ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 219 สะสมทรายให้เป็นหอคอย + ตอนที่ 220 มีบ้านแล้ว
ตอนที่ 219 สะสมทรายให้เป็นหอคอย
ต่อให้ผ่านไปครึ่งค่อนวันอู่เหมยก็คงไม่ได้แกะกระดุม เหยียนหมิงซุ่นมองเธออย่างสงสัย จึงพูดอีกครั้ง แต่พอเห็นเธอมีท่าทางเขินอาย ก็อดหัวเราะไม่ได้ “เธอน่ะคราบน้ำนมยังไม่ทันแห้งเลย จะเขินอายอะไร?”
ในความคิดของเขา อู่เหมยก็ไม่ต่างจากตุ๊กตาเด็กน้อยสักเท่าไหร่ ไหนเลยจะต้องมาแบ่งชายหญิง
อู่เหมยพูดอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “ฉันมีกลิ่นน้ำนมไม่แห้งยังไง? ฉันอายุ 12 ปีแล้วนะ”
เธอเพียงแค่ร้องเอะอะ แววตาของเหยียนหมิงซุ่นก็ดูเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม จึงค่อยๆ อ่อนลง ท้ายสุดก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา แกะกระดุมคอเสื้ออย่างเชื่อฟัง ตัวเองรู้สึกคลายกังวล ยังไงซะหน้าอกเธอตอนนี้มีก็เหมือนไม่มี มีก้นก็เหมือนไม่มีก้น จริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีอะไรน่าดู
พอแกะกระดุมออกรอยแผลก็เด่นมากขึ้น เหยียนหมิงซุ่นพลันโมโหอย่างรุนแรง ถามเสียงต่ำว่า “ยังเจ็บอยู่ไหม?”
“ไม่โดนก็ไม่เจ็บ… โอ๊ยยย เจ็บจะตายแล้ว!”
เหยียนหมิงซุ่นใช้มือถูขยี้ไปมาบนคอของเธอเหมือนกับซักผ้า เจ็บจนเธอใจจะขาด น้ำตาไหลลงมา จ้องมองคนลงมืออย่างติเตียน ก็บอกว่าไม่เจ็บแล้ว ยังจะทายาให้เธออีกทำไม?
“ทายาจะหายได้เร็วกว่า ไม่อย่างนั้นเนี่ยเดือนหนึ่งผ่านไปแผลเธอก็ยังไม่จางหายหรอก”
เหยียนหมิงซุ่นมองอย่างขบขัน อธิบายด้วยความอดทน แต่แรงที่มือก็ไม่ได้เบาลง ขาดเพียงไม่ได้ทาทะลุเข้าไปในเส้นเลือดของอู่เหมยแค่นั้น ไม่ง่ายเลยกว่าจะทาเสร็จ อู่เหมยเจ็บจนเหงื่อออกไปทั้งตัว ทั่วลำคอแสบร้อนเหมือนไฟเผา กลิ่นยาลอยโชยมาขึ้นจมูก
“ขอบคุณพี่หมิงซุ่น!”
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เห็นแก่ยาของเหยียนหมิงซุ่น แต่คำขอบคุณก็ยังต้องพูด เสียงของเธอขึ้นจมูกแถมยังมีความคับข้องใจด้วย เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะ “ผ่านไปสองวันพี่ค่อยทาให้เธออีก ครึ่งเดือนก็น่าจะดีขึ้นมากแล้ว”
อู่เหมยทำหน้ายู่ ยังต้องทาอีกตั้งครึ่งเดือน คอของเธอคงโดนทาจนหนังลอกเป็นชั้นๆ แน่!
เหยียนหมิงซุ่นถามอีกครั้ง “แผลของเธอไปโดนอะไรมา เป็นอู่เยวี่ยบีบจริงๆ หรือ?”
อู่เหมยเงยหน้าอย่างประหลาดใจ เหยียนหมิงซุ่นแค่มองสีหน้าของเธอก็รู้ว่าต้องเป็นฝีมือของอู่เยวี่ยอย่างไม่ต้องสงสัย ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว อู่เยวี่ย เด็กผู้หญิงคนนี้อายุไม่เยอะแต่จิตใจกลับโหดเหี้ยม นึกไม่ถึงเลยว่าจะลงมือหนักขนาดนี้!
“ทำไมอู่เยวี่ยถึงอยากบีบคอเธอ?”
อู่เหมยทำปากพะงาบๆ ไม่รู้ทำไม อยู่ต่อหน้าเหยียนหมิงซุ่นคำโกหกนิดเดียวเธอก็ไม่กล้าพูดออกมา รู้สึกเสมอว่าดวงตาของเหยียนหมิงซุ่นนั้นสามารถมองได้อย่างทะลุปรุโปร่งและเธอก็หมดหนทางที่จะปิดซ่อน
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ช่วงนี้พี่สาวของฉันจิตใจไม่ค่อยปกติ บอกตลอดว่าฝันร้าย” อู่เหมยก้มหัวลงพูดเสียงเบา ไม่กล้าสบตาเหยียนหมิงซุ่น กลัวเขามองออกถึงความกลัวในใจของเธอ
เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้สงสัยอะไร ที่สำคัญคือเขาไม่รู้สึกว่าเด็กซื่อบื้ออย่างอู่เหมยคนที่ขี้ขลาดเหมือนหนูคนนี้จะมีเขี้ยวเล็บไปทำร้ายใครได้ คนที่อยากทำร้ายคนก็คืออู่เยวี่ย ผู้หญิงจำพวกใจดำอำมหิต
“เธอก็ระวังหน่อย ไม่ต้องนอนห้องเดียวกับอู่เยวี่ยแล้ว จะดีที่สุดถ้าหากให้คุณครูอู่จัดการห้องเดี่ยวให้เธอนอน” เหยียนหมิงซุ่นพูดกำชับ ในใจเป็นห่วงอย่างมาก อู่เยวี่ยตอนนี้ก็เหมือนระเบิดเวลา ไม่แน่ว่าเมื่อไรจะทำร้ายคน อู่เหมยใช่คู่ต่อสู้ของเธอซะที่ไหน
อู่เหมยมองเขาอย่างซาบซึ้งใจ พูดยิ้มๆ ว่า “อืม รอผลคะแนนของวิชาภาษาออกมาแล้วจะพูดกับพ่อดูนะ”
เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะถามขึ้นมาว่า “ทำข้อสอบได้ไม่เลว?”
“ไม่มีไม่เลว แค่รู้สึกว่าพอได้ แต่แน่นอนว่าดีกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย” อู่เหมยรู้สึกเขินอายเมื่อพูดถึงเศษเสี้ยวคะแนนต่อหน้านักเรียนเรียนเก่งอย่างเหยียนหมิงซุ่น ไม่ควรค่าที่จะเอ่ยถึงเลย
มีพัฒนาการขึ้นก็ดี พัฒนาขึ้นวันละนิดวันหน่อย สะสมทรายจนมันกลายเป็นหอคอย สุดท้ายแล้วผลลัพธ์จะต้องออกมาน่าทึ่งมากแน่ๆ” เหยียนหมิงซุ่นพูดให้กำลังใจ
อู่เหมยพยักหน้าอย่างแรง ฉับพลันก็มีความเชื่อมั่นเต็มร้อย
แค่สะสมทรายให้เป็นหอคอย เธอนักเรียนเรียนบ๊วยตัวเล็กๆ คนนี้จะต้องปีนถึงยอดพีระมิดได้แน่นอน ถึงอย่างไรก็ต้องสูงกว่าอู่เยวี่ย และเหยียบให้ตาย!
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 220 มีบ้านแล้ว
ฉิวฉิวกระโดดลงมาจากต้นไม้ กระโดดลงที่ไหล่ของเหยียนหมิงซุ่น หางยาวๆ สะบัดไปสะบัดมา หันไปทางอู่เหมยแล้วส่งเสียงเรียก อู่เหมยเขย่งปลายเท้าตีหัวฉิวฉิว อีกทั้งยังดึงฉุดหางของมัน ความสุขของเด็กสาวตัวน้อยส่งต่อถึงเหยียนหมิงซุ่น มุมปากยกขึ้นตลอด แม้แต่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
“บ้านพี่หาได้แล้ว อยู่ตรงถนนฮวายไห่ สถานที่ก็ไม่เลว เพียงแค่เล็กไปหน่อย มีแค่สองห้องและยังมีลานบ้านเล็กๆ เจ้าของห้องจะไปต่างประเทศแล้ว ก็เลยฝากคนขายบ้าน เรียกราคาสองพัน พี่ต่อเหลือพันแปด เจ้าของบ้านเขาก็ตกลง เธออยากจะไปดูบ้านไหม?” เหยียนหมิงซุ่นพูดช้าๆ
อู่เหมยตื่นเต้นเป็นอย่างมาก “ขอบคุณพี่หมิงซุ่นมากเลย บ้านไม่ต้องดูแล้ว พี่บอกว่าดีก็ต้องดีมากอย่างแน่นอน ฉันต้องให้เงินพี่เมื่อไรล่ะ?”
“วันเสาร์อาทิตย์นี้ก็ได้ พี่จะพาเธอไปทำเรื่องโอนย้ายพี่ขอให้คุณอาหมิงทำบัตรประจำตัวปลอมให้เธอ ชื่อว่าอู๋เจียว สถานภาพของคนนี้ เธอไม่ต้องกังวลไปนะ สำนักงานรักษาความปลอดภัยจะมีเอกสารแยกเก็บไว้ หลังจากที่เธอโตขึ้น เธอก็สามารถทำเรื่องย้ายบ้านจากชื่ออู๋เจียวมาเป็นชื่อของเธอได้” เหยียนหมิงซุ่นอธิบาย
อู่เหมยไม่เคยคิดสงสัยเลยว่าเหยียนหมิงซุ่นจะวางอุบายอะไร เขาคนนี้ในอนาคตจะกลายเป็นผู้นำระดับสูง เป็นคนที่ใจคอกว้างขวางและตรงไปตรงมา จะเอาเงินเล็กๆ น้อยๆ ของเธอได้อย่างไร?”
เธอพยักหน้าโดยไม่ลังเลสักนิด “อืม แล้วแต่พี่หมิงซุ่นเลย”
เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะ ตั้งใจถาม “เธอไม่กลัวโดนพี่หลอกเอาเงินเหรอ?”
“ไม่มีทาง พี่หมิงซุ่นไม่ใช่คนแบบนั้น”
ทันใดนั้นเหยียนหมิงซุ่นก็รู้สึกว่าจิตใจสดใสเบ่งบานขึ้นมา ความเชื่อใจของเด็กน้อยทำให้เขาดีใจมาก มุมปากยกยิ้มมากขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าก็อ่อนโยนมากยิ่งขึ้น อดไม่ไหวยกมือขึ้นลูบหัวของอู่เหมย พูดอย่างอ่อนโยนว่า “รีบกลับไปนอนเถอะ วันอาทิตย์พี่จะพาไปดูบ้าน”
อู่เหมยอุ้มฉิวฉิว หันไปทางเหยียนหมิงซุ่นยกมือขึ้นลง ก้าวเท้าอย่างผ่อนคลายกลับบ้าน อาทิตย์นี้มีแต่เรื่องดีซ้ำแล้วซ้ำอีก นอกจากเรื่องที่อู่เยวี่ยโชคร้ายครั้งใหญ่ เธอก็จะได้บ้านของตัวเองเร็วๆ นี้ อีกทั้งยังเป็นถนนฮวายไห่ทำเลทองตรงนั้นอีก บ้านหนึ่งหลังก็พอที่เธอจะกินอยู่ไปตลอดชีวิตแล้ว
ผ่านไปอีกไม่กี่วันเธอค่อยไปดูตลาดหนานสุ่ย ซื้อของที่ฉิวฉิวชอบเป็นพิเศษในตอนนั้นกลับมาให้หมด หลังจากนั้นก็เลือกออกมาอีกหน่อยเพื่อขายออกไป แบบนี้เธอก็จะสามารถซื้อบ้านได้อีก สามารถมีบ้านหลายหลังอยู่ในเมืองจิน หลังจากนี้ไปหากเธออาศัยแค่ค่าเช่าก็สามารถใช้ชีวิตแบบสบายๆ ได้แล้ว!
วันหยุดสุดสัปดาห์ที่อู่เหมยร้อนใจรอคอยค่อยๆ มาถึง ไม่เกินจากที่เธอคาดไว้ อาจารย์อู๋อุ้มกองข้อสอบเดินเข้ามาในห้องเรียน หน้ากลมอ้วนไม่แสดงอารมณ์อะไร หัวใจของอู่เหมยพุ่งมาอยู่ที่คอหอย จ้องมองกระดาษข้อสอบอย่างตื่นเต้น อยากจะรู้คะแนนสอบของตัวเองเหลือเกิน!
“อู่เหมย 74คะแนน เทอมนี้นักเรียนอู่เหมยมีความพัฒนาอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่แค่วิชาภาษา วิชาเลข วิชาอังกฤษสองวิชานี้ก็พัฒนาเร็วอย่างน่าทึ่งเหมือนกัน อาจารย์สวี่กับอาจารย์หลิวต่างก็เคยมารายงานกับฉัน หวังว่านักเรียนอู่เหมยจะไม่อวดดีอวดเก่ง รักษาระดับการเรียนปัจจุบันไว้เพื่อการพัฒนาที่ใหญ่กว่านี้!”
ภายใต้สายตารักใคร่เอ็นดูของอาจารย์อู๋ อู่เหมยเดินอย่างล่องลอยขึ้นแท่นไปหยิบกระดาษข้อสอบของเธอและล่องลอยกลับมาที่ที่นั่งของตัวเอง บนกระดาษข้อสอบมีตัวเลข 74 สีแดง เธอดูแล้วดูอีก นี่เป็นคะแนนที่สูงที่สุดในสองชีวิตของเธอเลย
แต่ก่อนสอบก็ได้คะแนนแค่สิบอันดับ ไม่เคยได้มากกว่าที่ห้าเลย!
เจินหวานหว่านมองกระดาษข้อสอบของอู่เหมยอย่างอิจฉา เธอสอบได้แค่ 71 คะแนน น้อยกว่าอู่เหมยอีก นี่ทำให้เธอรู้สึกอัปยศอดสูมาก ทำให้เธอเกลียดอู่เหมยหนักยิ่งกว่าเดิมอีก!
คนบางคนก็เป็นเช่นนี้ ถ้าตัวเองมีบางอย่างที่คนอื่นไม่มีก็จะหัวเราะเยาะคนอื่น แต่ถ้าคนอื่นมีสิ่งที่ตัวเองไม่มีก็จะอิจฉาริษยาและเกลียดพวกเขา ทางที่ดีคนอื่นควรจะทุกข์ยากมากกว่าตัวเองร้อยเท่า แบบนี้เธอก็จะมีความสุข แต่ถ้ามีอยู่วันหนึ่งคนอื่นได้ดีกว่าเธอ แบบนั้นก็จะเกลียดเขา เจินหวานหว่านก็เป็นคนจำพวกนี้
อู่เหมยก็คือนังอัปลักษณ์ ตอนที่ยังเป็นนักเรียนเรียนห่วยในตอนนั้น เธออารมณ์ดีอย่างมาก แต่ตอนนี้เธอรู้สึกอึดอัดใจยิ่งกว่ากินขี้หมาอีก หน้าตาสวยกว่าเธอ คะแนนก็ยังดีกว่าเธออีก ไม่อึดอัดใจสิถึงจะแปลก!
…………………………………………………………………………………………..