ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 237 ชำระความในเวลาที่เหมาะสม + ตอนที่ 238 เจ็บเหมือนเสียคนรักไป
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 237 ชำระความในเวลาที่เหมาะสม + ตอนที่ 238 เจ็บเหมือนเสียคนรักไป
ตอนที่ 237 ชำระความในเวลาที่เหมาะสม
อู่เหมยนำข้าวที่อู่เยวี่ยซาวไว้แล้วเทออกมาครึ่งหนึ่ง นำกะละมังมาแช่ไว้ ใส่น้ำลงในเตาหุงต้ม และนำปลาที่เหอปี้อวิ๋นซื้อกลับมาขอดเกล็ดปลาออก ลงมือได้อย่างคล่องแคล่วมาก เพียงแต่แผลบวมแดงบนใบหน้านั้นทำให้ขัดตานัก รอยนิ้วมือสีแดงสด มีบางส่วนที่เป็นสีม่วงแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าใช้แรงกำลังมากกว่าคนตีอีก
อู่เจิ้งซือเริ่มขมวดคิ้วอีกครั้ง นึกขึ้นมาได้ก่อนหน้านั้นที่ขายขี้หน้าที่ระเบียงทางเดิน เมื่อกี้ที่เขาเพิ่งจะสงบอารมณ์ลงได้ก็เริ่มโมโหขึ้นมาอีกครั้ง หันไปทางสองแม่ลูกที่ยังส่งเสียงน่ารำคาญแล้วตวาดว่า “ร้องไห้ไปจะมีประโยชน์อะไร? เยวี่ยเยวี่ยลูกอย่าเอาแต่หาข้อแก้ตัว สอบได้ไม่ดีนอกจากปัจจัยอื่น ก็ต้องมองและวิเคราะห์ปัญหาจากสภาพจริงด้วย แน่นอนว่าสาเหตุหนึ่งก็มาจากตัวของหนูเองที่ชอบยึดเอาแต่ความคิดของตัวเองเป็นหลัก ตอนนี้ที่หนูควรทำก็คือสำรวจข้อผิดพลาดและข้อบกพร่องของตัวเอง หาสาเหตุที่พลาดท่าให้ได้ ไม่ใช่มาร้องไห้สะอึกสะอื้นที่นี่”
ในปากอู่เยวี่ยรู้สึกขมเหมือนอมสมุนไพรก็ไม่ปาน พ่อก็เป็นคนหัวสูงวางท่าแบบนี้ ไม่มีอีกแล้วที่หนึ่งในใจของพ่อ แม้กระทั่งอู่เหมยเธอก็ยังเทียบไม่ได้ ดูสิ ตอนนี้ก็เริ่มชักสีหน้าแล้ว
เหอปี้อวิ๋นไม่พอใจพูดว่า “คุณอู่ เยวี่ยเยวี่ยเธอจะเป็นคนที่ชอบยึดเอาแต่ความคิดของตัวเองเป็นหลักได้ยังไง เธอ…”
“คุณหุบปากเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวผมค่อยมาคิดบัญชีกับคุณ เยวี่ยเยวี่ยกลับห้องไปพิจารณาตัวเอง สอบครั้งต่อไปก็พยายามสอบให้ดี” อู่เจิ้งซือเข้มงวดเด็ดขาดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พูดอย่างไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น
เหอปี้อวิ๋นเงยหน้ามองไปที่อู่เจิ้งซือ เจอใบหน้าดุร้ายของเขาที่แสดงออกมาว่าจะไม่ทนอีกต่อไปเข้าทำให้ตกใจเป็นอย่างมาก เธอเข้าใจในทันทีว่าอู่เจิ้งซือโมโหแล้ว นี่คือความเงียบก่อนที่พายุฝนจะมาถึง
เธอดันหลังอู่เยวี่ยที่กำลังรู้สึกหดหู่ใจ ให้เธอรีบเข้าห้องไป อู่เจิ้งซือตอนนี้กำลังจะถึงจุดระเบิด ไม่ควรยั่วยุให้เขาโมโห
หลังจากพาอู่เยวี่ยเข้าห้องแล้ว อู่เจิ้งซือให้เหอปี้อวิ๋นไปที่ห้อง หน้าตาเย็นชาตลอดเวลา ทำเอาเหอปี้อวิ๋นจิตใจกระสับกระส่ายร้อนรนอยู่ข้างหลัง ใจเต้นรัวเป็นกลอง อู่เหมยยืนอยู่เงียบๆ ข้างหลัง แอบฟังฟังความเคลื่อนไหวอยู่ที่ช่องประตูจากข้างใน อยากรู้ว่าอู่เจิ้งซือจะจัดการสั่งสอนเหอปี้อวิ๋นอย่างไร
วันนี้เธอก่อความวุ่นวายอู่ข้างนอกแบบนี้ แต่ไหนแต่ไรอู่เจิ้งซือเป็นคนรักหน้าตาอยู่แล้ว เขาไม่โมโหสิถึงจะแปลก!
อู่เจิ้งซือมองเหอปี้อวิ๋นที่ก้มหน้าไม่พูดไม่จาอย่างเย็นชา ในสายตามีความรังเกียจเล็กน้อย แม้กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่ทันได้สังเกตถึง
ความจริงแล้วความรู้สึกที่เขามีให้กับเหอปี้อวิ๋นไม่ได้ลึกซึ้งอะไรมาก ตอนนั้นมีคนแนะนำผู้หญิงให้เขาเยอะมากทั้งหน้าตาที่ล้ำเลิศ พื้นฐานความรู้ก็สูงมาก แต่เขากลับไม่หลงรัก เขากลับมองแค่คนคนนั้น
ตกหลุมรักแรกพบ!
แต่เธอไม่ชอบเขา เธอชอบผู้ชายอีกคน แต่ตัวเขาเอง แม้กระทั่งบอกรักก็ยังไม่เคยบอก เธอก็แต่งงานกับผู้ชายอีกคนไปแล้ว เขาจึงทำได้แค่นำความรักนี้เก็บซ่อนไว้ลึกสุดใจ
ส่วนเหตุผลที่ทำไมแต่งกับเหอปี้อวิ๋น เพราะว่าเหอปี้อวิ๋นเป็นลูกพี่ลูกน้องของคนๆ นั้น เขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นพวกเมื่อรักใครแล้วก็จะรักสิ่งหรือคนที่เกี่ยวข้องกับคนคนนั้นหรือเปล่า หรือว่าเป็นเพราะอยากจะปลอบใจตัวเอง ตัวเขาเองก็ยังพูดได้ไม่แน่ชัด
สิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ท่าทางการแสดงออกของเหอปี้อวิ๋นก็เรียกได้ว่าไม่เลว ระหว่างสามีภรรยาก็ไม่มีอะไรให้เขินอาย ถึงแม้จะไม่นับว่าเป็นสามีภรรยาที่รักใคร่กลมเกลียวดูดดื่มอะไร แต่ก็ถ้อยทีถ้อยอาศัยให้เกียรติซึ่งกันและกัน แต่สองเดือนนี้เหอปี้อวิ๋นยิ่งนานวันยิ่งทำให้ระดับความน่าพอใจน้อยลงมามาก
หยาบคายอย่างยิ่ง ไม่สุภาพเรียบร้อย ไม่รู้จักหลักการสำคัญ…
เมื่อก่อนทำไมเขาถึงไม่ค้นพบว่าตัวเหอปี้อวิ๋นนั้นมีข้อบกพร่องมากมายขนาดนี้?
เหอปี้อวิ๋นโดนอู่เจิ้งซือมองจนหวาดกลัวอยู่ในใจ ไม่รู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างไร เธอควบคุมตัวเองไม่อยู่ ทำได้แค่ควักเอาความกล้าหาญออกมาแล้วพูดว่า “คุณอู่ คุณเรียกฉันเข้ามามีอะไร?”
อู่เจิ้งซือขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ถึงตอนนี้ยังไม่รู้ว่าตัวเองผิดที่ตรงไหนอีก โฉดเขลาเบาปัญญาจริงๆ
“เหอปี้อวิ๋น คุณกำลังแกล้งโง่ใส่ผมหรือว่าโง่จริง? ผมอธิบายคุณครั้งแล้วครั้งเล่าว่า สั่งสอนลูกต้องให้เหตุผลก่อน ถ้าไม่สุดวิสัยจริงๆ อย่าลงมือ คุณกลับทำหูทวนลมกับคำพูดของผม เหอะ! เหอปี้อวิ๋น ในเมื่อคุณเก่งกล้าสามารถขนาดนี้ งั้นวันหลังเงินเดือนของคุณก็เอาออกมาเป็นค่าใช้จ่ายในบ้านออกคนละครึ่งด้วยแล้วกัน”
อู่เจิ้งซือรู้ลึกถึงหลักการตีงูเจ็ดนิ้ว สำหรับเหอปี้อวิ๋นแล้ว นอกจากเงินก็ไม่มีอะไรที่จะบีบบังคับเธอได้อีกแล้ว
…………………………………………………
ตอนที่ 238 เจ็บเหมือนเสียคนรักไป
เหอปี้อวิ๋นตกใจจนหน้าซีด มองอู่เจิ้งซืออย่างไม่กล้าที่จะเชื่อ “คุณอู่ เมื่อก่อนคุณไม่ได้บอกว่า เงินเดือนของฉัน ให้ฉันใช้ตามใจยังไงก็ได้ไม่ใช่หรือคะ?”
อู่เจิ้งซือส่งเสียงเย็นชาออกทางจมูก “เมื่อก่อนผมก็บอกให้คุณสอนลูกด้วยเหตุผลและกฏเกณฑ์เหมือนกัน ทำไมคุณถึงไม่ฟัง? ผมก็ขี้เกียจจะพูดไร้สาระกับคุณแล้ว เดือนหน้าผมจะเริ่มให้ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตของคุณสี่สิบหยวน ค่าใช้จ่ายในบ้านคนละครึ่ง ส่วนสิ่งของที่ใช้ในบ้านถ้าหากมีอะไรลดลงละก็ เปลี่ยนผมมาเป็นหัวหน้าครอบครัวแทน ส่วนคุณก็ไม่ต้องยุ่งแล้ว”
พูดจบเขาก็ไม่มองเหอปี้อวิ๋นที่หน้าตาเศร้าหมองอย่างที่สุด กลับนั่งลงเขียนรายงาน อีกเดี๋ยวก็จะไปกินข้าว เขายังต้องไปหาท่านผู้เฒ่าเหยียนพูดเรื่องผูกญาติ พรุ่งนี้ยังต้องเริ่มทำพิธีผูกญาติกับบ้านตระกูลสยงอีก เขาควรรีบหาโอกาสเขียนรายงานเล่มนี้ เพราะได้คุยกับสำนักพิมพ์ผู้จัดพิมพ์หนังสือไว้นานแล้ว ถ้ายังไม่ส่งอีกก็จะผิดคำพูดจนเสียความน่าเชื่อถือได้
ไม่ง่ายเลยกว่าเหอปี้อวิ๋นจะสงบลงมา พยายามบังคับให้ตัวเองไม่โมโห บ้านพ่อแม่ของเธอไม่มีกำลังที่จะช่วย สู้อู่เจิ้งซือไม่ได้อย่างสิ้นเชิง เรื่องเงินเดือนเธอควรจะคิดหาหนทางพูดเกลี้ยกล่อมอู่เจิ้งซือถึงจะถูก เงินเดือนของเธอหนึ่งเดือนมีแค่ห้าสิบหกหยวนแปดเจี่ยว หักไปสี่สิบหยวนยังจะเหลือใช้เท่าไรกัน?
อีกทั้งตอนนี้มาตรฐานในการดำรงชีวิตในบ้าน หนึ่งเดือนแปดสิบหยวนเดิมทีก็เหลือไม่เยอะ เธอคิดจะยักยอกเงินก็ทำไม่ได้ ที่สามารถเหลือไว้ก็เป็นเงินเดือนอันน้อยนิดที่น่าสงสารของเธอก้อนนั้น
แต่ว่าสิบกว่าหยวนนั้นจะสามารถทำอะไรได้?
เธอกลับบ้านแม่ยังต้องใช้จ่ายมากสิบกว่าหยวนอีก!
ยังมีโทรศัพท์กับตู้เย็นของเธออีก ถ้าเรื่องนี้เป็นไปแบบนี้อย่างไม่มีกำหนดจะยิ่งแย่ แต่ไหนแต่ไรมาอู่เจิ้งซือก็ไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้ เงินที่เขาควักออกมาใช้จ่ายมากหน่อยก็ใช้ไปกับหนังสือไร้สาระ ถึงแม้ว่าบ้านจะยากจนข้นแค้นแต่ไหนก็ตาม เขาก็คงจะไม่แม้แต่ขมวดคิ้ว
“คุณอู่ พวกเรามีอะไรก็พูดกันดีๆ คุณอย่าเอาเรื่องเงินเดือนมาเป็นเรื่องได้ไหม?” เหอปี้อวิ๋นพยายามพูดด้วยดีๆ
“เรื่องนี้ผมก็ตัดสินใจแล้วว่าเป็นแบบนี้แหละ คุณออกไปเถอะ อย่าอยู่ตรงนี้รบกวนผม” อู่เจิ้งซือไม่อดทนพลันโบกมือไล่
เหอปี้อวิ๋นมีลมหายอัดแน่นอยู่เต็มอก จ้องเขม็งมองที่หลังของอู่เจิ้งซืออย่างโมโห กัดปากอย่างเอาเป็นเอาตาย นานมากถึงออกจาห้องไปอย่างไม่ยินยอม เวลานี้อู่เจิ้งซือกำลังอารมณ์เสีย รอเขาอารมณ์เย็นลงค่อยพูด เงินเดือนของเธอถึงยังไงก็ไม่สามารถใช้จ่ายในบ้านได้อย่างเด็ดขาด
เมื่อก่อนตอนเธออยู่บ้านแม่ เธอเป็นลูกเป็ดขี้เหร่ที่ไม่สะดุดตา คนที่ทุกคนชื่นชมก็เป็นนังสารเลวนั่น ก็ไม่รู้ว่านังนั่นเป็นตายร้ายดียังไง ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด เธอเหอปี้อวิ๋นได้แต่งงานอย่างดีที่สุด สภาพการเงินก็มีฐานะดีที่สุด เมื่อก่อนลูกพี่ลูกน้องพวกนั้นที่ดูถูกเธอไว้ ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าอิจฉาริษยาเธอมากแค่ไหน!
ถ้าในมือไม่มีเงิน จะยังยืดหลังให้ตรงได้อย่างไร?
สายตาของพี่น้องที่บ้านเธอทั้งอิจฉาริษยาคับแค้นใจนั้น เธอยังจะได้เห็นอีกไหม?
ดังนั้นเงินเดือนก้อนนี้เธอจะให้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด ถึงยังไงอู่เจิ้งซือก็เป็นพวกหูเบาเชื่อคนง่าย เธอพูดดีๆ ไม่กี่ประโยค จะต้องเปลี่ยนความคิดของอู่เจิ้งซือได้แน่นอน เหอปี้อวิ๋นมีความเชื่อมั่นเต็มร้อย
แต่ที่เธอไม่รู้ก็คือ ครั้งนี้อู่เจิ้งซือตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว ลมปากของเธอคงจะใช้การไม่ได้แล้วล่ะ!
อู่เหมยแอบย่องมาที่ระเบียงทางเดินตั้งนานแล้ว ก่อนที่เหอปี้อวิ๋นจะออกมา มองเหอปี้อวิ๋นที่หน้านิ่วคิ้วขมวด เธอกลับมีความสุขมาก ความเจ็บบนใบหน้าก็ดีขึ้นมาหน่อย ต้องสั่งสอนเหอปี้อวิ๋นอย่างรุนแรงแบบนี้แหละ
ยังมีอู่เยวี่ย เมื่อสักครู่สยงมู่มู่ทำให้เธอฮึดสู้มาก ก็ไม่รู้ว่าสอบครั้งนี้อู่เยวี่ยสอบได้ที่เท่าไร ดูแล้วเหมือนว่าแม้กระทั่งสามอันดับแรกก็คงสอบไม่ได้!
ฮ่าๆ ฉิวฉิวนี่เป็นดาวนำโชคของเธอจริงๆ วันหลังทุกครั้งที่มีการสอบก็ใส่วัตถุดิบให้อู่เยวี่ยนิดหน่อย อันดับหนึ่งเธอก็อย่าคิดอย่าฝันว่าจะได้มาเลยตลอดชีวิต ก็เหมือนที่ป้าจ้าวพูด ควรจะให้อู่เยวี่ยได้เรียนรู้คุ้นเคยกับความพ่ายแพ้บ้าง!
พอคิดถึงจ้าวอิงหนาน กระแสไออุ่นล้นทะลักเข้ามาในใจของอู่เหมย อดไม่ได้ที่จะลูบคลำใบหน้าของตัวเอง เธอกับจ้าวอิงหนานหน้าตาเหมือนกันหรือ?
ทำไมตัวเธอเองไม่รู้สึกล่ะ?
ถ้าสมมติว่าจ้าวอิงหนานเป็นแม่ของเธอจริงๆ คงจะดีมาก!
…………………………………………………