ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 229 รับกลับไปเป็นน้องสาว + ตอนที่ 230 ความกลัวของอู่เจิ้งซือ
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 229 รับกลับไปเป็นน้องสาว + ตอนที่ 230 ความกลัวของอู่เจิ้งซือ
ตอนที่ 229 รับกลับไปเป็นน้องสาว
อู่เจิ้งซือที่ไม่ได้ส่งเสียงนานก็ส่งเสียงตำหนิว่า “เหมยเหมย อย่าพูดจาส่งเดชสิ”
เหอปี้อวิ๋นหัวเราะอย่างเก้อเขิน เธอแอบเตือนอู่เหมยตั้งหลายรอบแล้ว แต่ยัยเด็กสมควรตายนี่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แม้แต่มองยังไม่มองเธอเลย นังคนขี้ขบถ เธอโมโหจะตายอยู่แล้ว
อู่เหมยแกล้งทำเป็นหวาดกลัวตัวสั่นแล้วสั่นอีก สยงมู่มู่ที่วิ่งลงมาเรียกแม่ตัวเองนั้น ได้ยินที่อู่เหมยพูดชัดเจนทุกถ้อยคำ พอได้เห็นหน้าของเธอที่บวมเหมือนหัวหมู ทันใดนั้นก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที
เด็กคนนี้ถึงแม้ว่าจะโง่เขลาไปหน่อย แต่เขามองดูแล้ว สองสามีภรรยาตระกูลอู่คู่นี้ยังไงก็ไม่ใช่คนดี
“อู่เหมยเธอไม่จำเป็นต้องไปสถานสงเคราะห์หรอก ย้ายไปที่บ้านฉันก็ได้แล้ว แม่ แม่ไม่ได้ชอบพูดว่าถ้าผมเป็นลูกสาวคงดี ผมเนี่ยแม่คงหวังไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นแม่ก็รับเอาอู่เหมยกลับบ้านให้มาเป็นน้องสาวของผมแทนดีไหม? เธอก็มีหน้าตาที่ไม่แย่ คงไม่ทำให้บ้านเราขายหน้าหรอก”
สยงมู่มู่พูดขึ้นมาอย่างไม่มีพิธีรีตอง อีกทั้งยังยื่นมืออกไปดึงอู่เหมย เพิ่งมาถึงไม่ทันไรก็แสดงท่าทีจะรับเอาคนกลับบ้านแล้ว ทำเอาทุกคนหัวเราะขบขันกันไปหมด แต่อู่เจิ่งซือนั้นขำไม่ออกแม้แต่นิดเดียว
ตั้งแต่เกิดมาวันนี้เป็นวันที่เขา อู่เจิ้งซือ กลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่สุดวันหนึ่ง แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยเสียหน้าขนาดนี้มาก่อน เขานึกไม่ออกเลยว่า หลังจากวันนี้เขาจะมีหน้าไปพบปะอาจารย์คนอื่นๆ และนักเรียนได้อย่างไร!
“เด็กๆ ก็พูดจาไร้เดียงสาแบบนี้แหละ!” อู่เจิ้งซือฝืนยิ้มอย่างเสียไม่ได้
จ้าวอิงหนานใจเต้น ก้มหน้าลงพินิจพิเคราะห์อู่เหมย เธอชอบเด็กคนนี้มากจริงๆ แม้กระทั่งตัวเธอเองยังไม่รู้ว่าเพราะอะไร เพิ่งจะพบเจอก็ชอบทันที แม้ว่าสยงมู่มู่จะยังเป็นเด็กพูดเล่นๆ แต่กลับพูดได้ตรงใจเธอ
ปีนั้นที่ที่เธอไปคือเมืองเป่ยต้าฮว่าง ผู้หญิงและผู้ชายก็ต่างทำงานหนักไม่แพ้กัน เธอเป็นคนนิสัยดื้อรั้น ไม่อยากให้ใครเรียกตัวเองว่ายัยเด็กอ่อนแอ แม้กระทั่งประจำเดือนมา เธอก็ยังทำทุกอย่างเหมือนผู้ชาย เท้าเปล่าลงไปทำงานในนา จนกระทั่งต่อมาพ่อของสยงมู่มู่และกองร้อยมาถึง มาปกป้องดูแลเธอ เป็นแบบนี้ค่อยดีขึ้นบ้าง
ตั้งแต่เวลานั้นก็มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เพราะว่ามดลูกได้รับความเย็น ไม่ง่ายเลยกว่าเธอจะมีสยงมู่มู่ อีกทั้งยังคลอดก่อนกำหนด ตอนสยงมู่มู่เพิ่งเกิดนั้นตัวเล็กเหมือนกับหนู ตอนนั้นเธอคิดว่าจะเลี้ยงไม่รอดซะแล้ว
โชคดีที่สวรรค์มีตา สยงมู่มู่เติบโตมาอย่างปลอดภัย แต่ว่าร่างกายเธอได้รับความเสียหายมาก มีลูกอีกครั้งคงยาก พอไม่สามารถมีลูกสาวได้ เธอก็รู้สึกเสียใจมากมาตลอดในชีวิตนี้
ตอนนี้สยงมู่มู่ก็พูดขนาดนี้แล้ว จ้าวอิงหนานก็เกิดความคิดที่จะเปลี่ยนใจแล้วจริงๆ ยิ้มกริ่มพินิจพิเคราะห์อู่เหมย
“สยงมู่มู่ของฉันพูดมาก็มีเหตุผล เด็กน้อยเหมยเหมยคนนี้ฉันเห็นครั้งแรกก็ชอบเลย ไม่อย่างนั้นก็ให้เธอมาเป็นลูกบุญธรรมของฉันเถอะ อาจารย์อู่คุณว่าเป็นยังไง?” จ้าวอิงหนานพูดยิ้มๆ
ทุกคนสีหน้าเปลี่ยน นึกไม่ถึงว่าจ้าวอิงหนานจะรับอู่เหมยเป็นลูกบุญธรรมจริงๆ อู่เหมยเด็กคนนี้มีความโชคดีในความโชคร้ายจริงๆ ได้ที่พึ่งที่ดีขนาดจ้าวอิงหนาน
มีบางคนเคลื่อนไหวอย่างมุ่งหวังจะประจบเอาใจ หัวเราะพูดหยอกล้อว่า “โอโห มองไป ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าอาจารย์จ้าวกับเด็กน้อยเหมยเหมยเหมือนกันอยู่หลายส่วนนะ ดูคิ้วกับดวงตา ยังมีจมูก มองเดี่ยวๆ แล้วไม่ใช่ว่าเหมือนกันมากเลยเหรอ!”
คนอื่นๆ ก็พินิจพิเคราะห์ด้วย เดิมทีก็คิดที่จะพูดมั่วซั่วตามผู้หญิงคนนั้นไป แต่นึกไม่ถึงว่าจ้าวอิงหนานกับอู่เหมยกลับมีบางส่วนคล้ายกันจริงๆ ใบหน้าไม่ได้เหมือนมาก แต่ดวงตานั้นเหมือนมากจริงๆ หางตายกขึ้นนิดหน่อย อู่เหมยอายุน้อยเลยยังไม่คิดอะไร แต่จ้าวอิงหนานกลับรู้สึกสะกิดขึ้นมา
ยังมีจมูกที่โด่งสันเป็นคมนั้น นอกจากเล็กใหญ่ แต่จริงๆ แล้วเหมือนใช้แม่พิมพ์อันเดียวกันพิมพ์ออกมา
“โอ้ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ อาจารย์จ้าวกับเหมยเหมยมองแล้วเหมือนสองคนแม่ลูกเลย! ทุกคนต่างส่งเสียงเซ็งแซ่เห็นด้วย
…………………………………………………………..
ตอนที่ 230 ความกลัวของอู่เจิ้งซือ
สยงมู่มู่กำลังพินิจพิเคราะห์ระหว่างอู่เหมยกับจ้าวยิงหนานไม่หยุด ยิ่งดูยิ่งสงสัย อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้ เด็กน้อยอู่เหมยคนนี้กับแม่ของบ้านเราเหมือนกันอย่างน้อยก็สิบส่วน ที่เหมือนที่สุดก็คือดวงตากับจมูก ความจริงแล้วเหมือนใช้แม่พิมพ์เดียวกันพิมพ์ออกมาเลย มิน่าล่ะเขาเจออู่เหมยครั้งแรกก็รู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนกันมานาน เหตุผลที่แท้จริงก็เพราะเธอเหมือนกับแม่ที่บ้านนี่เอง!
ไม่ถูกต้อง เด็กคนนี้กับแม่ยังไม่ค่อยเหมือนเท่าไร เธอเหมือนกับอีกคนนึงมากกว่า สยงมู่มู่ขมวดคิ้ว ในหัวปรากฎภาพเงาลางๆ ของคนๆ นึง หน้าตานั้นเขาก็จำได้ไม่ชัดเจนแล้ว แต่ถ้าหน้าตาคร่าวๆ เขาก็ยังพอจำได้อยู่บ้าง
คนๆ นั้นเหมือนอู่เหมยอย่างน้อยก็ห้าหกส่วน เพราะว่าตอนที่เขาเจอคนๆ นี้ก็เป็นตอนที่เขายังเด็กอยู่ สยงมู่มู่นึกไม่ออกชั่วขณะหนึ่ง เพียงแค่รู้สึกสนิทสนมกับอู่เหมย ถ้าหากว่าวันนี้ไม่ได้มีคนพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เขาคงคิดไม่ออกไปชั่วชีวิต!
คนๆ นั้นร่างกายอ่อนแอ พูดจาก็เสียงเบา ทั้งปีต้องกินยา แต่เธอนั้นดีกับตัวเขาเองมาก ตอนเด็กๆ ที่เขาอยู่ในบ้านคุณตา เป็นเธอที่พาเขาเล่นทั้งหมด แถมยังทำอาหารอร่อยๆ ให้กินอีก ถ้าคุณตาดุเขา เธอมักจะออกตัวพูดดีๆ แทนเขาเอง
เพียงแต่เสียดายต่อมาเขาก็โดนพ่อแม่รับมาอยู่ที่เมืองจินแล้ว จากนั้นคุณลุงเล็กก็โยกย้ายไปดำรงตำแหน่งที่อื่น เธอก็ไปด้วย หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีก ความทรงจำก็ค่อยๆ จางลงไป
แต่สิ่งที่สยงมู่มู่จำได้ไม่ลืมก็คือไฟสีแดงชาดที่อยู่ระหว่างคิ้ว เพียงแต่ไฝของคนๆ นั้นไม่ได้อยู่ตรงกลาง ตำแหน่งเบี่ยงไปทางขวานิดหน่อย ไม่เหมือนอู่เหมยที่อยู่ตรงกลางพอดีเป๊ะ
จ้าวอิงหนานเห็นท่าทางของสยงมู่มู่ที่ดูแปลกๆ ก็หัวเราะพูดว่า “มู่มู่ ลูกเป็นอะไร?”
“ไม่มีอะไร ผมแค่มองดูว่าเหมยเหมยรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง มองดูตั้งนานถึงเข้าใจ แม่ แม่กับเหมยเหมยอาจจะเป็นคู่ที่ฟ้ากำหนดมาก็ได้นะ!” สยงมู่มู่หัวเราะพูดเล่นออกมา มีบางเรื่องไม่เหมาะสมที่จะพูดในที่สาธารณะ อีกเดี๋ยวกลับบ้านไปค่อยถามแม่ตัวเอง เขายังเด็กจำไม่ได้ว่าป้าสะใภ้เล็กนั้นรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร แต่แม่น่าจะไม่มีทางลืม
ทุกๆ คนต่างก็โดนคำพูดของสยงมู่มู่ทำให้หัวเราะขบขันกัน เธอหนึ่งประโยคฉันหนึ่งประโยคต่างพูดยกยอกัน บ้านตระกูลสยงเมื่อก่อนเป็นบ้านที่มีตระกูลหยิ่งยะโส พวกเขาคิดที่จะประจบก็ไม่มีโอกาส ไม่ง่ายเลยที่พวกเขาจะลงมาคลุกคลีกับคนอย่างพวกเรา ตอนนี้พวกเขาจะต้องจับโอกาสนี้ไว้ให้มั่น
จ้าวอิงหนานก็ฟังอย่างร่าเริงยินดีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม กับอู่เหมยนั้นยิ่งมองก็ยิ่งชอบ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความอบอุ่นอ่อนโยน อู่เจิ้งซือนั้นกลับตรงข้าม ในใจนั้นมีความรู้สึกร้อยอย่างผสมปนเปกันไปหมด เรื่องที่จ้าวอิงหนานจะรับอู่เหมยเป็นลูกบุญธรรมนั้นเขาไม่ได้ไม่เห็นด้วย เขาก็ไม่ใช่พวกปัญญาชนคร่ำครึหัวโบราณ แน่นอนว่าเขารู้ถึงความสำคัญของเส้นสาย ถ้าได้ร่วมกับตระกูลสยงรับรองว่าจะมีแต่ประโยชน์ ชีวิตก็มีแต่ความราบรื่นไร้อุปสรรค
ที่เขาไม่ดีใจก็คือจังหวะที่จ้าวอิงหนานเสนอขึ้นมา ธารกำนัลก็กำลังจ้องมองอยู่ อีกทั้งยังเกิดขึ้นหลังจากที่อู่เหมยโดนเหอปี้อวิ๋นตบหน้าไปหนึ่งครั้งด้วย จ้าวอิงหนานพูดแบบนี้ เหมือนว่ากำลังแกล้งเขากับเหอปี้อวิ๋น ไม่ใช่เพราะเต็มใจอยากจะเชื่อมสัมพันธ์กัน แบบนี้จึงทำให้อู่เจิ้งซือไม่พอใจมาก
อีกอย่างเขายังมีความกังวลใจอีกชั้น อันที่จริงแล้วนี่ก็เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เขายังลังเลใจ
เมื่อกี้ตอนที่ทุกคนกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันนั้น เขาเองก็พินิจพิเคราะห์อู่เหมยกับจ้าวอิงหนานอย่างละเอียด ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกหวั่นใจ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แสดงอาการทางสีหน้า แต่ในใจนั้นร้อนเหมือนโดนแผ่นเหล็กนาบก็ไม่ปาน
ทำไมเหมยเหมยถึงได้เหมือนจ้าวอิงหนาน?
เห็นได้ว่าพวกเธอไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกันเลย จะเหมือนกันได้อย่างไร?
จ้าวอิงหนานเป็นคนเมืองหลวง ผู้ชายที่คนๆ นั้นแต่งด้วยก็เป็นคนเมืองหลวง หรือว่า…
อู่เจิ้งซือปัดการคาดเดาของตัวเองทิ้งอย่างไว เป็นไปไม่ได้หรอก เป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด นามสกุลของผู้ชายคนนั้นที่เธอแต่งด้วยเป็นนามสกุลของชนชั้นสูง จ้าวอิงหนานแซ่จ้าว ยังไงก็คงไม่เกี่ยวข้องกันหรอกมั้ง?
น่าจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรอก!
พอนึกถึงเงาร่างของคนๆ นั้นที่ทั้งสง่างามและอ่อนโยน อู่เจิ้งซือก็ยิ่งรู้สึกขมปร่าที่ปลายลิ้น ยี่สิบปีที่ไม่ได้พบกัน ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอเป็นอย่างไรบ้าง?
…………………………………………………………..