ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 257 ความสงสัยของเหยียนหมิงซุ่น + ตอนที่ 258 เจ้าหญิงทองคำน้อย
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 257 ความสงสัยของเหยียนหมิงซุ่น + ตอนที่ 258 เจ้าหญิงทองคำน้อย
ตอนที่ 257 ความสงสัยของเหยียนหมิงซุ่น
ชาติก่อนอู่เหมยได้ยินข้อความจากในอินเตอร์เน็ต บอกว่ามีคนไปจินซื่อลงทุนทำธุรกิจ นำเงินหนึ่งในสิบไปซื้อบ้านอยู่ เงินที่เหลือทั้งหมดเอามาเปิดบริษัท สิบปีผ่านไป บริษัทล้มละลาย เขาคนนี้เสียใจมากคิดอยากจะกลับบ้านเกิด ฝากฝังให้คนขายบ้านให้ ทว่า ผลลัพธ์คือบ้านเก่าถูกขายออกไปในราคาที่สูงมากอย่างคาดไม่ถึง มากกว่าเงินที่เขานำมาในปีนั้นเป็นสิบเท่า
เขาคนนี้เวลานั้นในใจคงจะต้องคิดว่า แย่แล้ว แย่แล้วแน่ๆ ถ้าปีนั้นเขาเอาเงินทั้งหมดไปซื้อบ้าน ไม่เปิดบริษัท เช่นนั้นเงินที่เขาจะได้… จุ๊ๆๆ จะมีเลขศูนย์เยอะขนาดไหนกันนะ!
แม้ว่าข้อความนี้จะเกินจริงไปบ้าง แต่ก็เป็นความจริงเช่นกัน กี่สิบปีต่อมา ราคาบ้านในจินซื่อเหมือนกับติดจรวดก็ไม่ปาน ค่อยๆ ขยับสูงขึ้นไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านสวนโบราณแบบนี้ หากมีครอบครองไว้หนึ่งหลังได้ ก็มีกินมีใช้ไม่ต้องกังวลอะไร
ดังนั้นเจ้าของบ้านคนนี้ขายบ้านเพื่อจะไปทำงานที่ต่างประเทศ จึงเป็นการตัดสินใจที่ไม่คุ้มค่าเอามากๆ เสียเลย
แม้ว่าเธอจะเห็นอกเห็นใจต่อเจ้าของบ้านอย่างมาก แต่อู่เหมยคงไม่โง่เง่าพอที่จะไปเตือนเขา ได้ผลประโยชน์แต่ไม่ครอบครองไว้ก็คือคนโง่ ผลประโยชน์แบบนี้ยิ่งมีมากยิ่งดี วันหลังเธอก็จะเป็นผู้ให้เช่าที่ไม่ต้องกังวลอะไรโดยสมบูรณ์แล้ว!
เจ้าของบ้านเขาคงต้องการใช้เงินอย่างเร่งด่วนจริงๆ เขาใจกว้างมากๆ แม้กระทั่งเครื่องใช้ในบ้านก็ไม่เอาทั้งหมด เพียงแค่นี้ก็สามารถจ่ายเงินสดได้ทีเดียวเลย
“วางใจได้ วันนี้ที่พวกเรามาก็มาจ่ายเงินนี่แหละ นี่คือเงินวางมัดจำครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งรอพรุ่งนี้โอนชื่อเสร็จก็ค่อยให้คุณ คุณว่าเป็นอย่างไร?”
เหยียนหมิงซุ่นหยิบเงินออกมากองหนึ่ง สายตาของเจ้าของบ้านก็สว่างขึ้นมาทันที รับเงินไปนับอย่างรวดเร็ว หัวเราะอย่างพอใจ “ได้ พรุ่งนี้เช้าตอนแปดโมงครึ่ง พวกเราเจอกันที่ประตูของสำนักงานที่ดินและไปทำตามขั้นตอนทั้งหมด”
“ได้ พรุ่งนี้ไม่เจอก็ไม่กลับ” เหยียนหมิงซุ่นเองก็เด็ดขาดมาก
เจ้าของบ้านก็เลยถือโอกาสเอากุญแจทั้งหมดยื่นให้กับเหยียนหมิงซุ่น ฝืนยิ้มพูดว่า “บ้านหลังนี้เป็นของพวกคุณแล้ว ผมคงไม่กลับมาอีกแล้ว!”
เขามองบ้านไปรอบๆ อย่างอาลัยอาวรณ์ ถอนหายใจลึกๆ ใจคอเหี่ยวแห้งไม่มีที่สิ้นสุด
อู่เหมยก็มีความรู้สึกผิดอยู่บ้าง จึงพูดอย่างมีเจตนาว่า “ลุงไปต่างประเทศ ถ้าหาเงินก้อนใหญ่มาได้ หลังจากกลับมาก็สามารถซื้อบ้านที่ใหญ่กว่านี้ได้แล้ว”
ความเศร้าโศกของเจ้าของบ้านก็หายไปในทันใด หัวเราะเสียงดัง “สาวน้อยพูดได้ดีจริงๆ ขอยืมคำพูดสิริมงคลของเธอมาใช้นะ!”
อู่เหมยก็หัวเราะด้วย หวังว่าคำเตือนของเธอจะมีประโยชน์ หากใช้เงินที่หามาได้ซื้อบ้านแบบนี้ วันหลังก็จะสามารถสร้างมูลค่าสูงขึ้นให้บ้านหลังนี้ได้ ยังไงก็ไม่นับว่าเสียอะไร
เหยียนหมิงซุ่นเอากุญแจให้อู่เหมย กำชับว่า “ระวังนะ เก็บเอาไว้ให้ดี อย่าให้คนอื่นมาเจอได้”
“ฉิวฉิวจะช่วยฉันซ่อนไว้ มันซ่อนของเก่งมาก รับรองว่าไม่มีใครหาเจอ” อู่เหมยภาคภูมิใจมาก ทำเอาฉิวฉิวที่กำลังนอนหลับอย่างสบายในกระเป๋าหนังสืออุ้มออกมา จูบไปหลายครั้ง
เหยียนหมิงซุ่นจิตใจคล้อยตาม กระรอกน้อยตัวนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ หรือว่า…
เขารีบปฏิเสธความคิดไร้สาระนั้นอย่างรวดเร็ว ตำนานก็คือตำนาน จะเป็นเรื่องจริงได้อย่างไร? เขาคิดมากเกินไปแน่นอน
“รอพี่ทำเรื่องสัญญาบ้านเสร็จแล้ว ตอนค่ำจะส่งให้เธอนะ” เหยียนหมิงซุ่นพูดยิ้มๆ
“อืม” อู่เหมยเบิกบานใจ ยินดีเป็นอย่างมาก เธอเข้าใกล้ชีวิตของผู้ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์อีกก้าวหนึ่งแล้ว หลังจากนี้จะต้องยิ่งใกล้ขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน
ตลาดหนานสุ่ยก็ห่างจากถนนฮวายไห่ครึ่งชั่วโมงถ้าเดินทางด้วยรถจักรยาน แต่เหยียนหมิงซุ่นขี่ไวมาก ยังไม่ถึงสิบโมงก็ถึงตลาดหนานสุ่ยแล้ว ตลาดยังมีคนเดินไม่เยอะเท่าไร แต่แผงขายของก็จัดว่งออกมาหมดแล้ว
พอถึงตลาดหนานสุ่ย ฉิวฉิวก็กลับมามีชีวิตชีวาขึ้น ดวงตากลมเหมือนถั่วดำนั้นมองไปทุกทิศทางจนหมุนติ้ว ร้องเสียงดังไม่หยุด เหมือนครั้งที่แล้วไม่มีผิด
“อู่เหมยกอดมันแน่น พูดเสียงเบาว่า “ฉิวฉิวอย่าใจร้อน พวกเราต้องค่อยเป็นค่อยไป”
“กู่ๆ”
ฉิวฉิวสะบัดหางไปมา หาลูกอมนมที่มีถั่วในกระเป๋าหนังสือด้วยตัวเอง กินอย่างเอร็ดอร่อยเพลิดเพลิน หนวดสั่นไหวตลอดเวลา หางก็กระดิกไปมาอย่างมีความสุข
เหยียนหมิงซุ่นเห็นความผิดปกติของเจ้าตัวน้อยอย่างชัดเจน ความสงสัยก่อนหน้านี้ผุดขึ้นมาในใจอีกครั้ง ไม่แสดงออกอะไรพาอู่เหมยเดินดูแผงขายของ วางแผนไว้จะดูว่าเด็กน้อยคนนี้จะเลือกของเก่าอย่างไร
———————————————————
ตอนที่ 258 เจ้าหญิงทองคำน้อย
เดินผ่านแผงขายของหลายแผงก่อนหน้า ฉิวฉิวก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร พอเดินมาถึงตรงกลาง หางของฉิวฉิวก็ส่ายสะบัดขึ้นมา อู่เหมยรู้ว่านี่จะต้องมีของล้ำค่า เธอหยุดอยู่ที่แผงลอยแผงนี้ พอเห็นเจ้าของแผงชัดๆ ทันใดนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้
เจ้าของแผงลอยนี้เป็นคนที่ขายเงินโบราณให้เธอในครั้งที่แล้ว ดวงตายังคงตี่เล็ก รอยยิ้มก็ยังเหมือนเดิมยังคงดูซื่อๆ เรียบง่ายเหมือนเดิม
เจ้าของแผงลอยก็ยังจำอู่เหมยได้ ทักทายด้วยรอยยิ้ม “สาวน้อยกับพี่ชายมาเดินตลาดเหรอ เธอโชคดีจริงๆ ฉันเพิ่งได้รับของดีมาชุดหนึ่ง ดูสิ ดูดีใช่ไหม!”
ที่เขาชี้ก็คือปิ่นปักผมหนึ่งกอง และยังมีพวกกำไลเงิน มองแล้วน่าจะทำจากเงินทั้งหมด แต่ทั้งหมดนั้นมีรอยดำๆ แล้ว พอดูได้แต่ก็ไม่ได้ดูดีอะไรขนาดนั้น
อู่เหมยหลบออกมามองอย่างรังเกียจ ไม่รู้ว่าเป็นคนตายที่ไหนเคยใส่ เธอไม่อยากใส่หรอกนะ!
แต่ว่า…
กรงเล็บของฉิวฉิวแตะที่มือของอู่เหมยอยู่หลายครั้ง อู่เหมยใจเต้น รู้แล้วว่าเครื่องประดับเงินกองนี้มีของดี
“ดูดีมาก งั้นฉันเลือกเอามาใส่เล่นสักสองสามชิ้น คุณอาขายให้หนูถูกหน่อยนะ!” อู่เหมยนั่งยองๆ ลงมาพูดแล้วยิ้มหวาน
เจ้าของแผงมีความสุขเบิกบานใจ นับได้ว่าเป็นการประเดิมอีกครั้ง สาวน้อยคนนี้โชคลาภทางการเงินถือว่าไม่เลว ครั้งที่แล้วที่เธอประเดิม วันนั้นก็ค้าขายดีจนไม่รู้จะดีอย่างไรเจ้าของแผงลอยฝั่งตรงข้ามต่างก็อิจฉาตาร้อนกันหมด วันนี้ดูแล้วเขาคงได้นับเงินจนมือเป็นตะคริวอีกครั้งแล้ว
“ไม่ต้องห่วง แต่ไหนแต่ไรมา ฉันไม่คิดหาเงินจากสาวน้อย จะต้องให้ราคาที่ถูกยิ่งกว่าผักกาดขาวให้เธอแน่ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ คิดเป็นหนึ่งชิ้นห้าหยวนทั้งหมด” เจ้าของแผงปากพูดซะฟังดูดี แต่แท้จริงแล้วใจดำอำมหิตโกงแม้กระทั่งเด็กน้อย
อู่เหมยเดิมทียังรู้สึกว่าเธอเอาเปรียบเจ้าของแผงลอยคนนี้ ใจในยังรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง แต่พอได้ยินราคาที่เสนอมา ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกสงบและสบายใจ ซื้อขายอย่างอิสระ เธอไม่มีทางรู้สึกเกรงใจอีก
“แพงเกินไป ฉันซื้อไม่ไหว”
พูดจบอู่เหมยก็ลุกขึ้นเตรียมเดินออกไป คิดว่าเธอเป็นเด็กสามขวบหรือไง เครื่องประดับเงินที่สกปรกขนาดนี้ มากที่สุดก็สามหยวนต่อหนึ่งชิ้น นี่คือเธอให้เยอะแล้วนะ!
“ไฮ่ๆๆ อย่าเพิ่งรีบร้อนไปสิ ราคาคุยกันได้ คุยกันได้นะ”
เจ้าของแผงรีบเรียกอู่เหมยกลับมา หันไปทางเธอชูสี่นิ้ว อู่เหมยส่ายหน้าอย่างไม่ลังเล ยืดนิ้วขาวสะอาดออกมาสองนิ้ว เจ้าของแผงก็ทำหน้าสิ้นหวังทันที ส่ายหน้าอย่างแรงเอานิ้วลงหนึ่งนิ้ว
“สาวน้อย ราคานี้ฆ่าคนได้เหี้ยมมากเลยนะ เธอก็ควรให้กำไรฉันหน่อยใช่ไหม? ราคาเดียว สามหยวน ไม่สามารถลดได้อีกแล้ว” เจ้าของแผงกัดฟันทำหน้าเจ็บปวด
“งั้นก็ได้ สามหยวนก็สามหยวน” อู่เหมยลังเลอยู่พักหนึ่งแล้วก็ตอบตกลงอย่างไม่เต็มใจ เจ้าของแผงลอยก็หัวเราะเสียงดังทันที สาวน้อยนี่หลอกง่ายจริงๆ!
เหยียนหมิงซุ่นเงียบมาตลอด ที่จริงแล้วถ้าเขาไปต่อรองราคา มากที่สุดก็คงหนึ่งหยวนห้าต่อหนึ่งชิ้น สามหยวน เจ้าของแผงคนนี้คงได้กำไรสองหยวนแน่นอน แต่ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะช่วยอู่เหมยต่อรองราคา
ดูยัยเด็กบื้อนี่เจรจาต่อรองราคาแล้วรู้สึกว่าน่าสนใจจริงๆ นอกจากนี้เขาก็อยากจะรู้ให้แน่ชัดว่าสรุปแล้วอู่เหมยใช้อะไรในการเลือกของ
เครื่องประดับเงินสกปรกจนดูไม่ได้พวกนี้ไม่มีทางดึงดูดสาวน้อยได้ อู่เหมยยืนยันที่จะซื้อเครื่องประดับเหล่านี้จะต้องมีเหตุผลแน่นอน
ภายใต้การชี้นำของฉิวฉิว อู่เหมยเลือกมาสามชิ้น สองชิ้นเป็นกำไลเงิน อีกชิ้นเป็นปิ่นปักผม รูปร่างไม่ค่อยน่าสนใจทั้งหมด ดูดำคล้ำ ถ้าตกอยู่ที่พื้นยังไม่มีคนเก็บด้วยซ้ำ
เพื่อหลีกเลี่ยงความสงสัยของเจ้าของแผงลอย อู่เหมยก็เลยเลือกกำไลข้อมือที่ดูสะอาดสะอ้านอีกหนึ่งชิ้น แกะสลักด้วยลวดลายที่แปลกตา เหมือนลวดลายของชนเผ่าม้งแถบนั้น สวยงามมาก อู่เหมยตั้งใจว่าจะใส่เอง อันนี้คงเป็นของที่เจ้าของแผงทำเองเพื่อเอามาขายที่แผงลอย ดูแล้วไม่เหมือนของเก่า
“สี่ชิ้นนี้แล้วกัน ให้คุณสิบสองหยวน” อู่เหมยเอาเงินให้เจ้าของแผงลอย
“ดีเลย สาวน้อยวันหลังมาซื้อร้านผมอีกนะ อารับรองว่าจะให้ราคาที่ถูกเหมือนผักกาดขาวแน่นอน”
เจ้าของแผงเก็บเงินอย่างมีความสุข มองอู่เหมยด้วยสายตาอ่อนโยนอย่างยิ่ง เด็กนี่เป็นเจ้าหญิงทองคำน้อยชัดๆ!
…………………………..