ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 203 โยนความผิดให้เหอปี้อวิ๋น + ตอนที่204 คนที่วางแผนก็คือพวกคุณ
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 203 โยนความผิดให้เหอปี้อวิ๋น + ตอนที่204 คนที่วางแผนก็คือพวกคุณ
ตอนที่ 203 โยนความผิดให้เหอปี้อวิ๋น
เหอปี้อวิ๋นอ้าปากค้างด้วยความตกใจ พูดติดๆ ขัดๆ “จะเป็นไปได้ยังไง เป็นไปไม่ได้ คุณคะ คุณฟังฉันก่อน นี่มันไม่ปกติ”
อู่เจิ้งซือไหนเลยจะฟังคำอธิบายของเหอปี้อวิ๋น สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ขณะนี้สิ่งที่เขาเห็นกับตาก็คือบนเนื้อนั้นเต็มไปด้วยหนอน ต่อให้เหอปี้อวิ๋นจะอมพระมาพูด เขาก็ไม่เชื่ออีกต่อไป
ปฏิกิริยาของอู่เยวี่ยนั้นรุนแรงยิ่งกว่า เธอเพียงชำเลืองตามองเพียงแค่ครั้งเดียวก็ปิดปากวิ่งเข้าห้องน้ำไปอ้วกทันที อู่เหมยก็รู้สึกพะอืดพะอมอย่างมาก แต่เธอก็ต้องอดทนไว้ แผนยังไม่สำเร็จเลย!
“ทำไมถึงโตไว้ขนาดนี้? เมื่อคืนหนูเห็นหนอนเพียงแค่สองสามตัวเท่านั้นเอง ตอนนี้ทำไมถึงมีเยอะขนาดนี้ล่ะ?” อู่เหมยทำหน้าไม่อยากเชื่อ แสดงละครครึ่งหนึ่งอีกครึ่งคือรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
เธอนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าแค่น้ำแก้วเล็กๆ จะได้ผลขนาดนี้ แค่หนึ่งวันหนึ่งคืนก็มีหนอนออกมามากขนาดนี้ ความสามารถในการสืบพันธ์ของมันยอดเยี่ยมจริงๆ
ไม่ผิด หนอนพวกนี้เป็นแผนของอู่เหมย เนื้อไม่มีทางที่จะเต็มไปด้วยหนอนพวกนี้ มันไม่สมเหตุสมผล แต่ถ้าเนื้อชุ่มไปด้วยน้ำนั้นก็ไม่แน่ ตอนที่อู่เหมยตัดสินใจวางยาที่จะทำให้อู่เยวี่ยท้องเสียนั้น เธอก็คิดหาทางเอาตัวรอดไว้เรียบร้อยแล้ว ความผิดครั้งนี้เหอปี้อวิ๋นจะต้องเป็นคนรับผิดชอบ
เมื่อก่อนเธอโดนเหอปี้อวิ๋นทุบตีตั้งหลายครั้ง แค่โยนความผิดให้เธอสักครั้งสองครั้งจะเป็นอะไรไปล่ะ
เมื่อคืนก่อนนอน อู่เหมยแอบเทน้ำลงไปบนเนื้อแก้วนึง ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นต้นฤดูใบไม้ร่วง แต่เมืองจินอยู่ทางทิศใต้ ตอนกลางวันอุณหภูมิจะค่อนข้างสูง อย่างต่ำก็ 18-19 องศา ห้องเก็บของก็ติดกับฝั่งที่มีแดดส่อง ตากแดดตั้งแต่เช้ายันเย็น ไม่มีหนอนสิถึงจะแปลก
อู่เหมยเหลือบมองหนอนบนเนื้อที่นับยังไงก็นับไม่หมด พลันขนลุกไปทั้งร่างจนอดทนไม่ได้อีกต่อไป จึงรีบหันหลังวิ่งออกไป ช่างน่าขยะแขยงจริงๆ
อู่เจิ้งซือพูดด้วยความโมโห “ยังไม่จัดการกับเนื้อเน่าชิ้นนี้อีก!”
เหอปี้อวิ๋นตอบรับอย่างกล้าๆ กลัวๆ เธอใช้ปลายเท้าค่อยๆ เขี่ยไปบนก้อนเนื้อชิ้นนั้น หนอนก็ยิ่งดิ้นแรงขึ้น หนอนเป็นพันเป็นหมื่นตัวดิ้นไปทั่ว ใครจะไปทนไหว แม้กระทั่งเหอปี้อวิ๋นเองยังทนไม่ได้เลย ข้าวที่กินไปเมื่อคืนก็แทบอ้วกออกมาหมด แต่อย่างไรเธอก็ต้องจัดการกับเนื้อก้อนนี้ มิเช่นนั้นแล้วอู่เจิ้งซือก็จะยิ่งมีอารมณ์โมโหเข้าไปใหญ่
แม้จะขยะแขยงเพียงใดก็ต้องอดทนกลั้นใจนำหนอนบนเนื้อเน่านั้นทิ้งลงโถชักโครก เหอปี้อวิ๋นใบหน้าขาวซีด รู้สึกคลื่นไส้จะอ้วกแต่ก็อ้วกไม่ออก อาการเหมือนกับคนท้องก็ไม่ปาน
“เหมยเหมย เอาเนื้อไปทิ้งที่ถังขยะไป!” เหอปี้อวิ๋นใช้อู่เหมยให้ไปทิ้ง
อู่เหมยเอามือปิดปากส่ายหัวอย่างแรง “แม่ก็ให้พี่สาวเอาไปทิ้งสิ หนูจะไปทำกับข้าว”
พูดเสร็จก็วิ่งไปที่ระเบียงทางเดิน พระเจ้า! ตีให้ตายยังไงเธอก็ไม่อยากจับเนื้อน่าขยะแขยงนั่น เธอยอมทำกับข้าวดีกว่า เหอปี้อวิ๋นหน้าตึง ยังไม่ทันจะด่า อู่เจิ้งซือก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เธอเอาไปทิ้งเอง!”
เหอปี้อวิ๋นตัวสั่น ทำได้เพียงแค่เอานิ้วเกี่ยวเชือกเพื่อเอาเนื้อไปทิ้ง ตอนออกจากห้องก็จ้องเขม็งไปที่อู่เหมย ยัยเด็กสมควรตายคนนี้นับวันยิ่งใช้การไม่ได้ จะต้องคิดหาวิธีมาจัดการเธอสักหน่อยแล้ว ไม่อย่างนั้นสักวันจะต้องโดนถอนหงอกอย่างแน่นอน!
อู่เหมยหันไปทางหลังเหอปี้อวิ๋นทำหน้าหลอก ฮัมเพลงเบาๆ เริ่มซาวข้าวเพื่อที่จะทำกับข้าว บนเตามีซุปไก่ที่เหอปี้อวิ๋นเตรียมเอาไว้ น่าจะเตรียมไว้ให้อู่เยวี่ยบำรุงร่างกาย เพียงแต่ว่าตอนนี้อู่เยวี่ยจะกินลงหรือไม่ลงก็ไม่รู้นะ!
มีซุปไก่แล้วก็ทำเพียงผัดกะหล่ำปลีที่ถนัด อ้อ…ยังมีผัดถั่วแขกอีกจาน แถมยังมีนึ่งปลาเค็มอีก เป็นอาหารที่ตัวเองชอบกินทั้งหมด วันนี้เป็นวันดี เหมาะที่จะเฉลิมฉลองที่สุด
เหอปี้อวิ๋นเดินกลับมาด้วยใบหน้าซีดขาว หันไปเจออู่เหมยที่เพิ่งหันผักเสร็จ ไม่มากไม่น้อย สามจานพอดี จึงอดไม่ได้ที่จะโมโหและตำหนิออกมา “มีซุปไก่แล้ว ทำไมยังจะทำกับข้าวออกมาเยอะขนาดนี้?”
เพิ่งทิ้งเนื้อไปประมาณครึ่งกิโล เหอปี้อวิ๋นใจเกือบสลาย แล้วยิ่งมาเห็นวิธีการทำอาหารของอู่เหมยนังลูกจอมล้างผลาญก็ยิ่งโมโห
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่204 คนที่วางแผนก็คือพวกคุณ
อู่เหมยเงยหน้าขึ้นไปมองเหอปี้อวิ๋น แต่ก่อนเธอกลัวแม่ของเธอคนนี้มากที่สุด แต่ตอนนี้เธอเกลียดแม่ของเธอมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นชาติก่อนหรือชาตินี้ ทั้งชีวิตก็ไม่เคยทำดีกับเธอแม้สักครั้ง อย่าหวังเลยว่าต่อไปนี้เธอจะกตัญญูต่อเหอปี้อวิ๋น
มากสุดก็ถือว่าชดใช้หนี้บุญคุณความแค้นกันไป ต่างคนต่างใช้ชีวิตกันไป เพียงแต่ตอนนี้ก็ต้องให้เหอปี้อวิ๋นกลุ้มใจไปก่อน ก็ใครให้เธอคอยสนับสนุนอู่เยวี่ยอยู่เบื้องหลังกันล่ะ
“พี่สาวเพิ่งสอบเสร็จด้วยความลำบาก พ่อก็เหนื่อยจากการทำงาน หนูก็เลยอยากทำอาหารเยอะหน่อย พ่อกับพี่สาวจะได้กินเพื่อบำรุงร่างกาย” อู่เหมยตั้งใจพูดเสียงดัง เพื่อให้อู่เจิ้งซือที่อยู่ในห้องได้ยินอย่างชัดเจน
“ตุ๋นซุปไก่แล้วตั้งหนึ่งหมอ จะบำรุงร่างกายไม่พอได้ยังไง! เธอไปเลยเดี๋ยวฉันจะผัดเอง” เหอปี้อวิ๋นผลักอู่เหมย เตรียมทำกับข้าวเอง ยัยเด็กสมควรตายคนนี้ใส่น้ำมันเหมือนใส่น้ำ เธอยอมเหนื่อยหน่อยดีกว่า
อู่เหมยยืนโงนเงน พอยืนอยู่กับที่ได้ก็ส่งเสียงดัง “แม่ แม่ล้างมือหรือยัง? เนื้อนั่นสกปรกมากนะ หนอนเยอะขนาดนั้น!”
อู่เจิ้งซือพอได้ยินคำว่าหนอน ตรงหน้าก็เหมือนมีภาพหนอนสีขาวขยับขยุกขยิกปรากฏขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง หน้าอกรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก ถ้าหากไม่ได้คำนึงว่าจะส่งผลกระทบถึงภาพลักษณ์ของความเป็นพ่อที่เข้มงวดจริงจัง เขาคงวิ่งไปอ้วกที่ห้องน้ำแล้ว
แต่อู่เยวี่ยไม่ได้มีความเด็ดขาดเท่าอู่เจิ้งซือ เธอรีบวิ่งไปอ้วกที่ห้องน้ำอีกรอบ อู่เจิ้งซือรู้สึกโมโหมากจนเกินบรรยาย เดินมาที่หน้าประตูพร้อมพูดว่า “ให้เหมยเหมยทำกับข้าว ผมมีเรื่องที่จะคุยกับคุณ”
เหอปี้อวิ๋นจำต้องยกเตาให้อู่เหมย แต่ก็ยังสั่งกำชับอีกว่า “ใส่น้ำมันน้อยหน่อย น้ำมันกินเข้าไปเยอะๆ มันไม่ดีต่อร่างกาย”
อู่เหมยรับคำส่งๆ ไป จะใส่น้ำมันเท่าไหร่ขึ้นอยู่ที่เธอ ตอนนี้ไม่ใช่ชาติที่แล้วเสียหน่อย ที่ต้องรักษาสุขภาพ น้ำมันเกลือน้ำตาลต้องใส่น้อยๆ ตอนนี้ท้องของทุกคนต่างก็ขาดแคลนน้ำมัน ใครจะไปยอมใส่น้อยกันล่ะ!
เหอปี้อวิ๋นเดินเข้ามาในห้อง เห็นอู่เจิ้งซือหน้าดำคร่ำเครียดก็หวาดกลัว ฝืนยิ้มพูดออกมาว่า “คุณมีอะไรอยากพูดกับฉันเหรอ? เรื่องเนื้อนั่นเป็นอุบัติเหตุจริงๆ ครั้งก่อนๆ ฉันหมักเนื้อก็ไม่เคยเสียมาก่อน ครั้งนี้ไม่รู้เป็นอะไร แปลกจริงๆ”
ซื้อเนื้อมา 5 ขีด เพิ่งกินไปไม่ถึงสองขีด กลายเป็นหมาได้กินไป แค่คิดเหอปี้อวิ๋นก็ปวดใจแทบแย่ เดือนนี้ทั้งเดือนคงเสียดายไม่กล้าซื้อเนื้อมากินแล้ว!
ด้านอู่เหมยผัดกับข้าวไปก็โผล่หัวให้พ้นขอบประตูพลางพูดเสียงดังว่า “แม่ บ้านเราก็ไม่ใช่ชนบท ที่เดือนสองเดือนถึงจะไปตลาด ใกล้ๆ บ้านเราก็มีตลาด ซื้อผักสะดวกจะตาย แม่ทำไมถึงชอบทำแต่เนื้อเค็ม กินเนื้อที่สดใหม่ทุกวันไม่ดีตรงไหน?”
เหอปี้อวิ๋นด่าด้วยความโมโหว่า “ทำกับข้าวไป ฉันกับพ่อเธอกำลังคุยกันอยู่ เธอเกี่ยวอะไรด้วย?”
อู่เหมยลูบจมูกอย่างไม่พอใจเลยสักนิดแต่ก็ไม่พูดอะไรอีก การที่เธอทำให้เหอปี้อวิ๋นกับอู่เยวี่ยซวยขนาดนี้ ยอมถูกด่าไม่กี่ประโยคก็ไม่เป็นไร เพราะถึงอย่างไรเธอก็ไม่ได้เสียเปรียบ อู่เหมยฮัมเพลงเบาๆ ผัดถั่วแขกในแบบสบายๆ เธอเพิ่งใส่ผักดองแห้งลงไป หลังจากที่ผัดกับน้ำมัน กลิ่นก็กระจายไปทั่วทางเดิน
อู่เจิ้งซือไม่ค่อยสบอารมณ์ คิ้วของเขาขมวดจนแทบจะรวมกันอยู่แล้ว พูดอย่างเย็นชาว่า “เหมยเหมยพูดได้มีเหตุผล เหอปี้อวิ๋นคุณอย่าเอาความเคยชินนิสัยบ้านนอกของคุณมาใช้ที่บ้านนี้ คราวหน้าอย่าให้ผมเห็นคุณทำเนื้อเค็มอีก ถ้าหากทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องอยู่บ้านนี้ ผมให้เงินเดือนคุณทุกเดือน ไม่ไช่เพื่อให้ลูกๆ กินเนื้อเน่าหรอกนะ
“คุณทำไมพูดอย่างนี้? ฉันเพิ่งจะทำเนื้อเสียแต่ครั้งเดียว คุณก็ทำเหมือนมันเป็นเรื่องใหญ่มาก”
เหอปี้อวิ๋นรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง เธอกับอู่เจิ้งซือเป็นสามีภรรยากันมาสิบปี แม้ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาไม่ถึงขนาดว่ารักกันดูดดื่ม แต่ก็นับได้ว่ายังให้เกียรติซึ่งกันและกัน แต่วันนี้เพียงแค่เนื้อเน่าที่มีหนอนเพียงแค่ชิ้นเดียว ก็ตำหนิต่อว่าเธอต่อหน้าลูกแล้ว ไม่ไว้หน้าเธอเลยสักนิด
…………………………………………………………………………………………..