ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 213 ความรักใคร่เอ็นดูของอาจารย์ + ตอนที่ 214 อู่เยวี่ยป่วยทางจิต
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 213 ความรักใคร่เอ็นดูของอาจารย์ + ตอนที่ 214 อู่เยวี่ยป่วยทางจิต
ตอนที่ 213 ความรักใคร่เอ็นดูของอาจารย์
วันที่สองอู่เหมยก็ไม่ได้ให้ฉิวฉิวบำรุงอู่เยวี่ย ผ่านค่ำคืนที่วุ่นวายวายมา อู่เยวี่ยยังมีใจจะสอบคงจะแปลก!
เหอปี้อวิ๋นไม่มีอารมณ์จะทำอาหารเช้า มีเพียงแค่ข้าวต้มกับซาลาเปาไส้ผัก แต่อู่เหมยเจริญอาหารเป็นอย่างมาก กินหนึ่งคำก็มองไปที่อู่เยวี่ยที่ดูอ่อนแรงทีหนึ่ง แม้แต่หัวก็ดูเหมือนจะหนักจนเงยขึ้นมาไม่ไหว พอเห็นแบบนี้แล้วก็มีอารมณ์กินข้าวขึ้นเป็นกอง
“พ่อคะ หนูไปเรียนแล้วนะคะ สวัสดีค่ะ!”
อู่เหมยกินอิ่มมาก สะพายกระเป๋าเรียนแล้วก็ออกไป อารมณ์ดีเหมือนกับลูกนกก็ไม่ปาน อู่เจิ้งซือยิ้มเล็กน้อย กับลูกสาวคนเล็กความรู้สึกก็เปลี่ยนไปเป็นพอใจอย่างมาก จิตใจของเขาเปลี่ยนไปโดยไม่ได้ตั้งใจ แม้แต่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
อาจารย์แม่จางที่อยู่หน้าประตูก็ยิ้มอย่างชื่นใจ เด็กน้อยก็แบบนี้ใจกว้าง หลับได้หนึ่งตื่นก็ลืมเรื่องไปหมด
สยงมู่มู่อยู่ชั้นล่างรอเธออยู่ พอเห็นเธอก็ยักคิ้วให้อย่างภาคภูมิใจ รอผลสอบเดือนนี้ออกมาก่อนเถอะจะเอาผลสอบมาทิ่มให้ตาบอดเลย!
“คอเธอไปโดนอะไรมา? โดนใครบีบมา?”
ถึงแม้ว่าอู่เหมยจะติดกระดุมคอเสื้อแน่นแต่สยงมู่มู่ก็ยังเห็นว่ามีแผล มือเหยียดมาทางคอของเธอ อู่เหมยรีบเอามือปิดคอส่ายหัวพูดว่า “ไม่มีอะไร ยังไม่รีบขี่รถไปอีก จะสายแล้วนะ!”
สยงมู่มู่ยึดมือออกได้แค่ครึ่งทางก็หยุด หน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง คนตรงหน้ายังไงก็เป็นผู้หญิง เขาทำแบบนี้ดูเหมือนไม่มีมารยาทมากเลย มองอู่เหมยที่ท่าทางดูเหมือนไม่ได้เป็นอะไร เขาก็ไม่ได้มุ่งมั่นที่จะถามต่อ จึงขี่รถจากไป
“เยวี่ยเยวี่ยทำไมยังไม่ออกมาอีก? ท้องของเธอดีขึ้นหรือยัง?” เหยียนหมิงต๋าร้องถามอย่างร้อนรน
“นายร้อนรนขนาดนี้ ทำไมไม่เอาอู่เยวี่ยผูกรัดกับเอวไปเลยล่ะ? ทำแบบนั้นตอนนอนจะได้สบายใจไง!” สยงมู่มู่อารมณ์ไม่ดีฉุนใส่ เหยียนหมิงต๋าหน้าซีดๆ อยู่ก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ทั้งมีความสุขทั้งโมโห นานๆ ทีถึงจะได้เห็นเหยียนหมิงต๋าไม่เถียงกับสยงมู่มู่
สายตาของเหยียนหมิงซุ่นเฉียบแหลม แค่แป๊บเดียวก็สังเกตเห็นถึงคอของอู่เหมย จึงเดินเข้าไปใกล้ๆ เพื่อให้เห็นชัดมากขึ้น บนคอขาวๆ นั้นมีแผลช้ำม่วงที่ทำให้คนเห็นแล้วก็รู้สึกพรั่นพรึงอยู่ในใจ
“คอเป็นอะไรน่ะ? ใครทำเหรอ?”
เสียงเบาๆ ดังขึ้นเหนือหัวเธอ ดูเหมือนเธอจะสามารถรู้สึกถึงความร้อนของลมหายใจ ร้อนมากจนทำให้เธออดหน้าแดงไม่ได้ จึงพูดเสียงเบาว่า “ไม่มีอะไรเลย แค่ฉันไม่ระวังตัวนิดหน่อยน่ะ พี่หมิงซุ่นฉันไปเรียนก่อนนะ”
เหยียนหมิงซุ่นมองเด็กสาวที่เดินไกลออกไป รอยแผลรุนแรงนั้นปรากฏขึ้นมาในสายตาเขาแวบหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าโดนคนบีบ หรือว่าเป็นเหอปี้อวิ๋นตีเธออีกแล้ว?
ทำไมคนเป็นแม่ถึงได้ลงมือกับลูกสาวแท้ๆ ได้โหดร้ายถึงเพียงนี้ เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้ว ความเคารพนับถือที่มีให้เหอปี้อวิ๋นเหมือนเมื่อก่อนนั้นหายไปหมด แม้แต่กับอู่เจิ้งซือก็ไม่พอใจ
วันนี้มีสอบวิชาภาษาหนึ่งหน่วย อู่เหมยรอคอยการทดสอบนี้มานานมากแล้ว เธอเองก็อยากรู้ว่าระดับของเธอตอนเป็นอย่างไร พัฒนาขึ้นจริงๆ ไหม?
กระดาษข้อสอบยังคงมีกลิ่นเหม็นของหมึกโชยออกมา ตอนนี้กระดาษข้อสอบต่างก็เป็นอาจารย์พิมพ์กันเอง ก่อนอื่นคือใช้ปากกาแกะบนกระดาษไขทำแม่พิมพ์ออกมา แล้วใช้เครื่องพิมพ์ พิมพ์ออกมาอย่างง่ายๆ แผ่นต่อแผ่น กลิ่นหมึกจะแรงมาก แถมตัวหนังสือก็ไม่ค่อยชัด ตอนอากาศร้อนก็จะเปื้อนมือเป็นรอยดำปื้นอีกด้วย
อาจารย์อู๋เขียนหัวข้อหัวข้อที่ไม่ค่อยชัดเจนลงบนกระดานดำและเดินตรวจไปรอบๆ ห้องเรียน ถือโอกาสมองพวกนักเรียนทำข้อสอบ แน่นอนว่าส่วนใหญ่เน้นไปที่นักเรียนเรียนดี เพียงแต่คาดไม่ถึงว่าครั้งนี้เธอจะยืนอยู่ข้างอู่เหมยนานหลายนาที
อู่เหมยรับรู้ได้ถึงรังสีแรงกล้าของอาจารย์ข้างๆ ทำให้แม้แต่ปากกาก็ถือได้ไม่มั่นคง แถมยังเขียนผิดไปหลายตัว กระดาษข้อสอบถูกเธอลบจนเป็นรู อู่เหมยอยากจะร้องไห้แต่ร้องไม่ออก เอาแต่มองรูนั้นและหวังว่าอาจารย์อู๋จะออกไปเร็วๆ ไม่ต้องมา ‘รักใคร่เอ็นดู’ เธอแล้ว
“เวลายังมี ไม่ต้องรีบ!” อาจารย์อู๋พูดเสียงเบา แถมยังใช้นิ้วอันอวบอ้วนของเธอเคาะเบาๆ ลงบนข้อสอบ หลังจากนั้นก็เอามือไพล่หลังเดินจากไป
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 214 อู่เยวี่ยป่วยทางจิต
พออาจารย์อู๋เดินออกไปแล้ว อู่เหมยก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอสงบจิตใจลงและค่อยๆ ทำข้อสอบ ระยะนี้เธอมักจะท่องจำจดโน้ตทุกวัน ท่องซ้ำไปซ้ำมา พูดได้ว่าท่องจำจนขึ้นใจ ผลลัพธ์นั้นก็เห็นได้ชัดว่าเธอตอบคำถามพื้นฐานส่วนใหญ่ได้เหมือนปลาได้น้ำ ทำแบบสบายๆ
เรียงความเธอยิ่งไม่กลัว สิบนาทีก็เขียนเสร็จแล้วเกิน 800 คำ รู้สึกพอใจกับตัวเองเป็นอย่างมาก เธอรู้สึกว่าคะแนนการสอบภาษาครั้งนี้คงไม่แย่อย่างแน่นอน จะต้องผ่านแน่
ข้อสอบเพิ่งจะโดนเก็บไป เจินหวานหว่านก็เดินมาทักอีกว่า “เหมยเหมย เธอทำเสร็จทั้งหมดหรือเปล่า? ฉันลืมทำสองข้อ แถมฉันน่าจะเขียนเรียงความออกนอกเรื่องอีกด้วย คะแนนสอบไม่ถึง 80 แน่ๆ เลย”
อู่เหมยพูดขึ้นมา “ทำก็ทำเสร็จแล้ว ก็ปล่อยให้มันเป็นไปแบบนั้นแหละ!”
เจินหวานหว่านคนนี้น่ารำคาญไม่น้อย ต้องคิดหาทางเปลี่ยนที่นั่งถึงจะดี นั่งกับคนแบบนี้ทุกวัน แค่มองยังรังเกียจ
อาหารกลางวันอู่เหมยก็ไปกินที่ร้านอาหารเล็กๆ ข้างๆ โรงเรียน ตอนเช้าเหอปี้อวิ๋นไม่ได้เตรียมอาหารกลางวันไว้ให้ และเธอเองก็ไม่ได้ขอเงิน อย่างไรแล้วตอนนี้สิ่งที่เธอไม่รู้สึกว่าขาดแคลนเลยก็คือเงิน ดังนั้นกับเงินเล็กๆ น้อยๆ เธอจึงไม่สนใจอีกต่อไป
อู่เชาก็ไปร้านอาหารกับเธอด้วย ตอนกลางวันเขามักจะไปกินที่ร้านอาหาร ฝีมือทำอาหารของตี๋ชิวเยวี่ยแย่กว่าเหอปี้อวิ๋นอีก ไม่มีใครอยากกินกับข้าวที่เธอทำ อีกอย่างเธอก็ขี้เกียจทำด้วย ให้อู่เจิ้งต้าวกับลูกสองคนไปกินข้าวที่โรงอาหาร ถ้าไม่ได้ก็ให้ไปหาคุณยายแล้วกินข้าวที่บ้านนั้น
“เหมยเหมยคอเธอเป็นอะไร? โดนผีอำมาเหรอ?” อู่เชาถามอย่างตื่นเต้น
อู่เหมยกลอกตามองบน แบ่งเกี๊ยวในชามให้เขา “อืม โดนผีบีบมา ผีอู่เยวี่ยตัวนั้นบีบ”
เธอไม่สามารถปิดบังอู่เชาที่อยู่ตรงหน้าเพื่ออู่เยวี่ยได้ อีกทั้งเธอยังคิดจะยืมปากอู่เชากระจายข่าว เป็นตัวแทนอู่เยวี่ยประกาศโฆษณาออกไป!
“อะไรนะ? อู่เยวี่ยบีบ? เธอไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?” อู่เชาให้ความสนใจอย่างมาก ดีดตัวสูงสามฟุต เสียงที่เปล่งออกมานึกว่าโดนคนบีบคอซะอีกเหมือนอย่างกับไก่ขัน
อู่เหมยกินเกี๊ยวชิ้นหนึ่งพลางบอกใบ้ให้อู่เขาเขยิบเข้ามาใกล้ๆ อู่เขาพอได้เห็นก็รู้สึกว่านี่คือเรื่องใหญ่ รีบร้อนเขยิบหัวเข้ามาอย่างดี๊ด๊าด้วยใจที่รักการนินทาซุบซิบ
“ฉันจะบอกอะไรให้ อู่เยวี่ยเธอป่วยทางจิต วันหลังนายก็ระวังหน่อย เมื่อวานเธอบีบคอฉันเกือบตาย นายดู!” อู่เหมยปลดคอเสื้อเผยให้เห็นแผลที่น่ากลัว ทำให้อู่เขาตกตะลึงอ้าปากค้างเลยทีเดียว
“นี่…นี่… นี่โดนอู่เยวี่ยบีบจริงดิ? อู่เยวี่ยเธอไม่ได้โดนผีสิงใช่ไหม?”
“สิงบ้านนายสิ อู่เยวี่ยเธอป่วยทางจิต!”
“อู่เยวี่ยทำไมบีบคอเธอล่ะ?” อู่เชาถามด้วยความแปลกใจ
“ใครจะไปรู้ล่ะ? แต่ว่าเมื่อวานตอนเธอบีบคอฉันนะ เธอพูดว่าเธอสวยกว่าฉัน เธอต้องทำให้ฉันตายเธอถึงจะสบายใจ แต่น่าเสียดายแม่ฉันไม่เชื่อ เอาแต่พูดว่าฉันบีบคอตัวเอง”
อู่เหมยส่ายหัว ก้มหัวลงกินเกี๊ยวของตัวเองต่อ แต่กลับมีสุขเหมือนมีดอกไม้บานในท้อง มีนายอ้วนอู่เชาคอยประกาศเรื่องอู่เยวี่ย ชื่อเสียงเรื่องที่อู่เยวี่ยเป็นบ้าจะต้องกระจัดกระจายปลิวไปตามลมแน่
อุณหภูมิในร้านอาหารก็ไม่ได้ต่ำ เกี๊ยวก็ยังร้อน แต่ใจของอู่เชากลับรู้สึกเย็นยะเยือก หลังเย็นวาบ มองไปที่คอของอู่เหมยอย่างตกตะลึง
ได้ยินมาว่าคนบ้าฆ่าคนไม่ผิดกฏหมาย วันหลังเขาควรจะอยู่ให้ไกลจากอู่เยวี่ยดีหรือไม่?
อู่เหมยใส่ไฟลงไปอีก พูดอย่างจริงจังว่า “อู่เชานายก็ต้องระวังหน่อยนะ อู่เยวี่ยน่ะเธอขี้อิจฉาสุดๆ ถ้าเรียงความของนายเขียนดีกว่าของเธอ บางทีวันไหนเธออาจจะ…”
ประโยคหลังเธอไม่ได้พูดออกมา แต่ว่าเอาตะเกียบมาทำท่าปาดที่คอแทน อู่เชาตัวสั่นแล้วสั่นอีก วันนี้ทำไมหนาวจัง?
หิมะตกแล้วใช่หรือเปล่า เห็นทีเขาต้องกลับไปใส่เสื้อหนาวซะแล้ว!
…………………………………………………………………………………………..