าวดี
อยู่เชายังคงยืนเหม่อลอยอยู่ที่เดิมได้สักพักจนความรู้สึกหนาวเหน็บในใจค่อยๆ จางหายไป เขาถึงได้ค่อยๆ เดินกลับไป เมื่อครู่อู่เหมยเป็นอะไรไป? พอพูดถึงอู่เยวี่ยทำไมเธอถึงได้มีท่าทีแบบนั้น? รวมทั้งอาหญิงกับจี้เหวินฮุ่ยด้วย ราวกับว่าเธอมีเรื่องขุ่นเคืองแค้นใจอย่างฝังลึก
อู่เหมยเธอเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เปลี่ยนไปจนเขาไม่สามารถจะอ่านใจเธอได้เลย อู่เชาถอนหายใจและไม่ยอมจมปลักอยู่กับความเงียบ แต่สุดท้ายก็ได้ระเบิดออกจากห้วงแห่งความเงียบงัน
เพียงแค่ไม่รู้ว่าคนประเภทไหนที่จะถูกดึงเข้าไปพัวพันด้วย แต่ถึงยังไงก็ไม่ใช่เขา ช่วงนี้ความสัมพันธ์ของเขาและอู่เหมยถือว่าไปได้ดี อีกทั้งเขายังยกเนื้อกระป๋องให้กับอู่เหมยไปแล้วด้วย!
ช่วงอารมณ์อ่อนไหวของวัยรุ่นมักจะมาไวและหายไปได้ไวเช่นกัน อู่เชาเองที่ใจลอยก็กลับมาอยู่ในลักษณะเดิมอีกครั้ง เขาหยิบเอาขนมเปี๊ยะไส้รากบัวที่ยังกินไม่หมดที่ได้ซ่อนไว้ในกระเป๋าออกมา และลงมือกินต่ออย่างเอร็ดอร่อย
ส่วนเรื่องฉาวของจี้เจี้ยนโปนั้น อู่เชาได้ลืมและทิ้งมันไปแล้ว ผู้หญิงอย่างอู่เยวี่ยและอู่เหมยยังไม่พูด แล้วผู้ชายอกสามสอกแบบเขาจะทำตัวเป็นบ่างช่างยุได้อย่างไร?
อู่เหมยรอให้สยงมู่มู่เลิกเรียนแล้วกลับบ้านพร้อมกัน เธอปั่นจักรยานได้ไวกว่าปกติมากโดยไม่รู้ตัว เธออยากรู้ถึงสถาณการณ์ของอู่เยวี่ยจนอดใจรอไม่ไหว ทั้งกลิ่นเต่าเหม็นๆ และไหนจะอาการท้องเสียอีก เป็นทั้งสองอย่างพร้อมกัน ต่อให้อู่เยวี่ยจะเป็นเทพเซียนลงมาจุติก็เกรงว่าจะสอบให้ได้คะแนนดีๆ ยาก!
สยงมู่มู่ที่เห็นท่าทีของเธอก็รู้ได้ทันทีว่าในใจเธอคิดอะไรอยู่ นึกถึงสภาพจนตรอกของอู่เยวี่ยในช่วงกลางวัน เขาจึงรู้สึกสั่นไปทั้งตัว ที่แท้จิตใจของพวกผู้หญิงไม่ใช่แค่คับแคบ แต่ยังโหดเหี้ยมอีกด้วย
“นี่ ต่อไปอย่าทำเรื่องต่ำช้าพวกนี้อีก หากเราจะเอาชนะก็ต้องชนะด้วยความบริสุทธิ์ ทำให้อู่เยวี่ยยอมรับในเหตุผลและความสามารถ” สยงมู่มู่เตือนจนปากเปียกปากแฉะ เขาไม่ได้เต็มใจจะให้อู่เหมยทำเรื่องเลวๆ แบบนี้
อู่เหมยหัวเราะเยาะ “ฉันแค่ต้องการให้อู่เยวี่ยแพ้ก็พอ เธอจะยอมรับในเหตุผลและความสามารถหรือไม่ฉันไม่สนใจ”
เธอยอมรับว่าตัวเธอใช้วิธีการที่ไม่ถูก แต่แล้วจะทำไม?
เมื่อเทียบกับก่อนหน้านั้นที่อู่เยวี่ยได้ทำกับเธอไว้ ต่อให้เธอทำเรื่องเลวๆ สักร้อยเท่าก็ไม่เกินไปหรอก!
ความเจ็บปวดของเธอ ความเจ็บปวดของลูก เธอจะค่อยๆ เรียกคืนจากอู่เยวี่ยทีละนิด เป็นร้อยเท่าพันเท่าหมื่นเท่า!
สยงมู่มู่รับรู้ได้ถึงความผิดปกติของอู่เหมย มองเธออย่างแปลกใจและถามขึ้น “แม้ว่าคนอย่างอู่เยวี่ยจะไม่อะไรมาก แต่ถึงยังไงก็คือพี่สาวของเธอ ถือว่าทำแค่พอควรก็ต้องหยุดได้แล้ว อย่าให้มันเลยเถิดไปกว่านี้เลย เธอจะได้ไม่รู้สึกเสียใจในภายหลัง”
“อะไรนะ เสียใจในภายหลัง? ต่อให้อู่เยวี่ยตายอยู่ตรงหน้าฉัน แค่หนังตาฉันก็จะไม่กะพริบเลยล่ะ!” อู่เหมยยิ้มอย่างเย็นชาเท่านั้น ในขณะเดียวกันเธอเพิ่งรู้สึกตัวได้ว่าได้พลั้งปากพูดออกไป จึงได้พูดแก้คำ “ฉันแค่ล้อนายเล่นเอง ฉันก็แค่ไม่ชอบที่ทุกวันนี้อู่เยวี่ยเอาแต่ทำตัวหยิ่งยโสเรื่องคะแนนสอบต่อหหน้าฉันเท่านั้นเอง ก็แค่อยากเห็นเธอโชคร้ายบ้าง ส่วนเรื่องอื่นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน”
อู่เหมยรู้สึกว่าตัวเองทำพลาดเพราะเมื่อครู่เธอรู้สึกตื่นเต้นเกินไป จนเกือบทำให้ดูมีพิรุธแล้ว สยงมู่มู่ไม่เคยรู้เรื่องบุญคุณหรือความแค้นใดๆ ระหว่างเธอกับอู่เยวี่ยมาก่อน เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่เข้าใจถึงความแค้นที่เธอมีต่ออู่เยวี่ย ต่อไปเธอจะต้องระวังตัวให้มากกว่านี้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สยงมู่มู่รู้เรื่องความลับของเธอ
ก่อนหน้านี้สยงมู่มู่ได้ถูกอู่เหมยทำให้ตกใจ แต่ก็ถูกเธอปลอบใจได้ในเวลาเดียวกันจึงไม่ได้คิดมากอะไร กระทั่งคิดว่าตัวเขาเองคิดมากไป อู่เหมยก็แค่ไม่พอใจกับคะแนนของอู่เยวี่ยเท่านั้นเอง จะมีความคิดโหดเหี้ยมแบบนั้นได้ยังไง?
อู่เหมยแยกกับสยงมู่มู่และเดินกลับเข้าบ้านไปพร้อมกับความคาดหวังบางอย่าง อาจารย์แม่จางกำลังทำกับข้าวอยู่ พอมองเห็นเธอก็ยิ้มให้อย่างอบอุ่นและพูดเตือน “เกิดเรื่องขึ้นกับพี่สาวของเธอเล็กน้อย ครูเหอเองก็อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก”
“ขอบคุณค่ะครูแม่จาง!”
อู่เหมยยิ้มให้พร้อมกับพูดขอบคุณ ใบหน้าไม่ได้ปรากฏสิ่งใด แต่ในใจของเธอกลับรู้สึกดีใจจนเนื้อเต้น ดูเหมือนสถานการณ์ของอู่เยวี่ยจะเยี่ยมมากเลย!
ฮ่าๆ ช่างเป็นข่าวดีจริงๆ เย็นนี้ต้องกินข้าวเยอะๆ หน่อยแล้ว
…………………………………………………………………………………………..