ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 201 สะใจ + ตอนที่ 202 เป็นความผิดของเนื้อทั้งหมด
ตอนที่ 201 สะใจ
อู่เยวี่ยไม่ได้อยู่ที่ห้องรับแขก เธออยู่ในห้องน้ำเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว ไม่ง่ายเลยกว่าจะทนสอบเสร็จ อู่เยวี่ยไม่รู้เลยว่าเธอกลับมาได้อย่างไร กลับมาถึงเธอก็เข้าห้องน้ำเลย พอได้นั่งก็ไม่ได้ลุกขึ้นอีกเลย
“เยวี่ยเยวี่ย เป็นอะไรไปลูก? ลูกอย่าทำให้แม่ตกใจสิ!” เหอปี้อวิ๋นยืนตกใจอยู่หน้าประตูห้องน้ำด้วยสีหน้ากังวล
“แม่…”
อู่เยวี่ยไม่มีแม้แต่แรงจะพูด ท้องเจ็บเหมือนโดนมีดแทง หัวก็ปวดและรู้สึกวิงเวียนอย่างรุนแรง น่าจะเป็นเพราะตอนเช้าสระผมด้วยน้ำเย็นแน่นอน แต่อู่เยวี่ยไม่ได้กังวลกับเรื่องพวกนี้ ท้องเสียกับปวดหัวยังมีโอกาสที่จะดีขึ้น แต่กลิ่นเหม็นแปลกๆ บนหัวเธอนี่สิกลับทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าฟ้ากำลังถล่มลงมา
เห็นได้ชัดว่ากลิ่นหายไปแล้ว แต่ทำไมถึงมีกลิ่นขึ้นอีกครั้งได้?
ตอนกลางวันเพื่อนๆ ที่อยู่รอบๆ ต่างเยาะเย้ยเสียดสี อีกทั้งสายตาของพวกเขาก็มองมาอย่างแปลกๆ ราวกับเป็นมีดแหลมคมที่เสียบกลางใจของเธออย่างเหี้ยมโหด เจ็บจนชาไปหมด
ส่วนผลการสอบเดือนนี้ อู่เยวี่ยไม่กล้าจะนึกถึงเลย ตอนที่ทำถึงตอนท้ายแม้แต่หัวข้อเธอก็อ่านไม่เข้าใจอีกต่อไป ในการทำข้อสอบก็ทำไปตามความรู้สึกทั้งหมด เธอไม่รู้เลยว่าตัวเธอเองเขียนอะไรไปบ้าง เรื่องคะแนนนั้นแค่คิดก็รู้ผลแล้ว
แต่อู่เยวี่ยก็ไม่ได้หมดกำลังใจ วันนี้เธอเพิ่งสอบวิชาวรรณกรรม คณิตศาตร์ ภาษาอังกฤษ และชีววิทยาเพียงสี่วิชา พรุ่งนี้เธอยังมีสอบวิชาฟิสิกส์ วิชาเคมี ประวัติศาตร์ ภูมิศาตร์ และรัฐศาสตร์อีกห้าวิชา ขอแค่พรุ่งนี้เธอพยายามทำอย่างเต็มที่ เธอก็ยังจะรักษาอันดับหนึ่งไว้ได้ ถึงอย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่สอบเธอจะมีคะแนนห่างจากที่สองประมาณสิบกว่ายี่สิบกว่าคะแนนเอง!
ตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือต้องรีบดูแลร่างกายให้กลับมาแข็งแรง พยายามทำให้สภาพจิตใจพร้อมกับการสอบวันพรุ่งนี้
อู่เยวี่ยทำใจให้สงบนิ่ง ทำจิตใจให้เข้มแข็ง ใส่กางเกงด้วยความอ่อนแรง ออกมาอย่างทุลักทุเล ใบหน้าที่ขาวซีดทำให้เหอปี้อวิ๋นตกใจเป็นอย่างมากและถามไม่หยุด
“แม่ หนูท้องเสียมาทั้งวัน หัวก็ปวดมาก อีกอย่างผมก็มีกลิ่นอีกแล้ว เพื่อนๆ หัวเราะเยาะหนูทั้งวันเลย ฮือ…”
อู่เยวี่ยฟุบตัวลงบนโต๊ะร้องไห้ด้วยความเสียใจ เธอเสียใจจริงๆ ไม่ได้แสดงละครเลยสักนิด เหอปี้อวิ๋นเองก็พลอยหัวใจสลายดึงอู่เยวี่ยมาตบหลังเบาๆ
“เยวี่ยเยวี่ยที่น่าสงสาร ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้? เมื่อเช้าก็ยังดีๆ อยู่เลย!” เหอปี้อวิ๋นคิดอยู่นานแต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้
อู่เจิ้งซือขมวดคิ้ว กลุ้มใจเป็นอย่างมาก ในช่วงนี้ลูกสาวคนโตของเขาสถานการณ์ไม่ค่อยปกติ เมื่อไม่นานมานี้กลิ่นเหม็นเพิ่งจะหายไป พอถึงเวลาสอบกลิ่นก็กลับมาเหม็นอีกแล้ว อีกทั้งยังเป็นหวัดแล้วก็ท้องเสีย พอถึงเวลาสำคัญก็ทำเสียเรื่องตลอด
“พี่ก็ท้องเสียเหมือนกันเหรอ? วันนี้หนูก็รู้สึกปวดท้องเหมือนกัน เข้าออกห้องน้ำหลายรอบเลย“ อู่เหมยเดินจับท้องเข้ามาในห้อง แสดงท่าทางเหมือนไม่สบาย
เหอปี้อวิ๋นพูดด้วยความโกรธ “แกเข้ามาวุ่นวายอะไร? ยังไม่รีบไปทำกับข้าวอีก!“
อู่เหมยไม่ได้สนใจท่าทีของเหอปี้อวิ๋นเลยสักนิด ถึงอย่างไรแล้วตอนนี้เธอก็ไม่ได้สนใจกับความรักของพ่อแม่อีกแล้ว โดยเฉพาะตอนนี้เมื่อเห็นอู่เยวี่ยมีท่าทางเศร้าใจ เธอก็รู้สึกสะใจเป็นอย่างมาก
“โอยย… หนูปวดท้องอีกแล้ว พ่อคะ หนูคิดว่าจะต้องเป็นเพราะอาหารเช้าที่แม่ทำเมื่อเช้าทำพิษแน่ๆ ไม่อย่างนั้นหนูกับพี่จะท้องเสียทั้งคู่ได้ยังไง?”
อู่เหมยพูดไปก็วิ่งเข้าห้องน้ำไปด้วย อู่เจิ้งซือมีท่าทางเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ มองเหอปี้อวิ๋นด้วยท่างทางสงสัย ใบหน้าของเหอปี้อวิ๋นค่อยๆ เปลี่ยนสีและพูดออกมาอย่างโมโหว่า “คุณอู่อย่าฟังคำพูดไร้สาระของเหมยเหมยมัน ถ้าอาหารมีปัญหาจริง ทำไมฉันกับคุณถึงไม่เป็นอะไรเลย?”
อู่เจิ้งซือคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าใช่ อาหารเช้าที่กินกันก็กินเหมือนกันทั้งบ้าน ถ้าเกิดจะเป็นอะไรทุกคนก็ต้องเป็นด้วยกันหมดสิ อู่เหมยยืนในห้องน้ำได้ครู่นึงจึงกดชักโครก หัวเราะอย่างพอใจพลางเปิดประตูพร้อมกับพูดเติมเชื้อไฟเข้าไปอีกว่า “อาจจะเป็นเพราะว่าหนูกับพี่สาวภูมิต้านทานไม่ค่อยดีก็เป็นได้ แต่เมื่อเช้าหนูกินซาลาเปาไส้เนื้อก็รู้สึกว่ารสชาติแปลกๆ พ่อคะ พ่อไม่รู้สึกเหรอ?”
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 202 เป็นความผิดของเนื้อทั้งหมด
อู่เจิ้งซือเดิมก็ไม่ได้รู้สึกว่าซาลาเปาเมื่อเช้านั้นมีปัญหา แต่พออู่เหมยพูดขึ้นมา บวกกับลูกสาวทั้งสองยังไม่สบายอีก โรคขี้ระแวงของอู่เจิ้งซือก็เริ่มกลับมทำงานอีกครั้ง ท้ายสุดก็รู้สึกว่าซาลาเปามีรสชาติที่ไม่ปกติจริงๆ และยิ่งมองไปที่เหอปี้อวิ๋นที่ทำหน้าไม่เป็นธรรมชาติ ความสงสัยของก็ยิ่งมากขึ้นไปอีก สีหน้าเริ่มไม่พอใจ
อู่เหมยแอบคิดลำพองใจในใจ เหอปี้อวิ๋นเป็นคนขี้งกและชอบเอาเปรียบผู้อื่น เพราะว่าเธอทำงานอยู่แถวชานเมือง แถวนั้นมักจะมีชาวนาที่แอบฆ่าหมูแล้วเอามาขาย ราคาจะถูกกว่าจากราคาตลาดนิดหน่อย เหอปี้อวิ๋นซื้อทีก็สองสามชั่ง ช่วงหน้าหนาวมันก็ดีหน่อยสามารถเก็บเนื้อได้สองสามวัน แต่ถ้าหน้าร้อนนี่ไม่ได้เลย เพราะที่บ้านไม่มีตู้เย็น เหอปี้อวิ๋นได้แค่เอาเนื้อทาเกลือแล้วก็ทำเนื้อเค็ม
ก่อนหน้านี้สองสามวัน เหอปี้อวิ๋นซื้อเนื้อที่ดีหน่อยกลับมาบ้าน ช่วงนี้ที่บ้านกินเนื้อเค็มทุกวัน มื้อเช้าทำซาลาเปายังทำไส้เนื้อเค็มเลย จริงๆ แล้วกลิ่นของเนื้อเค็มมันก็มีหน่อยๆ แต่มันก็ไม่ได้เน่าแน่นอน
ที่อู่เหมยตั้งใจจะพูดแบบนี้จริงๆ แล้วเธอไม่ชอบกินเนื้อเค็ม นานๆ กินทีก็ยังพอไหว แต่กินบ่อยเกินไปก็รับไม่ไหว คนปัจจุบันไม่สนใจเรื่องการดูแลสุขภาพ มักกินผักดองและเนื้อเค็มบ่อยๆ อู่เหมยเองก็รู้ว่าอาหารที่ทำมาจากของดองนั้นไม่ดีต่อร่างกาย เพราะว่ามันมีสารไนไตรท์ที่จะทำให้เป็นโรคมะเร็งได้ง่าย
ดังนั้นเมื่อกี้เธอจึงยกเอาเรื่องที่ท้องเสียไปโทษที่ซาเปาไส้เนื้อ เพื่อที่หนึ่งคือทำให้เหอปี้อวิ๋นมีปัญหา และสองคือทำเพื่อความผาสุกของตัวเอง โดยหวังว่าทุกๆ วันต่อจากนี้จะได้กินเนื้อที่สดใหม่
“แม่ เนื้อที่แม่เอามาทำซาลาเปามันวางมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว ครั้งที่แล้วหนูเห็นมีหนอนขึ้นแล้วนะ แน่นอนว่าเนื้อมันไม่สดแล้ว หนูกับพี่สาวก็เลยท้องเสีย” อู่เหมยยิ่งพูดเติมเชื้อไฟเข้าไปอีก
อู่เจิ้งซือขมวดคิ้ว คลื่นไส้อาเจียน ปกติเขาเป็นคนที่รักความสะอาด พอได้ยินว่าเนื้อมีหนอนขึ้นก็เลยทำให้เขาอ้วกข้าวมื้อดึกออกมา ใบหน้าก็ไม่พอใจอย่างมาก
เหอปี้อวิ๋นจ้องอู่เหมยเขม็ง อธิบายออกมาว่า “คุณคะ อย่าไปฟังนังเด็กนี่พูดลอยๆ เนื้อเค็มจะมีหนอนโผล่มาได้ยังไง? เป็นไปไม่ได้”
อู่เหมยพูดเกินจริงไปอีกว่า “ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ แม่ เนื้อชิ้นนั้นแม่ก็ไม่ได้ใส่เกลือเยอะ อากาศก็ร้อน ไม่มีหนอนสิแปลก พ่อคะ ถ้าพ่อไม่เชื่อ พ่อก็ไปดูเนื้อชิ้นนั้นเอาเอง ดูว่าหนูโกหกพ่อหรือเปล่า!”
อู่เจิ้งซือทำหน้านิ่งๆ แล้วก็ลุกขึ้น มุ่งหน้าไปยังห้องเก็บของ เหอปี้อวิ๋นไม่กลัวเลยแม้แต่นิดเดียว บ้านของเธอก็เก็บเนื้อแบบนี้ตั้งแต่รุ่นคุณยาย ยังไม่เคยได้ยินว่าเนื้อเค็มมีหนอนขึ้นด้วย นังเด็กเวรอู่เหมยคงอยากให้เรื่องมันยุ่งมากใช่ไหม!
ถ้าเห็นว่าเนื้อไม่มีหนอนขึ้นนะ เธอจะต้องสั่งสอนนังเด็กเวรนี่ให้ได้ ต่อให้เป็นอู่เจิ้งซือก็มาห้ามเธอไม่ได้อีกแล้ว กล้ามาหลอกฉันได้ นังลูกเนรคุณ!
เวลานี้อู่เยวี่ยลืมร้องไห้ไปเลย เป็นครั้งแรกที่คำพูดของอู่เหมยทำให้เธอไม่รู้สึกแสลงหูเท่าไร ถ้าเนื้อมันเน่าแล้วจริงๆ เช่นนั้นการที่เธอท้องเสียก็เป็นความผิดของเหอปี้อวิ๋น ถ้าไม่ใช่เพราะว่าท้องเสีย วันนี้เธอคงไม่ทำข้อสอบออกมาแย่ขนาดนั้น!
อู่เยวี่ยที่พอหาช่องทางการระบายความเครียดได้ ก็ตามหลังของอู๋เจิ้งซือไป ของที่กองอยู่ในห้องเก็บของก็ไม่เยอะมาก บนหลังคาก็ผูกเชือกไว้ แขวนเนื้อเค็มและปลาเค็มจำนวนมาก ยังมีเป็ดหมักซอสและกุนเชียงจำพวกอาหารที่ทำมาจากการดองที่เหอปี้อวิ๋นทำตอนว่างทั้งหมด
เหอปี้อวิ๋นเดินไปถึงหน้าประตู พูดอย่างมั่นใจว่า “ฉันหมักเนื้อมาสิบยี่สิบปีแล้ว ไม่เคยเห็นเนื้อเค็มมีหนอนขึ้น คุณคะ คุณ…”
เสียงของเธอหยุดชะงักราวกับถูกคนบีบที่คอก็ไม่ปาน ตกตะลึงมองเนื้อหนึ่งชิ้นที่แขวนห้อยอยู่ตรงหน้าของเธอ เนื้อน่าจะประมาณสามสี่ชั่งได้ มันหมูยังขาวสดและส่วนเนื้อหมูก็ถือว่าหนาอยู่ นับว่าเป็นเนื้อน่องชั้นดี เพียงแต่ว่า…
บนเนื้อสีแดงเข้มปรากฎให้เห็นว่ามีสิ่งมีชีวิตสีขาวที่กำลังดิ้นขยุกขยิกช้าๆ แม้ว่าอู่เหมยจะเตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่ว่าก็ยังไม่สบายใจ เลยหลับตาไว้ไม่กล้ามองลงไป
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอู่เจิ้งซือ ใบหน้าของเขาเหมือนท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยพายุฝนที่มีเมฆดำมืดครึ้มและแผ่รังสีเยือกเย็นจนน่ากลัว
…………………………………………………………………………………………..