ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 255 จริงหรือว่าหลอก + ตอนที่ 256 บ้านดีจริงๆ
ตอนที่ 255 จริงหรือว่าหลอก
เหยียนหมิงซุ่นมองแค่แวบเดียวก็รู้เลยว่าอู่เหมยมีแผนการคิดไม่ดีอยู่ในใจ เขาหัวเราะอยู่ในใจ ถามออกมาว่า “อาจารย์เหอกับอู่เยวี่ยไม่สบายเหรอครับ? ต้องไปบ้านผมให้คุณย่าดูอาการหน่อยไหมครับ?
อู่เจิ้งซือขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดขึ้นมาด้วยต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาว่า “ไม่ต้องรบกวนคุณย่าของนายหรอก แค่ร่างกายเหนื่อยล้าเท่านั้น นอนสักตื่นก็คงจะดีขึ้น”
เมื่อวานยังแข็งแรง ถึงกับตบอู่เหมยจนหน้าดูไม่ได้ขนาดนั้น วันนี้กลับลุกจากเตียงไม่ได้ซะแล้ว?
เหอะ! ไม่ใช่ว่าคิดจะประท้วงเขาเหรอ!
เขาอู่เจิ้งซือยังไม่ยอมกินชุดนี้ เดิมทียังคิดที่จะอบรมสั่งสอนเหอปี้อวิ๋นนิดหน่อย หลังจากนี้ผ่านไปสองเดือน ก็ถึงจะให้เหอปี้อวิ๋นกลับมาเป็นหัวหน้าครอบครัว แต่ตอนนี้ดูแล้ว คราวหลังก็คงต้องจัดการแบบนี้ตลอดอย่างช่วยไม่ได้ หากเธอไม่ชอบทำกับข้าวก็ไม่ต้องทำ เหมยเหมยทำกับข้าวอร่อยกว่าเหอปี้อวิ๋นทำตั้งเยอะ
ส่วนอู่เยวี่ยนั้นเขาไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก แค่สอบพลาดแค่ครั้งเดียวกลับล้มขนาดนี้ ความสามารถในการต้านทานกับความล้มเหลวแย่มาก มิน่าล่ะ เหมยเหมยถึงพูดว่าประสาทของเยวี่ยเยวี่ยไม่ค่อยแข็งแรง ตอนนี้ดูแล้วคงจะไม่ผิดจริงๆ หลังจากนี้ต้องหาเวลาว่างพาเยวี่ยเยวี่ยไปโรงพยาบาลรับคำแนะนำเกี่ยวกับจิตเวช คะแนนไม่ดีก็ช่าง อย่าให้จิตใจมีปัญหาอีก ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาคงจะขายขี้หน้าจนเกินไปแล้ว
เหอปี้อวิ๋นที่อยู่ในห้องก็ด่าพึมพำ แต่กลับไม่รู้เลยว่าเธอตอนนี้นอกจากเธอจะขโมยไก่ไม่ได้แล้วยังเสียข้าวอีก อำนาจหน้าที่ดูแลบ้านนั้นหลุดลอยไปแล้ว คุณภาพชีวิตดีๆ เปลี่ยนเป็นตกฮวบฮาบ วันหลังคงได้เสียใจภายหลังจนลำไส้เป็นสีเขียวเลยทีเดียว
เหยียนหมิงซุ่นกินหมี่เสร็จก็ลากลับแล้ว ก่อนจะจากไปก็หันมาทางอู่เหมยขยิบตาส่งสัญญาณ อู่เหมยเข้าใจในทันที ขยิบตาส่งกลับเช่นกัน ใจเต้นตุบตับ
“พ่อคะ หนูไปดูหนังสือที่ห้องสมุดครู่หนึ่งนะคะ”
อู่เหมยล้างจานเสร็จ ก็ขอลาหยุดกับอู่เจิ้งซือ อู่เจิ้งซือไม่พูดไม่จาก็ตอบตกลง อู่เหมยหยิบฉิวฉิวยัดลงไปในกระเป๋าหนังสือ กระหืดกระหอบด้วยความดีใจวิ่งไปทางประตูใหญ่ ไม่อาจทำให้ผู้นำระดับสูงในอนาคตรอนานได้
“พี่หมิงซุ่น!” อู่เหมยวิ่งกระหืดกระหอบมาถึงประตูใหญ่ เหยียนหมิงซุ่นนั่งคร่อมอยู่บนรถ ใส่ชุดนักเรียนสีน้ำเงินแดงขาว เห็นได้ชัดว่าขุดนักเรียนนี้มันธรรมดาไม่ค่อยเตะตา แต่พอเป็นเขาใส่กลับรู้สึกว่ามันส่องประกายเหมือนกับภาพวาด
“ขึ้นมาสิ!”
เหยียนหมิงซุ่นพูดเบาๆ รออู่เหมยกระโดดขึ้นรถ เขย่งปลายเท้านิดหน่อย รถก็เคลื่อนตัวออกไป ต้นไม้บนทางเท้าต้นแล้วต้นเล่าผ่านไปข้างหลัง สายลมในฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่าน เย็นสบายจนทำให้รู้สึกง่วงเคลิ้ม
อู่เหมยตีตัวเองอย่างแรงเพื่อให้มีชีวิตชีวา คุยเล่นกับเหยียนหมิงซุ่น ตั้งแต่เรื่องที่เธอเปลี่ยนห้องไปจนถึงเรื่องเรียน ยังคุยถึงเรื่องบทกลอนกวีและสถานที่ที่อยู่ไกลโพ้น ท้ายสุดก็ไม่มีอะไรให้พูดคุยแล้ว เพราะว่าทั้งหมดเธอพูดอยู่คนเดียว เหยียนหมิงซุ่นตอบแค่ ‘อืม’ ‘อ้อ’ ดูเหมือนเธอส่งเสียงเอะอะโวยวายมากกว่า
แต่ถ้าไม่พูดอะไรเลย บรรยากาศก็จะเก้อเขินมาก!
อู่เหมยยิ้มหัวเราะแห้งๆ นึกถึงก่อนหน้านั้นที่เหยียนหมิงซุ่นชมเธอ ถามอย่างสนอกสนใจว่า “พี่หมิงซุ่น คุณปู่เหยียนพูดว่าฉันมีสติปัญญามีความสามารถ วันหลังจะต้องมีอนาคต เรื่องจริงหรือเปล่า?”
“ไม่จริง”
เหยียนหมิงซุ่นชัดเจนเป็นอย่างมาก อู่เหมยหน้าคว่ำทันที ในใจมีแต่คำว่าบัดซบจริงๆ จ้องอย่างคับแค้นใจไปที่แผ่นหลังที่ผอมแต่แข็งแรงกำยำของเหยียนหมิงซุ่น เกลียดจริงๆ คำพูดโกหกหลอกๆ พูดให้เธอดีใจหน่อยก็ไม่ได้?
“พี่หมิงซุ่น บางทีการโกหกด้วยความหวังดี มีเจตนาดีก็จำเป็นนะ เพราะมีบางคนหัวใจไม่ได้แข็งแรงขนาดนั้น” อู่เหมยถ่ายทอดความไม่พอใจของเธอออกมาอย่างนิ่มนวล
เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะเสียงเบา หันกลับไปเห็นเด็กน้อยมุ่ยปากจนสูง อารมณ์ก็ดีขึ้นในทันที ถ้าไม่มีอะไรทำ แกล้งเด็กน้อยนี่ก็สนุกดีเหมือนกัน
“เอาเถอะ เป็นเรื่องจริง” เหยียนหมิงซุ่นกลั้นยิ้มพูด
อู่เหมยตกตะลึง อยากจะทุบตีคนข้างหน้าสักหลายๆ ที คำโกหกก็พูดออกมาก่อนแล้ว ตอนนี้ยังจะพูดหลอกอีก มีประโยชน์อะไร?
“พี่หมิงซุ่น ใจของฉันเข้มแข็งมากนะ”
“นี่สิคือไม่จริง!”
อู่เหมย : …
………………………………………………..
ตอนที่ 256 บ้านดีจริงๆ
ถนนฮวายไห่อยู่ห่างจากถนนอี้จงค่อนข้างไกล ต้องขี่รถจักรยานประมาณครึ่งชั่วโมง เหยียนหมิงซุ่นขี่รถไปด้วยอีกด้านก็พูดเรื่องสถานีรถบัสให้เธอฟัง “สิบสถานีก็ถึงแล้ว ค่าโดยสารห้าเซ็นต์ ถูกมาก”
อู่เหมยพยักหน้า เธอวางแผนไว้ว่าหลังจากนี้จะขี่จักรยาน จักรยานถ้าดีๆ หน่อยก็ไม่ถึงสองร้อยหยวน เธอแค่ให้ฉิวฉิวเลือกพวกของล้ำค่าไปขาย สภาพการเงินของเธอก็จะกลับมาคล่องตัวมีเงินอีกครั้ง!
“พี่หมิงซุ่น เพื่อนพี่คนนั้นยังรับของเก่าอยู่ไหม?” อู่เหมยลองถาม
เหยียนหมิงซุ่นคิ้วกระตุก ความสงสัยในวันนั้นก็กลับมาอีกครั้ง เวลานั้นเขายังไม่ได้คิดให้รอบคอบ แต่พอผ่านไปยิ่งคิดก็กลับยิ่งรู้สึกว่าไม่ปกติ อู่เหมยนี่นับได้ว่าตามขี้หมาได้โชคจริงๆ แต่ก็คงไม่ถึงกับว่าหยิบของมั่วๆ แล้วถึงเลือกเอาเงินโบราณหกเหรียญที่เป็นของล้ำค่ามาได้ทั้งหมดหรอกนะ?
วันนั้นอู่เหมยต้องไม่ได้พูดความจริงแน่นอน!
“เหมยเหมยยังอยากไปเลือกของเก่าที่ตลาดหนานสุ่ยอยู่เหรอ? ของที่นั่นส่วนใหญ่เป็นของปลอม ไม่ใช่ว่าจะมีโชคดีๆ ทุกวันหรอกนะ เธออย่าสิ้นเปลืองเงินเลย” เหยียนหมิงซุ่นพูดอย่างมีเจตนา
อู่เหมยรู้สึกหวาดผวาเล็กน้อย พูดเสียงเบาว่า “ฉันก็แค่ถามๆน่ะ พี่หมิงซุ่น วันหลังฉันสามารถให้พี่ช่วยประเมินราคาได้ไหม? ฉันไม่ค่อยเข้าใจเรื่องแบบนี้”
ในใจเหยียนหมิงซุ่นงงงวยอย่างมาก อู่เหมยไม่รู้เรื่องของลายครามก็เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ แต่ฟังท่าทางการพูดน้ำเสียงของเธอกลับมีความมั่นใจว่าของที่เลือกมาคือของแท้ เธอเอาความมั่นใจมาจากไหน?
“แน่นอนว่าได้ พี่ยินดีทุกเวลา อีกอย่างถ้าเธอสามารถเลือกได้ดีจริงๆ พี่ก็จะช่วยเธอออกมือเอง” เหยียนหมิงซุ่นพูดยิ้มๆ
“ขอบคุณนะ พี่หมิงซุ่น”
อู่เหมยรู้สึกมั่นใจและอุ่นใจมาก ตั้งใจว่าดูบ้านเสร็จแล้วก็จะไปเดินเตร่ที่ตลาดหนานสุ่ย เงินติดตัวเธอยังมีอยู่หนึ่งร้อยกว่าหยวน น่าจะพอรวบรวมพวกของดีๆ ได้บ้างเล็กน้อย
“หลังจากดูเสร็จพี่จะไปตลาดหนานสุ่ย เหมยเหมยอยากไปไหม?” เหยียนหมิงซุ่นถามอย่างมีเจตนา
“ได้สิ!” อู่เหมยไม่มีเหตุผลที่จะไม่ตอบรับ แต่กลับไม่รู้ว่าตัวเองกลับทำให้คนบางคนคิดอยู่เสมอ
เหยียนหมิงซุ่นหาบ้านที่สร้างแบบตะวันตกเล็กๆ ที่มีทำเลที่ตั้งดีมาก อยู่ลึกสุดในซอย เงียบสงบมาก อีกทั้งยังเป็นบ้านเดี่ยวๆ กำแพงไม่ติดกับใคร ก็มีแค่เพียงเล็กนิดหน่อย แต่อู่เหมยก็พอใจมากแล้ว
“สถานที่นี้ดีจริงๆ” อู่เหมยพูดชมเชยไม่หยุด ตกหลุมรักกับบ้านหลังนี้ตั้งแต่แรกพบ
“เธอชอบก็ดี รีบเข้าไปเถอะ เจ้าของบ้านคงมาถึงแล้ว”
ประตูใหญ่ไม่ได้ใส่กลอน เหยียนหมิงซุ่นผลักประตูเบาๆ ลานบ้านไม่ใหญ่เท่าไรแต่เก็บกวาดไว้สะอาดสะอ้าน แถมยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของกุ้ยฮวา ซึ่งเป็นต้นกุ้ยต้นหนึ่งที่อยู่ในมุมบ้าน บนต้นยังมีดอกกุ้ยฮวาเหลืออยู่เล็กน้อย ข้างกำแพงก็ปลูกดอกไม้ไว้ไม่น้อย กุหลาบจันทร์ ดอกกล้วยไม้ ต้นเขียวหมื่นปี ดอกบานเย็น เป็นต้น ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่พันธุ์ที่แพงและมีชื่ออะไร แต่ถ้าดูแลพวกมันดีๆ ก็จะอยู่ได้นาน
“พวกเธอมาแล้ว รีบเข้ามาเร็ว!”
เจ้าของบ้านเดินออกมาจากในบ้าน เป็นผู้ชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบ รูปร่างอัวนเตี้ย หน้าตาดูซื่อสัตย์แล้วก็ใจดีมาก พอเห็นพวกเขาก็ต้อนรับด้วยรอยยิ้ม
แต่ก่อนเหยียนหมิงซุ่นเคยพูดกับอู่เหมยไว้ บ้านแบบตะวันตกหลังนี้เป็นมรดกของเจ้าของบ้าน ตัวเขาเองทำงานที่โรงงาน เงินเดือนตายตัว ชีวิตความเป็นอยู่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ร่ำรวยมหาศาล แต่ก็สามารถใช้ชีวิตได้สบายๆ เพียงแต่ใจคนส่วนใหญ่ไม่ได้รู้สึกเพียงพอง่ายๆ เจ้าของบ้านนั้นเป็นคนที่รู้จักพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ แต่ภรรยาของเขานั้นอิจฉาคนอื่นที่ได้ไปต่างประเทศหาเงินได้เยอะ วันๆ เอาแต่คาดคิดว่าสามีจะลาออกแล้วไปรับจ้างต่างประเทศด้วย
เวลาผ่านไป เจ้าของบ้านก็ถูกภรรยาพูดจนคล้อยตาม ลาออกจากงานจริงๆ เพียงแต่ตามระเบียบขั้นตอนเพื่อออกจากประเทศต้องจ่ายหลายพันหยวน จึงต้องขายบ้านเพื่อสมทบเงิน ทำให้อู่เหมยได้ประโยชน์
อู่เหมยมองเจ้าของห้องที่กระตือรือร้นพาพวกเขาดูบ้าน เธอเห็นใจผู้ชายคนนี้มาก ถ้าหากว่าผู้ชายคนนี้รู้ว่าไปต่างประเทศแล้วทำงานรับจ้างอย่างลำบากเหนื่อยยาก ได้เงินที่แลกมาด้วยเลือดและหยาดเหงื่อ ไม่รู้ว่าได้กี่มากน้อย หลายปีผ่านไปก็คงยังไม่สามารถซื้อบ้านหลังนี้กลับไปได้ เขาจะหมดอาลัยตายอยากไหม?
………………………………………………..