ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 225 ฉันโดนเก็บมา + ตอนที่ 226 เปิดโปงเธอออกมาทั้งหมด
ตอนที่ 225 ฉันโดนเก็บมา
พอเห็นอู่เหมยวิ่งออกไปข้างนอกอย่างไม่สนใจไม่คำนึงถึงอะไรทั้งนั้น อู่เจิ้งซือก็สีหน้าเปลี่ยน จ้องเขม็งมองเหอปี้อวิ๋นอย่างโหดเหี้ยม พุ่งไปข้างหน้าคิดอยากจะจับอู่เหมยกลับมา ตอนนี้ตรงระเบียงทางเดินทุกคนต่างก็กำลังทำกับข้าวกันอยู่ อู่เหมยวิ่งออกไปแบบนี้
แล้ววันหลังเขาจะเหลือหน้าไปเจอใครได้!
“เหมยเหมยกลับมา!” อู่เจิ้งซือตะโกน
แน่นอนว่าอู่เหมยไม่ฟังเขา เธอโดนตบหน้าทั้งที จะไม่ปล่อยเหอปี้อวิ๋นไปง่ายๆ หรอก ครั้งนี้เธอจะทำให้ทั้งโรงเรียนได้เห็นได้รู้ว่า ‘แม่ศรีเรือน’ อย่างเหอปี้อวิ๋นนั้นโฉมหน้าที่แท้จริงเป็นยังไง!
เสียงประตูเปิดดังขึ้นมา ใจของอู่เจิ้งซือตกถึงตาตุ่ม ได้แต่มองอู่เหมยพุ่งออกไป เขาเห็นแม้กระทั่งสายตาที่ตกใจของเพื่อนร่วมงานกับเพื่อนบ้าน อีกทั้งเสียงซุบซิบลับหลังพวกนั้นอีก ทำให้ความโกรธภายในใจพุ่งถึงจุดสูงสุด
อู่เจิ้งซือได้แต่ฝืนใจวิ่งออกไป ต้องจับตัวอู่เหมยกลับมาถึงจะดี ไม่อย่างนั้นปล่อยให้ออกไปแบบนี้มันจะเลยเถิดไปกันใหญ่
“อู่เหมยกลับมา เชื่อฟังพ่อนะ!” อู่เจิ้งซือพูดด้วยเสียงนุ่มนวล
“ไม่เอา เธอจะตีหนูตาย เธอไม่ใช่แม่ของหนู เธอยังอำมหิตกว่าแม่เลี้ยงอีก!” อู่เหมยตะโกน พูดด้วยเสียงสะอึกสะอื้น แล้วยังทำให้ผู้คนที่อยู่บนระเบียงทางเดินตกใจ กระทั่งคนที่อยู่ในห้องต่างก็วิ่งออกมาดูความวุ่นวายด้วย
อาจารย์แม่จางที่อยู่ใกล้ๆ ออกมาก่อนใคร มองเห็นอู่เหมยหมอบอยู่ที่พื้นร้องไห้อย่างน่าเวทนา หน้าบวม มีรอยนิ้วมือห้านิ้วที่น่าตกใจปรากฏอย่างชัดเจน อาจารย์แม่จางเห็นแค่แวบเดียวก็รู้ว่าสาวน้อยโดนตีอีกแล้ว จึงโมโหเหอปี้อวิ๋นถึงขีดสุด
ใบหน้าที่สวยงามขนาดนี้ เธอลงมือลงได้ยังไง?
เทียบกับแม่เลี้ยงยังไม่ได้เลยจริงๆ!
“อาจารย์อู่ คุณกับอาจารย์เหอต่างก็เป็นปัญญาชน รู้อะไรมากว่าฉันเยอะ ในปกตินั้นฉันไม่มีคุณสมบัติจะพูดอะไร แต่ฉันอดรนทนไม่ไหวอยากพูดสักประโยค ลูกสาวต่างก็ควรโดนอบรมสั่งสอนก็จริง แต่ถ้าฉันมีลูกสาวที่ดีขนาดอู่เหมย ไม่ต้องพูดถึงตบหน้า แม้กระทั่งที่ปลายนิ้วมือฉันยังตัดใจลงมือไม่ได้เลย อาจารย์อู่ คุณว่านี่มีเหตุผลหรือ?”
อาจารย์แม่จางมองอู่เจิ้งซืออย่างไม่พอใจ ภรรยาตีลูก เขาก็ไม่รู้จักขวางหน่อย โชคร้ายที่เขายังเป็นอาจารย์ตัวอย่างที่ควรศึกษาเอาอย่างอีกนะ!
“อาจารย์แม่จางพูดมีเหตุผล ครั้งนี้เหอปี้อวิ๋นทำรุนแรงเกินไป ผมจะต้องพูดสั่งสอนเธอแน่นอน”
อู่เจิ้งซือยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติ อับอายจนอยากจะหารอยแยกที่พื้นมุดลงไป แล้วก็โมโหเหอปี้อวิ๋นถึงขีดสุดเหมือนกัน
“อาจารย์อู่ไม่โทษที่ฉันมายุ่งเรื่องที่ไม่ควรยุ่งก็พอ ฉันแค่รักแล้วก็สงสารเหมยเหมย เด็กคนนี้ดีแต่ไหนแต่ไร เห็นหน้าบวมๆ พรุ่งนี้จะไปเรียนยังไง!” อาจารย์แม่จางมองอู่เหมยอย่างปวดใจ
คนอื่นๆ ก็ล้อมเข้ามา ต่างก็โดนหน้าบวมแดงของอู่เหมยทำให้ตกใจกันเป็นอย่างมาก ได้แต่มองอู่เจิ้งซืออย่างแปลกใจ ยิ่งทำให้อู่เจิ้งซือรู้สึกอับอายมากขึ้นเรื่อยๆ อับอายขายขี้หน้าไปหมด
“ปี้อวิ๋นเธอหุนหันพลันแล่นไปหน่อย เดี๋ยวผมจะพูดคุยกับเธอเอง” อู่เจิ้งซือรีบอธิบาย ไม่ว่ายังไงเขาควรจะกันตัวเองออกมาถึงจะดี
“อาจารย์อู่ก็จำเป็นต้องพูดดีๆ อาจารย์เหอก็เรียกได้ว่าเป็นปัญญาชนคนหนึ่ง ไม่ใช่พวกผู้หญิงชนบทที่ขาดความรู้ ต่อให้ลูกทำไม่ถูกยังไงก็ควรจะอดทนอธิบายเหตุผลกับลูก จะมาลงมือหนักกับลูกขนาดนี้ได้ยังไง? มองดูหน้าเหมยเหมยสิกลายเป็นอะไรแล้ว! ยังมีคอของเหมยเหมยอีก แผลเก่ายังไม่ทันหาย นี่ก็มีแผลใหม่เพิ่มเข้ามาอีก คุณเป็นพ่อเธอคุณไม่ปวดใจ แต่ฉันมองดูจนปวดใจไปหมดแล้ว”
จ้าวอิงหนานที่เพิ่งได้ยินข่าวก็ลงมาพูดอย่างไม่เกรงใจอะไรทั้งนั้น เดิมทีเธอก็ไม่ชอบความลำเอียงของเหอปี้อวิ๋นอยู่แล้ว ไม่กี่วันก่อนคอของอู่เหมยก็โดนบีบจนกลายเป็นแบบนั้น เธอก็โดนพ่อสยงจับเอาไว้ ถึงไม่ได้ลงมาโต้เถียงเอาความกับเหอปี้อวิ๋น ตอนนี้เห็นหน้าของอู่เหมยโดนตบจนกลายเป็นแบบนี้ สีหน้าของเธอยิ่งดูไม่ได้เข้าไปใหญ่ พูดจาอะไรก็ไม่ไว้หน้ากันเลยสักนิด
อู่เหมยพอเห็นจ้าวอิงหนาน จิตใจที่เคร่งเครียดก็ผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็ว ดวงตาพร่ามัว น้อยใจร้องไห้ออกมาว่า “หนูไม่ได้ทำอะไรผิด หนูยังสอบวิชาภาษาได้ 74 คะแนน อาจารย์ต่างก็ชมเชยหนู แต่แม่กลับด่าหนู บอกว่าหนูสอบสู้พี่สาวไม่ได้แต่ก็เห็นๆ อยู่ว่าหนูมีความก้าวหน้า แต่พี่สาวกลับถอยหลัง ที่หนึ่งก็ไม่ได้ แม่อารมณ์ไม่ดีก็เลยมาระบายอารมณ์กับหนู ตั้งแต่ตอนเล็กๆ ก็เป็นแบบนี้ คงมีแค่พี่สาวที่แม่เป็นคนให้กำเนิดออกมา ส่วนหนูก็คงเก็บมาเลี้ยง!”
…………………………………………………………..
ตอนที่ 226 เปิดโปงเธอออกมาทั้งหมด
อู่เจิ้งซือสีหน้าเปลี่ยน มองอู่เหมยอย่างไม่สบายใจ พูดเสียงเบา “เหมยเหมย พูดแบบนี้กับแม่ไม่ได้นะ!”
“หนูไม่ได้พูดอะไรผิด แม่ดีกับพี่สาวมาก เสื้อผ้าใหม่ รองเท้าใหม่ นมมอลต์ น้ำมันตับปลา อะไรก็ตามที่ดีที่สุด หนูไม่มีของพวกนี้เลย ขนาดข้าวกลางวันก็ไม่มีให้กิน แถมยังต้องทำงานบ้านทุกวัน วันไหนอารมณ์ไม่ดีก็มาลงที่หนู เธอไม่ใช่แม่แท้ๆของหนู หนูจะต้องเป็นลูกที่พวกคุณเก็บมาจากถังขยะแน่นอน!”
อู่เหมยไม่ห่วงไม่สนใจเริ่มส่งเสียง ถึงอย่างไรตอนนี้เธอก็ซื้อห้องของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ถึงอู่เจิ้งซือจะไม่พอใจเธอก็ไม่กลัว อย่างมากก็แค่ไปอยู่ห้องใหม่คนเดียว ยังไงก็สบายกว่าที่นี่แน่นอน
ทุกคนที่มุงกันอยู่ต่างมีสีหน้าลุ่มลึก เมื่อก่อนชีวิตขมขื่นที่อู่เหมยได้เจอ แน่นอนว่าพวกเขารู้มาบ้าง เพียงแต่พวกเขาต่างก็เป็นพวกเห็นแต่ไม่พูด มันไม่คุ้มที่จะล่วงเกินใครเพื่อเด็กน้อยคนเดียว
แต่วันนี้อู่เหมยก็เปิดโปงออกมาด้วยตัวเอง อีกทั้งยังพูดเรื่องเหล่านี้ที่หนักกว่าที่พวกเขาคิดอีก พวกเขาอยากแสร้งว่าไม่รู้ก็คงไม่ได้แล้ว อีกทั้งในใจของทุกคนก็ต้องมีความแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรมอยู่บ้างจะมากจะน้อยก็ตาม
เหอปี้อวิ๋นทำแบบนี้ มิน่าเล่าเด็กน้อยถึงต้องร้องขอความเป็นธรรม ลูกสาวคนโตเป็นลูกรัก แต่กลับมองลูกสาวคนเล็กไร้ค่ายิ่งกว่าหมาอีก เด็กคนไหนจะสามารถรับได้?
อู่เหมยอดทนจนถึงตอนนี้ถึงได้ระเบิดออกมา สำหรับเด็กคนนี้ นี่มันเป็นเรื่องยากลำบากจริงๆ!
เหอปี้อวิ๋นที่อยู่ในห้องได้ฟังที่อู่เหมยพูดอย่างชัดเจนทุกคำ ใจก็ตกลงเบื้องล่าง ตอนนี้เธอสงบเยือกเย็นลงมาแล้ว รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากกับสิ่งที่ทำลงไปเมื่อกี้ เวลานี้ภาพลักษณ์ที่ดีของเธอถูกนังเด็กสมควรตายคนนี้พังลงไปแล้ว!
อู่เยวี่ยกัดริมฝีปากซ้ำแล้วซ้ำอีก นำเรื่องเสียใจของตัวเองวางลงไว้ก่อนชั่วคราว ขณะนี้สิ่งที่เร่งด่วนก็คือกอบกู้ชื่อเสียงของเหอปี้อวิ๋น พ่อไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่ ในระยะนี้พ่อเริ่มดีกับอู่เหมยมากขึ้น ตรงกันข้ามกลับเย็นชากับเธอ เธออยากจะมีชีวิตที่ดีต่อไปในบ้าน ก็ควรจะสนับสนุนเหอปี้อวิ๋นถึงจะดี
“แม่ แม่ก็ควรจะพูดออกมาสักประโยค ไม่ควรให้อู่เหมยพูดสุ่มสี่สุ่มห้า แม่เป็นผู้ใหญ่นะ!” อู่เยวี่ยแอบแนะนำ
เหอปี้อวิ๋นถูกลูกสาวคนโตปลอบใจ กัดฟันจนฟันแทบแตกด่าออกมาว่า “นังเด็กนี่สมควรตาย หลังจากนี้จะต้องจัดการกับเธอทีหลังแน่!”
“แม่ วันหลังแม่ก็เก็บอาการหน่อยเถอะ ระยะนี้เหมยเหมยเปลี่ยนไปมาก แม่ก็อย่าลงมืออีก แม่กลับทำเพื่อให้เหมยเหมยได้ดี แต่เหมยเหมยกลับไม่เข้าใจความเมตตาของแม่ ตรงกันข้ามยังออกไปข้างนอกแล้วทำลายชื่อเสียงของแม่อีก แม่ได้รับความไม่เป็นธรรมมากเลยนะ!” อู่เยวี่ยพูดโน้มน้าว อีกทั้งยังไม่ลืมพูดใส่ความอู่เหมย เหอปี้อวิ๋นยิ่งรังเกียจอู่เหมยจนเดือดพล่านไปหมด
“นังเด็กสมควรตาย ใจดำทมิฬ เลี้ยงเสียข้าวสุก” เหอปี้อวิ๋นบ่นพึมพำด่าไม่หยุด อู่เยวี่ยฟังแล้วก็หงุดหงิดรำคาญ เร่งเหอปี้อวิ๋นให้รีบออกไปข้างนอกเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงให้ตัวเอง แล้วก็ถือโอกาสกอบกู้ชื่อเสียงให้เธอด้วย
“เธอไม่ได้คะแนนตก เธอแค่เกิดเหตุขึ้นกะทันหัน ถ้าไม่ท้องเสียและก็มีกลิ่นเหม็นที่ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้ยังไงล่ะก็ ที่หนึ่งยังไงก็เป็นของเธอแน่ๆ ไหนเลยจะตกไปที่สยงมู่มู่ได้!”
จ้าวอิงหนานที่อยู่บนระเบียงทางเดินกอดอู่เหมยไว้ในอ้อมแขน หยิบผ้าเช็ดหน้ามาเพื่อเช็ดน้ำตาให้ ไม่รู้ทำไม พอเห็นอู่เหมยไม่ได้รับความเป็นธรรม ใจของเธอก็รู้สึกว้าวุ่นไม่สงบ จากที่ไม่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นจนเธอทนไม่ไหวอยากจะยื่นมือเข้ามาช่วย
“อาจารย์อู่ ไม่ว่าจะอย่างไรคุณก็เป็นอาจารย์ตัวอย่างใช่ไหม? ทำไมถึงไม่อบรมสั่งสอนอาจารย์เหอบ้าง มองวิธีการสั่งสอนของเธอแล้ว ตรงไหนที่เหมือนอาจารย์ หา? คะแนนตกอันดับกลับถูกปกป้องมากขึ้น คนที่พัฒนากลับโดนตี โอ้โห! นี่เป็นทัศนคติในการสั่งสอนเด็กของประเทศไหนเนี่ย? ฉันเกิดมาก็เพิ่งเคยได้ยินเนี่ยแหละ!”
แต่ไหนแต่ไรมา ยามปกติตอนอยู่ในโรงเรียนจ้าวอิงหนานมักจะพูดน้อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่ชอบพูด เธอเป็นคนปากร้าย ชอบพูดตรงๆ แต่ไม่พูดเยอะเพราะกลัวคนอื่นที่จิตใจอ่อนแอเปราะบางจะรับไม่ไหว!
…………………………………………………………..