ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 205 ตักเตือนเหอปี้อวิ๋น + ตอนที่ 206 โดนจับได้ว่าแกล้งเป็นผี
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 205 ตักเตือนเหอปี้อวิ๋น + ตอนที่ 206 โดนจับได้ว่าแกล้งเป็นผี
ตอนที่ 205 ตักเตือนเหอปี้อวิ๋น
อู่เจิ้งซือพูดอย่างเย็นชาว่า “แค่ทำเนื้อเสียเพียงแค่ครั้งเดียว? ระยะนี้คุณยังทำเรื่องผิดพลาดยังไม่เยอะพออีกเหรอ? คุณรู้ไหมที่โรงเรียนตอนนี้วิพากษ์วิจารณ์อะไรผมบ้าง เป็นเพราะคุณไม่พยายามดูแลบ้าน คนอื่นถึงได้หัวเราะเยาะผม”
เมื่อนึกถึงระยะนี้ที่เพื่อนร่วมงานของเขาพูดวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางแล้ว อู่เจิ้งซือก็ยิ่งโมโหหนัก ที่ผ่านมาครึ่งชีวิตของเขาเหมือนดั่งท้องฟ้าที่ปลอดเมฆเห็นพระจันทร์ แทบจะไม่มีใครวิจารณ์ แต่ว่าตั้งแต่วันไหว้ครูวันนั้นมา ชีวิตของเขาก็เริ่มแปดเปื้อน
ทั้งหมดเป็นเพราะเหอปี้อวิ๋นทั้งนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเธอลำเอียงเกินไป อู่เหมยก็คงไม่โวยวายออกมาเพราะทนไม่ไหว เพื่อนร่วมงานที่โรงเรียนก็คงจะไม่รับรู้เรื่องวุ่นวายในบ้านของเขา
อู่เจิ้งซือมองเหอปี้อวิ๋นอย่างสิ้นหวัง แล้วพูดกับเธออย่างเย็นชาว่า “เหอปี้อวิ๋น ผมจะพูดอีกรอบ เงินเดือนของคุณ คุณจะใช้จ่ายยังไงผมไม่สน แต่เงินเดือนของผมคุณจะต้องจัดการบริหารใช้จ่ายแค่ในบ้านนี้เท่านั้น ถ้าหากว่ายังมีครั้งหน้าอีก คุณก็ไม่ต้องมายุ่งกับเงินเดือนของผม”
น้ำเสียงของเขาราบเรียบ ไม่ช้าไม่เร็ว ไม่สูงไม่ต่ำ แต่พอเหอปี้อวิ๋นได้ฟังกลับรู้สึกหนักเหมือนมีไม้กลองมาทุบหัวใจเธอ ทั้งเจ็บทั้งปวด อีกทั้งยังน่าหวาดกลัว
“ฉันรู้แล้ว คราวหน้าจะซื้อเนื้อสดใหม่ทุกวัน คุณก็อย่าโมโหอีกเลย หลังจากนี้ไปฉันจะจัดการกับนิสัยชอบทำเนื้อเค็มนะ!” ถึงแม้เหอปี้อวิ๋นจะไม่ยินยอม แต่ก็ต้องยอมแพ้ลดท่าทีลงและพูดจาดีๆ
ใครให้บ้านแม่เธอใหญ่สู้บ้านตระกูลอู่ไม่ได้กันล่ะ!
“หวังว่าที่พูดมาจะทำได้นะ!” อู่เจิ้งซือทำหน้าขรึมกล่าวเตือน
ต่อหน้าอู่เยวี่ยและอู่เหมย สามีของเธอตำหนิอย่างไม่ไว้หน้าเลย เหอปี้อวิ๋นอึดอัดใจจนแม้แต่หน้าก็ยังเงยไม่ขึ้น แต่ก็ยังต้องปั้นหน้ายิ้มพูดดีๆ กับอู่เจิ้งซือ ขณะที่ในใจก็โกรธเกลียดอู่เหมยเข้ากระดูกดำ ถ้าไม่ใช่เพราะนังเด็กสมควรตายนี่ยุแยง ไหนเลยอู่เจิ้งซือจะรู้ว่าเนื้อนั้นมีหนอน?
“แม่ เป็นเพราะว่าแม่ วันนี้หนูเข้าห้องน้ำตั้งสิบกว่ารอบแล้ว ทำให้หนูทำข้อสอบไม่ได้เลย ฮือ!”
เหอปี้อวิ๋นตกตะลึง ตีหัวตัวเองอย่างเสียใจ ถ้าสมมติว่าเป็นเพราะเนื้อเน่าชิ้นนั้นทำให้อู่เยวี่ยทำข้อสอบไม่ได้ดีจนเสียตำแหน่งอันดับหนึ่งไป เธอคงต้องรู้สึกเสียใจในภายหลังแน่ๆ
ในตอนนี้เองเหอปี้อวิ๋นถึงได้ตระหนักถึงผลกระทบร้ายแรงของเนื้อเน่าชิ้นนี้แล้ว หากว่าย้อนเวลากลับมาได้ ต่อให้เนื้อในตลาดจะมีราคาหนึ่งหยวนต่อหนึ่งขีด เธอก็จะซื้อเนื้อสดใหม่!
“เยวี่ยเยวี่ยอย่าทุกข์ใจไปเลย สอบครั้งนี้ทำได้ไม่ดี พวกเราก็ยังมีครั้งหน้าอีก แม่ไม่ดีเอง วันหลังแม่จะไม่ทำเนื้อเค็มอีกแล้ว!” เหอปี้อวิ๋นพูดปลอบใจ
“หนูสอบได้ที่หนึ่งมาโดยตลอด แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้สอบได้ที่สอง ถ้าหากว่าครั้งนี้สอบไม่ได้ที่หนึ่ง หนูจะยังมีหน้าไปโรงเรียนได้ยังไง!” อู่เยวี่ยพูดไปร้องไห้ไป เนื้อที่เสียเป็นข้อแก้ตัวที่ดีที่จะให้เธอระบายอารมณ์ ที่เธอสอบได้ไม่ดีนั้นเป็นเพราะความผิดของเนื้อ ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเธอเรียนได้ไม่ดี
อู่เหมยฟังบทสนทนาของสองคนนั้นอย่างละเอียด ส่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา ครั้งหน้ายังคิดจะสอบได้ที่หนึ่ง?
ชั่วชีวิตนี้คงเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ!
ขอเพียงแต่อู่เยวี่ยเข้าร่วมการสอบ เธอก็จะคิดแผนมาจัดการทำลายซะ ให้นังหญิงสารเลวคนนี้ไม่มีวันได้สงบใจ สอบได้อย่างสงบสิถึงจะแปลก อันดับหนึ่งที่รุ่งโรจน์คงอยู่ได้แค่ในความทรงจำของอู่เยวี่ยตลอดไปแล้วล่ะ!
ฟังลูกสาวคนโตร้องไห้เสียงดัง อู่เจิ้งซือก็รู้สึกหงุดหงิด ความรู้สึกไม่พอใจที่มีต่อเหอปี้อวิ๋นก็ยิ่งสูงขึ้นไปอีก ถ้าหากว่าสอบครั้งนี้อู่เยวี่ยไม่ได้อันดับหนึ่ง ยังไม่รู้เลยว่าเพื่อนร่วมงานที่โรงเรียนจะพูดจาไม่น่าฟังได้ขนาดไหน!
“เยวี่ยเยวี่ยไม่ต้องร้องไห้แล้ว ร้องไปก็แก้ไขปัญหาไม่ได้ กินข้าวเสร็จก็รีบไปพักผ่อน สงบจิตสงบใจให้ดีเพื่อเผชิญหน้ากับการสอบในวันพรุ่งนี้ ยังไม่ถึงตอนสุดท้ายก็อย่าเพิ่งยอมแพ้! อู่เจิ้งซือพูดอย่างหนักแน่น
อู่เยวี่ยเช็ดน้ำตา ตอบรับดัวยเสียงเบาๆ
อู่เหมยส่งเสียงเฮอะในใจ คืนนี้จะแต่งตัวเป็นผีดิบไปหลอกให้ตกใจ ดูสิว่าเธอจะทำจิตใจให้ดีขึ้นได้ยังไง?
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 206 โดนจับได้ว่าแกล้งเป็นผี
ตอนกลางคืนทุกคนต่างก็ไม่มีอารมณ์จะกินข้าว โดยเฉพาะซุปไก่นั่น เพียงแค่เห็นเนื้อทุกคนต่างก็นึกถึงหนอนที่ขยับไปมาพวกนั้น ใครจะไปกินลง?
นอกจากอู่เหมย ถึงแม้ว่าตอนนั้นเห็นจะรู้สึกขยะแขยง แต่พอไม่เห็นก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ดื่มซุปไก่เสียงดัง อีกทั้งยังแทะน่องไก่ไปหนึ่งน่อง ปากเล็กๆ นั่นกินจนมันแผลบไปหมด
“พี่สาวกินเนื้อไก่สิ รสชาติสดใหม่เลยนะ อร่อยกว่าซาลาเปาเนื้ออีก” อู่เหมยหนีบอกไก่ขึ้นมา กัดไปคำใหญ่ เนื้อไก่สีเหลืองทองถูกเธอเคี้ยวจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
อู่เยวี่ยเดิมทีก็อยากกินเนื้อนิดหน่อย แต่พอได้ยินคำว่าซาลาเปาเนื้อ แถมยังเห็นเนื้อที่อยู่ในปากของอู่เหมย หน้าอกก็คลื่นไส้ขึ้นมากะทันหัน ไหนเลยจะยังกินลง
“ฉันไม่กินแล้ว” อู่เยวี่ยกัดฟันพูดเสียงรอดไรฟันออกมา
อู่เหมยมองเธออย่างลำพองใจ ร้องอืมและนำเนื้อที่เหลือทั้งหมดใส่เข้าปาก ตอนที่กินอาหารแก้มทั้งสองข้างป่องเหมือนมีลูกกลมๆ ที่จริงแล้วอู่เจิ้งซือก็ไม่ได้อยากอาหารอะไรมากมาย แต่พอเมื่อเห็นท่าทางการกินของอู่เหมย ก็รู้สึกอยากกินขึ้นมาทันที เลยตักน้ำซุปซดไปหนึ่งชาม
กลางดึก ทุกคนต่างหลับหมดแล้ว อู่เยวี่ยก็หลับลึกมาก อู่เหมยหน้านิ่วคิ้วขมวด ดูเหมือนมีเรื่องอยู่ในใจเต็มอก อู่เหมยลุกขึ้นเดินไปข้างเตียงของอู่เยวี่ย มองเธออย่างเย็นชา
การแก้แค้นของเธอเพิ่งจะเริ่มต้น อู่เยวี่ยเธอเตรียมตัวไว้ให้ดีเถอะ!
อู่เยวี่ยหลับได้ไม่ค่อยสบายนัก เธอกำลังฝันร้าย ในฝันเธอกลายเป็นนักเรียนปลายแถว เหมือนอู่เหมยแต่ก่อนที่เป็นนักเรียนปลายแถว คุณครูก็รังเกียจเธอ พ่อแม่ก็ดุด่าต่อว่าเธอ เพื่อนๆ ก็เยาะเย้ยเธอ แต่คะแนนของอู่เหมยกลับก้าวหน้าไปไกลมาก ทั้งยังมีความสามารถด้านร้องเต้นอีกด้วย ทุกครั้งที่โรงเรียนมีกิจกรรมก็จะเรียกให้อู่เหมยไปแสดง อู่เหมยกลายเป็นดาวเด่นของโรงเรียนไปแล้ว
แถมเธอยังเป็นคนที่ใครเห็นใครก็เกลียด!
“ไม่ได้ อู่เหมยจะต้องถูกฉันเหยียบอยู่ใต้เท้าของฉันตลอดไป เธอจะไม่มีวันชนะฉัน ไม่มีทาง”
ใบหน้าของอู่เยวี่ยบิดเบี้ยวจนน่าเกลียด ละเมอพูดออกมา ในตอนแรกก็ยังฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่เมื่อถึงตอนท้ายก็ยิ่งชัดเจน อู่เหมยพอได้ฟังอย่างชัดเจนความโมโหก็พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง
นังสารเลว ขนาดฝันก็ยังคิดจะเหยียบย่ำเธอ!
อู่เหมยทำหน้าเย็นชา นัยน์ตายิ่งเย็นเยียบ สองมือเหยียดเข้าหาอู่เยวี่ย ขนาดนอนยังไม่สงบจิตสงบใจ สมควรให้เธอหลอกให้ตาย!
มือยังไม่ทันแตะโดนต้นคอ อู่เยวี่ยก็ลืมตาขึ้นมามอง มองเห็นเงาอู่เหมยในที่มืดๆ เหมือนผีซาดาโกะ จะขาดก็แค่บ่อน้ำ
“อา!”
ยังไม่ทันตั้งตัว อู่เยวี่ยตกใจร้องออกมา โดดลงจากเตียงจะไปหาอู่เจิ้งซือกับเหอปี้อวิ๋น อู่เหมยทำหน้าแข็งทื่อ ปากขมุบขมิบเล็กน้อย กระโดดไปกระโดดมาแค่นั้น
เพิ่งจะเปิดประตู อู่เยวี่ยก็ควบคุมอารมณ์ให้สงบลงมาได้ ตะโกนร้องออกมา “อู่เหมยดึกดื่นขนาดนี้แต่งตัวเป็นผีทำไม? เธออธิบายมาให้ชัดเจนเลยนะ!”
อู่เหมยไม่สนใจเธอเลยสักนิด กระโดดเร็วยิ่งขึ้น เมื่อกี้อู่เยวี่ยร้องเสียงดังขนาดนั้น พวกอู่เจิ้งซือจะต้องมาที่นี่อย่างรวดเร็วแน่ๆ รีบกลับไปที่เตียงดีกว่า
“อู่เหมยเลิกแกล้งแสดงได้แล้ว ฉันทำอะไรให้เธอไม่พอใจตรงไหน? เธอทำไมต้องทำให้ฉันตกใจครั้งแล้วครั้งเล่า วันนี้เธอจะต้องอธิบายให้ฉันฟังซะดีๆ!”
อู่เยวี่ยกระหืดกระหอบร้องเรียก คิดที่จะวิ่งไปจับอู่เหมย อู่เหมยทำตัวลีบและพยายามกระโดดก้าวใหญ่อย่างสุดชีวิต เพียงไม่กี่ก้าวเธอก็กระโดดกลับขึ้นเตียง ห่มผ้าและนอนหลับ
การแสดงยังคงต้องทำอย่างเต็มที่ ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถให้อู่เยวี่ยเอาผิดได้!
สะเทือนใจมาอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้อู่เยวี่ยที่ปกติจะใจเย็นนั้นควบคุมสติไม่อยู่ อู่เหมยกำเริบเสิบสานจนเธอโมโหเป็นอย่างมาก พุ่งเข้าจับและบีบคออู่เหมย พูดด้วยน้ำเสียงเจือความเกลียดแค้นว่า “ไม่ใช่ว่าเธออยากบีบคอฉันเหรอ เอาอย่างนี้ไหม ให้ฉันบีบคอให้เธอตายก่อนก็แล้วกัน!”
…………………………………………………………………………………………..