ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 235 ลักษณะท่าทางดูไม่ได้เลย + ตอนที่ 236 อย่าทำให้แม่ของพวกเราเสียหน้า
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 235 ลักษณะท่าทางดูไม่ได้เลย + ตอนที่ 236 อย่าทำให้แม่ของพวกเราเสียหน้า
ตอนที่ 235 ลักษณะท่าทางดูไม่ได้เลย
ภาพที่เหอปี้อวิ๋นคิดฝันนั้นสวยงามมาก นังโง่อู่เหมยสามารถเข้าตาจ้าวอิงหนานได้ ก็เลยได้เห็นว่าจ้าวอิงหนานนั้นทัศนวิสัยคงไม่ได้ดีเด่อะไร เยวี่ยเยวี่ยของเธอนั้นทั้งฉลาด ทั้งสวย ใครเห็นใครก็รัก คะแนนก็ดี เหนือกว่านังเด็กสมควรตายอย่างอู่เหมยไม่รู้ตั้งกี่เท่า
จ้าวอิงหนานจะต้องรู้สึกเกรงใจที่เมื่อกี้ไม่ได้พูดเรื่องจะรับอู่เยวี่ยเป็นลูกบุญธรรมออกมาอย่างแน่นอน ทำไมเธอไม่หาโอกาสออกมาพูดให้เยวี่ยเยวี่ยได้รู้จักกับญาติบุญธรรม ด้วยความฉลาดเฉลียวของเยวี่ยเยวี่ย จะต้องทำให้จ้าวอิงหนานมีความสุขแน่นอน แล้วหลังจากนี้เธอก็จะได้รับประโยชน์อีกมากมายมหาศาล!
ครั้งนี้พ่อสยงและอู่เจิ้งซือก็รู้สึกเบิกบานใจและได้เลือกเวลาที่จะผูกญาติกันเรียบร้อยแล้ว เตรียมตัวที่จะอำลากัน เหอปี้อวิ๋นก็ยิ้มเข้าสู้รีบพูดขึ้นมาว่า “ไม่อย่างนั้นข้าวกลางวันก็กินกันที่บ้านฉันเถอะ วันหลังต่างก็เป็นคนกันเองแล้ว!”
“เยวี่ยเยวี่ย รีบไปหุงข้าวทำกับข้าวเร็ว หุงข้าวเยอะหน่อยนะ พ่อแม่บุญธรรมของลูกจะกินข้าวที่นี่” เหอปี้อวิ๋นหันไปทางอู่เยวี่ยตะโกนเสียงดัง อีกทั้งยังกะพริบตาส่งสัญญาณถี่ๆ อู่เยวี่ยเข้าใจในฉับพลัน แม้จะรู้สึกว่าเหอปี้อวิ๋นทำแบบนี้จะเป็นการลดเกียรติกันเกินไป แต่เธอก็ยังเดินไปหุงข้าว
จ้าวอิงหนานตะลึงงัน แต่ไม่นานก็เข้าใจเจตนาของเหอปี้อวิ๋นอย่างรวดเร็ว มองเหอปี้อวิ๋นที่คิดเองเออเองอย่างเยาะหยัน ผู้หญิงคนนี้เป็นพวกยิ่งให้เกียรติก็ยิ่งได้ใจจริงๆ!
อู่เจิ้งซือขมวดคิ้วอีกครั้ง ส่งสัญญาณเตือนเหอปี้อวิ๋นอย่างไม่โจ่งแจ้ง เพียงแต่ตอนนี้ในใจเหอปี้อวิ๋นคิดแต่จะให้ลูกสาวคนโตได้เกาะผู้มีอิทธิพลอย่างจ้าวอิงหนานไว้ ไหนเลยจะสนใจอู่เจิ้งซือ จึงแสร้งทำเป็นไม่เห็น
สยงมู่มู่เป็นคนปากไวแถมยังปากตรงกับใจ คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ในสายตานั้นแค่เม็ดทรายครึ่งเม็ดก็ต้องเอาออก เดิมทีก็ไม่ได้รู้สึกดีกับเหอปี้อวิ๋นอยู่แล้ว ตอนนี้เห็นเธอหน้าหนาขนาดนี้ ก็รู้สึกรังเกียจจนไม่รู้จะเทียบกับอะไรดี อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะพูดว่า “น้าเหอคงความจำไม่ดีใช่ไหม? คนที่แม่ผมยอมรับเป็นลูกบุญธรรมก็คืออู่เหมย ไม่ใช่ลูกรักคนโตของน้าอย่างอู่เยวี่ย คุณน้าอย่าสับสนสิ”
จ้าวอิงหนานส่งสายตาที่พึงพอใจไปให้กับลูกชาย สยงมู่มู่ขยิบตาให้ แม่ลูกต่างยิ้มให้กัน
รอยยิ้มของเหอปี้อวิ๋นหยุดชะงักลง พอโดนเด็กน้อยพูดฉีกหน้า ก็รู้สึกอารมณ์เสียในใจ แต่เพื่ออนาคตของลูกสาวสุดที่รักของเธอ ต่อให้รับไม่ได้ก็ต้องอดทน เหอปี้อวิ๋นฝืนหัวเราะแห้งๆ พูดว่า “มู่มู่เธอเนี่ยไม่เข้าใจอะไร เหมยเหมยกับเยวี่ยเยวี่ยเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน รักใคร่ผูกพันกันลึกซึ้ง แม่บุญธรรมของเหมยเหมยก็เหมือนเป็นแม่บุญธรรมของเยวี่ยเยวี่ยเหมือนกันไม่ใช่เหรอ เราต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกัน จะแบ่งฝักแบ่งฝ่ายให้ชัดเจนทำไม!”
อู่เหมยก้มหัวลง หัวเราะเยาะอยู่ในใจ พอมีผลประโยชน์ก็เป็นพี่น้องที่ดีเลยนะ!
ท่าทางแบบนี้ดูไม่ได้จริงๆ!
“แม่ ที่หนูโดนตบนี่ก็เป็นเพราะพี่สาวถึงโดนตบ ให้พูดอีกหนูก็ไม่เห็นจำได้ว่าพี่สาวดีกับหนูมาก แม่พูดแบบนี้ช่างน่าตกตะลึงจริงๆ!” อู่เหมยพูดเสียงเย็น
อู่เจิ้งซือมองอู่เหมยอย่างไม่พอใจ นิสัยใจคอของลูกสาวคนเล็กยิ่งนานวันเข้าก็ยิ่งแข็งกร้าว อีกทั้งยังชอบเอาเรื่องไม่ดีในบ้านไปประกาศให้ข้างนอกรู้ นี่ไม่ใช่นิสัยที่ดี หลังจากนี้เขาค่อยพูดคุยกับลูกสาวคนเล็กดีๆ
เหอปี้อวิ๋นฉวยโอกาสตอนไม่มีคนสังเกตจ้องถมึงทึงไปที่อู่เหมยอย่างโมโห จ้องอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ อู่เหมยไม่กลัวจ้องหน้ากลับ เธอไม่ขี้ขลาดเหมือนในอดีตเลยแม้แต่น้อย เหอปี้อวิ๋นแปลกใจและตกใจมาก เป็นความลึกลับจนรู้สึกว่าน่าหวาดกลัว
เธอรีบหลบสายตา ไม่มองอีกต่อไปแต่หันไปทางจ้าวอิงหนานแทนแล้วหัวเราะพูดว่า “เด็กๆ ไม่ค่อยรู้เรื่องพูดจามั่วซั่ว พวกเธอเป็นพี่น้องกันก็ต้องรักใคร่กันดีอยู่แล้ว!”
จ้าวอิงหนานหัวเราะเบาๆ พูดอย่างมีความหมายอื่นแฝงอยู่ในคำพูดว่า “จะดีไม่ดีไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉัน ฉันยอมรับแต่อู่เหมยมาเป็นลูกบุญธรรมของฉัน สำหรับอู่เยวี่ยนั้น เหอปี้อวิ๋น คุณก็เลี้ยงดูฟูมฟักเองเถอะ ฉันคงไม่ไปแย่งกับคุณหรอก!”
เหอปี้อวิ๋นยิ้มค้าง เธอไหนเลยจะคิดว่าจ้าวอิงหนานจะไม่รับน้ำใจเช่นนี้ ไม่ไว้หน้ากันเธอเลยสักนิด พูดแบบนี้จะให้เธอตอบรับอย่างไร?
จ้าวอิงหนานไม่รอเธอรับคำ ก็พูดต่ออีกว่า “ดังนั้นพวกเราต่างคนต่างคิด เหมยเหมยเรียกฉันว่าแม่บุญธรรม อู่เยวี่ยก็ให้เรียกฉันว่าน้าจ้าวหรืออาจารย์จ้าวได้ทั้งหมด แค่อย่าเรียกแม่บุญธรรม แบบนั้นจะทำให้สับสนได้ง่ายน่ะ”
……………………………………………..
ตอนที่ 236 อย่าทำให้แม่ของพวกเราเสียหน้า
คำพูดของจ้าวอิงหนานไม่มีความปรานี ทำให้อู่เจิ้งซือและเหอปี้อวิ๋นถึงกับหน้าเสีย แค่จะยิ้มยังฝืนยิ้มออกมาไม่ได้ อู่เจิ้งซืออดกลั้นความไม่พอใจ พูดเสียงหนักว่า “อาจารย์จ้าวพูดก็ถูก เดิมทีก็คนละคนกัน ปี้อวิ๋นเธอไม่รู้ระเบียบกฏเกณฑ์ ทำให้พวกคุณเขาหัวเราะเยาะแล้ว”
“ไม่เป็นไร ในบ้านมีคนรู้กฏเกณฑ์ก็ดี แต่ว่าอาจารย์อู่หลังจากนี้คุณควรจะอบรมสั่งสอนอาจารย์เหอ อย่าให้คนอื่นเขาหัวเราะเยาะเอาได้นะ” จ้าวอิงหนานพูดอย่างไม่เกรงใจเป็นอย่างมาก พูดเหน็บแนมเหอปี้อวิ๋นจนไม่มีอะไรดีเหลือในตัวสักอย่าง
ผู้หญิงคนนี้ เธอเองก็มองแล้วไม่เข้าตาตั้งแต่แรก เดิมก็เป็นภรรยาที่หยาบคาย ความรู้ตื้นเขิน ฟุ้งเฟ้อ หัวสูง โง่เขลา ชอบจงใจแกล้งทำเป็นสวยมีระดับฐานะสูงส่ง เป็นภรรยาตัวอย่างที่สูงค่า ถุย! ต่อให้ตือโป๊ยก่ายจะเสียบต้นหอมให้จมูกยาวยังไงก็ไม่กลายเป็นช้างหรอกนะ ไม่ต่างกับเหอปี้อวิ๋นที่เจตนาเสแสร้งทำตัวเหนือคนทั่วไปไม่หยุด ดูไม่น่ามองเลยจริงๆ
สีหน้าของเหอปี้อวิ๋นเดี๋ยวคล้ำเดี๋ยวซีด ผิวหน้าของเธอยังไม่หนาระดับมีดปืนฟันแทงไม่เข้า พอโดนจ้าวอิงหนานกระแทกแดกดันถากถางเยาะเย้ยติดกันเช่นนี้ เธอจะรับไหวที่ไหน คิดแค่อยากจะหารอยแยกที่พื้นมุดลงไป
อู่เจิ้งซือยิ่งรู้สึกทนไม่ได้ ถึงแม้เหอปี้อวิ๋นจะทำไม่ถูก แต่จ้าวอิงหนานตบหน้าต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้ยิ่งทำให้เขาเกิดความรู้สึกไม่พอใจ ถ้าไม่ใช่เพราะอำนาจทรัพย์สินบ้านพ่อแม่ของจ้าวอิงหนานล่ะก็ เขาก็จะสามารถเป็นปรปักษ์ได้ทันที ไม่สนการผูกญาตินี่แล้ว
จ้าวอิงหนานโกรธแทนอู่เหมยออกมาอย่างเต็มที่มาก จิตใจก็สบายขึ้นเยอะ หัวเราะพร้อมกับอำลาอู่เจิ้งซือ พ่อสยงหันไปทางอู่เจิ้งซือหัวเราะปลอบใจ พูดเสียงเบาว่า “อิงหนานของผมก็เป็นพวกนิสัยไม่ค่อยดี อาจารย์อู่อย่าถือสาเธอเลยนะ!”
อู่เจิ้งซือยิ้มออกมานิดหน่อย แสดงออกถึงท่าทีของเขา สยงมู่มู่จับพ่อของตัวเองเอาไว้ พูดอย่างไม่อดทนว่า “แม่ก็ไม่ได้พูดอะไรผิด แม่ของพวกเราไหนเลยที่จะให้ใครที่ไหนก็ได้มาเรียกแม่บุญธรรมมั่วๆ ซั่วๆ? พ่อก็อย่าทำให้แม่ของพวกเราเสียหน้า!”
อันที่จริงครอบครัวนี้ก็เดินไปไกลหลายเมตรแล้ว แต่เสียงดังของสยงมู่มู่นั้นสะท้อนกลับมาให้ได้ยินอย่างขัดเจน บนระเบียงทางเดินอู่เยวี่ยที่กำลังหุงข้าวอยู่นั้น เลือดฝาดบนใบหน้านั้นหายไปอย่างรวดเร็ว อดรนทนไม่ไหว ปิดหน้าวิ่งถลาเข้ามา หันไปตวาดใส่เหอปี้อวิ๋น!
“ต้องโทษแม่ทั้งหมด ใครให้แม่พูดคำพูดพวกนั้น แม่ทำให้หนูขายขี้หน้าหมดแล้ว!”
พลาดท่าเสียทีเรื่องสอบประจำเดือนบวกกับการเหน็บแนมเย้ยหยันของจ้าวอิงหนานและสยงมู่มู่ ปมประสาทของอู่เยวี่ยก็ขาดผึงทันที พลันร้องไห้คร่ำครวญขึ้นมา
เหอปี้อวิ๋นปวดใจเป็นอย่างมาก หันไปทางอู่เยวี่ยขอโทษซ้ำๆ ลักษณะท่าทางอ่อนน้อมเอาใจ อู่เยวี่ยไม่สนเธอเลยสักนิด เอาแต่โทษเธออย่างต่อเนื่อง
“เป็นความผิดของแม่ทั้งหมด สอบประจำเดือนถ้าไม่ใช่เพราะเนื้อเน่าๆ ของแม่ หนูก็ไม่มีทางสอบได้ห่วยขนาดนี้หรอก ตอนนี้ยังจะทำให้หนูไม่มีหน้าต่อสยงมู่มู่ตรงนั้นอีก ถ้าหากว่าสยงมู่มู่ไปโรงเรียนแล้วเอาไปพูด เพื่อนๆ นักเรียนจะต้องหัวเราะเยาะหนูแน่ๆ หนูจะไปเรียนได้ยังไง?”
เหอปี้อวิ๋นรู้สึกผิดจนปวดใจอีกครั้ง ที่มากกว่านั้นคือรู้สึกเสียใจ ที่จริงแล้วก็เป็นความผิดของเธอ ทำร้ายเยวี่ยเยวี่ยจนสอบผิดพลาด อีกทั้งยังทำให้เธอขายหน้าต่อหน้าเพื่อนนักเรียนอีก เฮ้อ! ระยะนี้เรื่องราวทั้งหลายทั้งแหล่ไม่ราบรื่นเลยจริงๆ!
อู่เหมยมองดูการแสดงละครโศกของสองแม่ลูกอย่างเงียบๆ หน้าไม่แสดงออกใดๆ นี่แค่เริ่มต้นเองนะ!
แค่ไม่รู้ว่าถ้าอู่เยวี่ยไม่โดดเด่นดีเลิศเหมือนแต่ก่อนแบบนั้นแล้ว หัวใจความเป็นแม่ของเหอปี้อวิ๋นยังจะสามารถเสมอต้นเสมอปลายได้อยู่ไหม?
“พ่อคะ พ่อหิวแล้วล่ะสิ? หนูไปทำข้าวกลางวันนะคะ”
อู่เหมยไม่อยากดูอีกต่อไป ท้องก็เริ่มประท้วงแล้ว ตอนบ่ายเธอยังต้องไปห้องเรียนเยาวชนเพื่อเข้าเรียนอีก ไม่มีเวลาว่างมาดูสองแม่ลูกคู่นี้แสดงละครหรอกนะ
ท้องของอู่เจิ้งซือนั้นหิวตั้งนานแล้ว เพราะตอนนี้ก็เลยเวลาเที่ยงมาตั้งนานแล้ว เขามองไปที่เหอปี้อวิ๋นอย่างไม่พอใจ แม้กระทั่งอู่เยวี่ยก็ตำหนิด้วย สอบได้ไม่ดีก็เอาแต่ตำหนิคนอื่น ไม่รู้จักหาสาเหตุจากตนเองก่อน นี่ไม่ใช่นิสัยที่ดีเลย
ที่สำคัญคือ แต่ไหนแต่ไรมาอู่เยวี่ยไม่เคยทำกับข้าวให้คนที่เป็นพ่ออย่างเขาเลย กลับกันอู่เหมยยังเป็นห่วงว่าเขาจะหิวไม่หิว อีกทั้งอู่เหมยสองเดือนนี้ปฏิกิริยา อารมณ์ และการกระทำก็ไม่เลวเป็นอย่างยิ่ง ลำดับความพอใจของอู่เจิ้งซือที่มีต่อเธอก็ยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ตาชั่งในใจของอู่เจิ้งซือเอนเอียงไปทางอู่เหมยโดยไม่รู้ตัว
……………………………………………..