ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 209 ปกปิดอย่างสุดความสามารถ + ตอนที่ 210 หนูบีบคอตัวเอง
ตอนที่ 209 ปกปิดอย่างสุดความสามารถ
ในตอนแรกแผนของอู่เหมยคือทำให้อู่เยวี่ยตกใจตอนกลางคืนจนนอนหลับได้ไม่สบายเพื่อจะส่งผลให้อู่เยวี่ยทำข้อสอบได้ไม่เต็มที่ แต่ผลที่ตามมานั้นเกินความคาดหมายของอู่เหมยไปมาก เธอไม่คิดเลยว่าอู่เยวี่ยจะมีปฏิกิริยาตอบโต้แรงขนาดนี้ ถึงคิดจะบีบคอเธอให้ตาย!
ถ้าหากเธอไม่ทำอะไรเลย จะช่างน่าเสียใจกับการการกระทำที่ได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่ของอู่เยวี่ยจริงๆ!
แค่อึดใจเดียวอู่เหมยก็วิ่งไปถึงห้องรับแขกแล้ว แสร้งทำท่าทางตกใจกลัว ส่งเสียงร้องตะโกน “พี่สาวเป็นบ้า พี่จะฆ่าหนู หนูไม่อยากนอนห้องเดียวกับพี่แล้ว!”
หัวใจของอู่เยวี่ยดิ่งต่ำลงทันที ถ้าหากให้นังโง่นี่ตะโกนออกไป วันหลังเธอจะมีหน้าไปพบคนอื่นได้อย่างไร?
“แม่ หนูไม่ได้บ้า หนูแค่ฝันร้าย หนูไม่ได้ตั้งใจ!”
อู่เยวี่ยร้องไห้โฮออกมา ตอนนี้เธอเพียงแค่หวังว่าเหอปี้อวิ๋นจะตอบสนองเธอเร็วหน่อย แล้วรีบไปห้ามอู่เหมย ไม่ให้เธอตะโกนต่ออีก
เวลานี้เองที่เหอปี้อวิ๋นถึงจะมีปฏิกิริยาตอบโต้กลับมา ความโกรธปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า จึงรีบหันออกไปข้างนอก แต่ปฏิกิริยาของอู่เจิ้งซือนั้นเร็วกว่าเธอ เดินออกจากห้องไปก่อนแล้วหนึ่งก้าว ในห้องรับแขกอู่เหมยกำลังตะโกนด้วยความหวาดกลัว เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
ช่วงระยะเวลานี้ที่บ้านไม่ค่อยมีเรื่องสงบสุขเท่าไร ตอนนี้แค่นอนอย่างสงบยังทำไม่ได้เลย เมื่อไรวันเวลาแบบนี้ถึงจะจบสักที?
“เธอส่งเสียงดังไร้สาระอะไร รีบหุบปากซะ!” เหอปี้อวิ๋นด่าพร้อมกับจะปิดปากอู่เหมย
อู่เหมยกลัวมากทำได้แค่หันไปที่ประตูแล้วตะโกนว่า “แม่อย่าตีหนู หนูกลัว!”
“เหมยเหมยอย่าออกไป ข้างนอกหนาว”
อู่เจิ้งซือเห็นอู่เหมยกำลังตั้งใจจะออกไปข้างนอก เห็นว่าท่าไม่ดี ก็ไม่กล้าทำให้ลูกสาวคนเล็กตกใจ แต่พูดเสียงนุ่มนวลให้เธอหยุดแทน คิดอยากจะปลอบโยนอู่เหมยให้เธอสงบลงมา แต่เขากลับไม่รู้อะไรซะแล้วว่าอู่เหมยไม่ได้ตกใจกลัวอะไร ตรงกันข้ามกลับรู้สึกตื่นเต้น เพราะเธอกำลังจะทำเรื่องที่น่าตื่นเต้น
อู่เหมยเปิดประตูได้อย่างง่ายดายและมีลมเย็นพัดเข้ามาวูบหนึ่ง เธอแอบสะดุ้งเพราะความหนาวสะท้าน ยังไม่ทันที่เธอจะเปิดประตูออก ก็ถูกคนที่อยู่ด้านนอกดันจนเปิด เสียงดังจอแจขึ้นมา
“อาจารย์อู่ ที่บ้านเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” คนที่ถามคืออาจารย์แม่จางที่อยู่ข้างบ้าน เธอใส่เสื้อคลุมอย่างรีบร้อนถลันเข้ามา ข้างๆ ยังมีคนในครอบครัวคนอื่นๆ อีก ทุกคนต่างก็มองบ้านอู่ด้วยความเป็นห่วง
อู่เหมยแอบดีใจในใจ เรื่องราวไปไกลกว่าที่เธอคิดอย่างราบรื่นมากนัก คนยิ่งเยอะยิ่งดี!
“อาจารย์แม่จาง หนูกลัว พี่สาวจะฆ่าหนู!”
แค่พริบตาเดียวอู่เหมยก็โผเข้าสู่อ้อมกอดของอาจารย์แม่จาง กอดเธอแน่น ร่างกายสั่นเล็กน้อย โดยตั้งใจเงยคอให้สูงขึ้นเล็กน้อย ระเบียงทางเดินข้างบนมีไฟส่อง คนที่ใส่ใจสักเล็กน้อยก็จะมองเห็นว่าบนคอของเธอมีรอยช้ำ คนเหล่านี้ไม่ใช่เหอปี้อวิ๋นที่จะบอกว่าเธอเป็นคนบีบคอตัวเอง
อู่เยวี่ยที่อยู่ในห้องได้ยินอู่เหมยพูดอย่างชัดเจนทุกคำ พลันโมโหจนกัดฟันแทบแตก เวลานี้เธอรู้สึกเสียใจ ก่อนหน้านั้นเป็นเพราะเธอหุนหันพลันแล่นเกินไปจนหลงกลแผนชั่วของอู่เหมย ทำให้ตอนนี้โดนกระทำขนาดยอมให้อู่เหมยเหยียบหัวทำร้ายชื่อเสียงของเธอ
แถมเธอยังไม่สามารถออกไปพูดแก้ต่างให้ตัวเองได้ ตอนนี้ทำได้แค่หวังว่าพ่อแม่จะช่วยแก้ต่างแทนเธอ สำหรับอู่เหมยเธอค่อยจัดการภายหลัง!
ปฏิกิริยาตอบสนองของเหอปี้อวิ๋นถือว่ายังเร็ว เธอยิ้มแย้มพูดขึ้นมาทันทีว่า “ขออภัยทุกคนจริงๆ ที่ดึกดื่นขนาดนี้กลับส่งเสียงดังปลุกทุกคนซะแล้ว เป็นเพราะระยะนี้จิตใจของเยวี่ยเยวี่ยไม่ค่อยดีเท่าไหร่ทำให้ฝันร้าย อู่เหมยโดนเธอทำให้ตกใจ ทั้งยังเริ่มพูดจาไร้สาระ ไม่มีอะไรจริงๆ พวกคุณรีบกลับไปนอนต่อเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องไปทำงานกันนะ!”
อู่เจิ้งซือค่อนข้างพอใจกับการแสดงออกของภรรยาอยู่ พูดคล้ายๆ เธอว่า “ขออภัย ขออภัยจริงๆ ลูกตั้งใจเรียนหนักสือมากไปหน่อย ทำให้จิตใจค่อนข้างอ่อนแอ แต่ก็เป็นความรับผิดชอบของผู้ใหญ่อย่างเราเหมือนกัน ปกติแล้วพวกเราค่อนข้างกดดันลูกๆ ต่อไปพวกเราจะปรับปรุงนะ”…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 210 หนูบีบคอตัวเอง
อู่เยวี่ยที่อยู่ในห้องถอนหายใจ เธอยังไม่ค่อยพอใจเท่าไร ทำไมต้องบอกว่าเธอจิตใจอ่อนแอ พูดแบบนี้คนอื่นจะต้องคิดว่าที่เธอได้ที่หนึ่งนั้นเพราะเธอทำเกินกำลังตัวเอง!
ทุกคนพอได้ยินว่าเด็กแค่ฝันร้าย ต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ เสียงกรีดร้องก่อนหน้านั้นถ้าไม่รู้ก็คิดว่ามีคนจะฆ่ากันตายจริงๆ!
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว พวกคุณก็อย่ากดดันลูกๆ จนเกินไป ถึงบอกว่าเยวี่ยเยวี่ยคะแนนยังไม่ดี แต่ทุกปีก็ได้ที่หนึ่งตลอด ถ้าฉันได้ลูกสาวดีขนาดนี้นะ ขนาดแค่นึกฝันยังอยากจะหัวเราะเลย!” มีคนพูดออกมา
“อย่าพูดถึงที่หนึ่งเลย บ้านฉันนะแค่สอบให้ได้ที่ยี่สิบขึ้นไป ฉันก็พอใจมากแล้ว!”
อู่เหมยรู้สึกหมดหวัง เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนต่ำต้อยนัก คำพูดของเด็กอย่างเธอย่อมไม่มีน้ำหนัก ต้องทนลำบากทุกข์ทรมาน สู้อู่เจิ้งซือกับเหอปี้อวิ๋นไม่ได้เลยแม้แต่ประโยคเดียว ไม่ได้การ เธอต้องทำอะไรอีกสักหน่อย พูดอะไรก็ได้ที่จะทำให้อู่เยวี่ยเสียเปรียบ
“อืม…”
อู่เหมยส่งเสียงครวญครางเบาๆ ร่างกายของเธอสั่นมากขึ้น อาจารย์จางสังเกตเห็นความผิดปกติของเธอเลยก้มหัวลงเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น ทันใดนั้นเธอก็เห็นรอยช้ำที่คอของอู่เหมยและตกใจเป็นอย่างมาก
“เหมยเหมย คอเธอเป็นอะไร?” อาจารย์แม่จางถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วง คนอื่นๆ ต่างก็หันมามองอู่เหมย ทุกคนต่างก็ตกตะลึงกับรอยช้ำของเธอ นี่มันมีการฆาตกรรมจริงๆ หรือนี่?!
เหอปี้อวิ๋นสีหน้าเปลี่ยน มองเตือนไปที่อู่เหมย อู่เหมยตัวสั่นแล้วสั่นอีก กลัวจนก้มหัวลงพูดด้วยเสียงเบาว่า “เป็น…เป็นหนูเองที่บีบคอตัวเอง ไม่เกี่ยวกับพี่สาว”
ทุกคนต่างก็มีสีหน้าประหลาดใจ ตัวเองจะสามารถบีบคอของตัวเองให้เป็นแบบนี้ได้อย่างไร?
ลูกสาวคนเล็กของบ้านอู่ก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้น จะทำเรื่องที่โง่ขนาดนี้ได้หรือ?
นอกจากนี้ถ้าพูดตามหลักทฤษฎีและเหตุผลของแรงส่งและแรงสะท้อนกลับ ตัวเองไม่สามารถบีบให้เป็นแบบนี้ได้ เห็นได้ชัดว่าต้องเป็นคนอื่นบีบ เมื่อปะติดปะต่อกับคำพูดของอู่เหมย ปัญญาชนเหล่านี้ที่ไม่ได้มีไอคิวอยู่ในระดับต่ำจึงสรุปได้อย่างรวดเร็วว่า …ฆาตกรก็คืออู่เยวี่ย
คนๆ นั้นที่เรียกได้ว่าเป็นนักเรียนที่น่ายกย่องชื่นชม เป็นพี่สาวที่ดีอู่เยวี่ย
สีหน้าของทุกคนประหลาดใจหนักเข้าไปอีก แค่ฝันร้ายยังจะสามารถฆ่าคนได้ นี่มันไม่ใช่แค่จิตใจอ่อนแอธรรมดาแล้ว!
อู่เจิ้งซือฝืนยิ้มแล้วอธิบายว่า “เหมยเหมยคงตกใจมาก ตัวเองพูดอะไรออกมาก็คงไม่รู้ตัว พวกคุณรีบกลับไปนอนเถอะ ขอโทษทุกๆ คนด้วยนะ!”
“ไม่เป็นไร เราต่างก็พักอยู่ตึกเดียวกัน ไม่ต้องเกรงใจหรอก เหมยเหมยก็รีบกลับไปพักผ่อนนะ เด็กคนนี้ช่างน่าสงสารจริงๆ!”
ทุกคนต่างมองไปที่อู่เหมยที่กำลังขดตัวอยู่ในอ้อมกอดอาจารย์แม่จางที่อยู่ในห้องด้วยความเห็นใจ กลางดึกโดนบีบคอ มิน่าล่ะถึงกลัวอย่างขาดสติแบบนั้น ทุกคนก็ได้แค่เห็นใจแต่ก็ไม่มีใครที่จะกล้าออกตัวให้กับอู่เหมย อย่างมากก็ได้แค่ช่วยพูดไม่กี่คำเท่านั้น
ไม่มีใครเต็มใจที่จะล่วงเกินอู่เจิ้งซือเพื่อเด็กคนนี้หรอก ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้น!
หลังจากนั้นไม่นานคนอื่นๆ ต่างก็แยกย้าย มีเพียงแค่ครอบครัวของอาจารย์แม่จางเท่านั้นที่ยังอยู่ อาจารย์แม่จางตบหลังของอู่เหมยเบาๆ รู้สึกปวดใจไปกับเธอ และรู้สึกไม่พอใจกับภรรยาของอู่เจิ้งซือเป็นอย่างมาก เธอพูดขึ้นมาว่า “ฉันจะทายาให้เหมยเหมยหน่อย แผลนี้ไม่ใช่เล็กๆ เลย”
เหอปี้อวิ๋นรีบร้อนพูดขึ้นมา “ฉันแค่คิดอยากจะทายาให้เหมยเหมย แต่เด็กคนนี้วิ่งเร็วเกินไป ฉันยังตามจับไม่ทัน”
อาจารย์แม่จางมองเหอปี้อวิ๋นอย่างเย็นชา ไม่เชื่อคำพูดของเธอเลยสักนิด ถ้าเธอไม่เลือกที่รักมักที่ชัง เด็กจะโผเข้าอ้อมกอดของเธอได้ยังไง?
ขนาดลูกหมาลูกแมวเวลามันตกใจ ปฏิกิริยาแรกของมันก็คือไปหาแม่เพื่อให้แม่ปลอบใจ แต่อู่เหมยกลับโผเข้าหาเธอที่เป็นคนนอก เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้หมดหวังกับแม่ของเธอขนาดไหน
…………………………………………………………………………………………..