ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 259 กระโถนฉี่แตกๆ + ตอนที่ 260 มองออกถึงความลับของอู่เหมย
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 259 กระโถนฉี่แตกๆ + ตอนที่ 260 มองออกถึงความลับของอู่เหมย
ตอนที่ 259 กระโถนฉี่แตกๆ
หลังจากนั้นทันทีอู่เหมยก็ซื้อกล่องเก็บเครื่องสำอางมาอีกหนึ่งกล่อง กระบอกใส่เครื่องเขียนอีกหนึ่ง ขวดยานัตถุ์หนึ่ง ภาพวาดสองรูป พวกนี้เป็นของเก่าทั้งหมด ชิ้นที่ใหญ่ที่สุดก็คือไหสีดำคล้ำหนึ่งใบที่อู่เหมยอุ้มเอาไว้ในมือ ไม่เพียงแต่ลักษณะน่าเกลียด ที่สำคัญคือกลิ่นแรงมากชวนคลื่นเหียนสุดๆ อู่เหมยโดนรมจนตาเปิดไม่ได้แล้ว
อู่เหมยไม่ได้อยากจะซื้อไหเหม็นๆใบนี้ด้วยซ้ำ อู่เหมยดูไม่ออกเลยจริงๆว่าของชิ้นนี้มีดีที่ตรงไหน แต่ฉิวฉิวกลับไม่ยอม ต้องให้อู่เหมยซื้อให้ได้ ตอนซื้อของอย่างอื่นก็ไม่เห็นมันจะตื่นเต้นอะไรมาก เพียงแต่ตอนที่มันเห็นไหใบนี้ หางของฉิวฉิวสะบัดส่ายไปส่ายมาอย่างแรงจนเหมือนเป็นตะคริว
“เถ้าแก่ ไหใบนี้ราคาเท่าไร?” อู่เหมยปิดจมูกถาม
เจ้าของแผงเป็นชายแก่ที่มีเคราแพะ เขาค่อนข้างให้ความสนใจสาวน้อยที่สวยอย่างอู่เหมยตลอดเวลา ยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็จ่ายเงินเกือบร้อยหยวนแล้ว จะต้องเป็นเทพแห่งโภคทรัพย์น้อยแน่นอน ไม่เด็ดลูกพลับนิ่มแบบนี้ จะรอเวลาไหน?
“ยี่สิบหยวน ราคานี้ราคาเดียว!” ชายแก่เคราแพะบอกราคาสูงลิบเทียมฟ้า ทำให้อู่เหมยตกใจมาก
“เถ้าแก่ของที่แตกหักของคุณอันนี้คุณเอายี่สิบหยวนเลย ทำไมคุณไม่เรียกราคาสองร้อยหยวนไปเลยล่ะ?”
“คนแก่อย่างฉันแต่ไหนแต่ไรให้ราคายุติธรรมเสมอ ยังไงก็ไม่มีทางเปิดราคาที่สองร้อยหยวนหรอก ยี่สิบหยวนถ้าตกลงก็เอาไป ไม่เอาก็วางลง อย่ามาทำให้ผมเสียเวลา”
ชายแก่เคราแพะหัวเราะอยู่ลึกๆ เขาแน่ใจว่าเด็กน้อยคนนี้จะต้องซื้อไหใบนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าสาวงามคนนี้ถึงได้ชอบกระโถนฉี่แตกๆแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อการโกงของเขา!
กระโถนฉี่แตกๆใบนี้เป็นเขาเอาขนมปังกรอบหนึ่งชั่งไปแลกที่ชนบทมา เจ้าของห้องเอากระโถนนี่ให้ลูกชายใช่ฉี่ตอนกลางคืน ลูกชายสี่คนตาางก็พึ่งพากระโถนนี่เติบโต ตอนนี้ลูกชายโตกันหมดแล้ว กระโถนฉี่อันเป็นเกียรติภูมิใบนี้ก็โดนปลดเกษียณ เงินเหลือจากราคาก็คุ้มค่าขนมปังกรอบหนึ่งชั่งแล้วล่ะ!
ตัดสินจากสายตาของชายแก่อย่างเขาที่ฝึกฝนมานานหลายสิบปี กระโถนฉี่แตกๆใบนี้แม้แต่บาทเดียวก็ไม่คุ้มค่า วางขายบนแผงมาแล้วหนึ่งปี ยังไม่มีแม้แต่สักคนมาถาม ไม่ง่ายเลยที่จะบังเอิญเจอพวกจมูกใช้การไม่ได้ ชายแก่อย่างเขาก็ต้องเอาไว้ให้มั่น
อู่เหมยต่อรองราคาอยู่หลายรอบ ชายแก่คนนี้ปากเหมือนถูกเขื่อมปิดเอาไว้ก็ไม่ปาน พูดอะไรก็ไม่ปล่อยปาก อู่เหมยโมโหจนหัวใจตับปอดปวดไปหมด ทำได้เพียงแต่เก็บรวบรวมเงินที่มีติดตัวทั้งหมดเอาออกมา แม้แต่สตางค์ก็นับเข้าไปด้วย ทั้งหมดได้สิบแปดหยวนห้าเจียวแปดสตางค์
“เถ้าแก่ ในตัวฉันมีเหลือแค่นี้แล้ว เถ้าแก่ก็ขายให้ฉันเถอะ วันก่อนฉันทำโถข้าวของคุณยายแตกไป โถใบนี้ค่อนข้างเหมือนกับโถข้าวใบนั้นของคุณยาย ฉันจะเอากลับไปสมทบให้ครบจำนวน เถ้าแก่ก็ขายให้ฉันเถอะ”
อู่เหมยลากเสียงยาว หันไปทางชายแก่เคราแพะพูดออดอ้อน เสียงหวานเหมือนกับสายไหมก็ไม่ปาน ชายแก่เคราแพะตัวสั่นไปหมด เหยียนหมิงซุ่นก็จักจี้หูเป็นอย่างมาก แคะหูอยู่หลายรอบ
“ได้ๆๆ เธอเอาไปเถอะ อย่างมากฉันก็แค่ขาดทุนนิดหน่อย” ชายแก่เคราแพะถูขนบนแขนที่ลุก
อู่เหมยหยิบกระโถนฉี่ขึ้นมาอย่างมีความสุข กลิ่นฉี่ฉุนจนขึ้นหัว แสบจนเกือบเกิดใหม่ แสบจนเกือบขึ้นสวรรค์ แสบจนลืมตาไม่ขึ้นแล้ว
“เถ้าแก่ กระโถนนี้กลิ่นทำไมแรงขนาดนี้? คงไม่ใช่กระโถนฉี่ใช่ไหม?” อู่เหมยถามอย่างสงสัย
“จะเป็นไปได้ยังไง? คงเป็นเพราะผ่านเวลามานานกลิ่นก็แรงขึ้นแหละ เธอดูสิกระโถนฉี่บ้านไหนรูปร่างหน้าตาแบบนี้?” เจ้าของแผงลอยกัดให้ตายเขาก็ไม่ยอมรับ เขาแอบเห็นใจยายของอู่เหมยในใจ ข้าวที่ใช้กระโถนฉี่ใบนี้หุงออกมา กลิ่นคงจะยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน
เหยียนหมิงซุ่นออกห่างจากอู่เหมยไกลนิดหน่อย กลิ่นนี้แม้แต่เขายังรับไม่ได้ แต่เด็กน้อยนี่ก็ยังอุ้มไว้อย่างปิติยินดี
แต่ว่าตอนนี้เขายืนยันได้แล้ว ของที่อู่เหมยซื้อทั้งหมดคือของแท้แน่นอน อีกอย่างหน่วยตรวจสอบของเธอก็คือฉิวฉิวไม่ใช่ก็ใกล้เคียง เพราะว่าทุกครั้งตอนที่อู่เหมยเลือกของ หางของฉิวฉิวจะสะบัดไม่หยุด แต่ตอนที่ไม่ซื้อ ฉิวฉิวทำเพียงแค่กินลูกอมเงียบๆ
ครั้งสองครั้งคือบังเอิญ แต่ถ้าทุกๆครั้งเป็นแบบนี้ทั้งหมด นี่ก็จะเป็นปัญหาใหญ่แล้ว
——————————————————————————————————-
ตอนที่ 260 มองออกถึงความลับของอู่เหมย
”ไหใบนี้มีความสำคัญยังไงหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นถามตรงๆ
อู่เหมยไหนเลยจะรู้ว่าไหใบนี้มีความสำคัญยังไง ถ้าไม่ใช่สิ่งที่คุณฉิวอยากจะซื้อ แต่เธอไม่สามารถพูดกับเหยียนหมิงซุ่นแบบนี้ได้ แน่นอนว่าก็ไม่สามารถพูดว่าเป็นเพราะโถข้าว คำพูดนี้หลอกชายแก่เคราแพะถึงจะได้
“ก็แค่อาศัยความรู้สึก ฉันรู้สึกว่าไหใบนี้น่าจะมีอายุหลายร้อยปีแล้ว ไม่ใช่พูดว่ายิ่งเวลาผ่านไปยาวนานเท่าไร ของก็จะยิ่งมีราคาสูงหรอ” อู่เหมยอธิบายอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
เหยียนหมิงซุ่นมองเธออย่างล้ำลึก ยัายสายตาไปที่ร่างของฉิวฉิวต่อ ยิ้มพลางพูดว่า “ตอนนี้ฉิวฉิวกลับเงียบไปแล้วแฮะ เมื่อกี้ยังกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขอยู่เลย”
อู่เหมยใจเต้นตุบตับ มองเหยียนหมิงซุ่นอย่างตื่นตระหนก ไม่รู้ว่าเขาค้นพบความสามารถพิเศษของฉิวฉิวแล้วหรือยัง เหยียนหมิงซุ่นพอเห็นท่าทางการแสดงออกของเธอ ยิ่งแน่ใจในการคาดคะเนของตนเอง
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าที่ฉิวฉิวสามารถล่าสมบัติได้จะมหัศจรรย์มาก แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าน่าหวาดกลัว ใต้โลกอันกว้างใหญ่ไพศาล เรื่องที่คาดไม่ถึงมีมากมาย สัตว์ประหลาดในตำนานบนซานไห่จิง ใครจะพูดได้ว่าทั้งหมดนั่นเป็นแค่ตำนานจริงไหม?
เขาคิดว่าเทพเจ้าและสัตว์ร้ายเหล่านั้นคงจะมีอยู่จริงในชีวิตจริง อีกทั้งคงโดนบรรพบุรุษรุ่นก่อนๆพบเห็น พวกเขาถึงเขียนลงในหนังสือได้อย่างละเอียด มิฉะนั้นมันยากที่จะเขียนด้วยจินตนาการที่แตกต่างกันมากมาย อีกอย่างคำอธิบายสัตว์ร้ายนั้นก็ละเอียดมาก
ดูแล้วแบบนี้ ฉิวฉิวมีความสามารถในการล่าสมบัติก็ไม่แปลกเท่าไรแล้ว หนังสือโบราณเดิมทีก็มีตำนานหนูล่าสมบัติ ไม่แน่ฉิวฉิวอาจจะเป็นหนูล่าสมบัติในตำนานนั่นก็ได้!
“ฉิวฉิวนั้นหาได้ยากมาก วันหลังเธอจะพามันออกจากบ้านก็ต้องระวังหน่อย อย่าทำให้คนใส่ใจเห็นได้” เหยียนหมิงซุ่นมองอู่เหมยอย่างมีความหมายลึกซึ้ง
อู่เหมยตอบอย่างโอนอ่อนผ่อนตาม ในใจกลับว้าเหมือนคลื่นทะเลถาโถม เหยียนหมิงซุ่นพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?
เขาคงไม่ได้ค้นพบความสามารถพิเศษของฉิวฉิวแล้วใช่ไหม?
ถ้าไม่อย่างนั้นเขาทำไมถึงพูดว่าฉิวฉิวหาได้ยากมากล่ะ?
เหยียนหมิงซุ่นมองแค่แวบเดียวก็รู้ว่าอู่เหมยกำลังกังวลอะไร แอบขบขันอยู่ในใจ แต่ก็รู้สึกไม่พอใจกับความไม่ระมัดระวังของอู่เหมย แค่เธอซื้อบองก็ปล่อยพิรุธออกมาตั้งมากมาย ขอเพียงแค่ตั้งใจสังเกตอย่าละเอียดจะต้องค้นพบเป็นแน่ เด็กน้อยคนนี้ไม่ระวังตัวมากเกินไปแล้ว
โชคดีที่มีเขาด้วย ถ้าหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก็รับรองไม่ได้ว่าจะมีจิตใจคิดอะไรขึ้นมา
“วันหลังอย่ามาที่นี่ซื้อของคนเดียว เรียกพี่มาด้วย ที่นี่ไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไร” เหยียนหมิงซุ่นคิดๆแล้วก็ไม่วางใจ ที่ตลาดหนานสุ่ยมีทั้งมังกรมีทั้งงูผสมกันมั่วไปหมด ถ้าหากมีคนรู้ว่าอู่เหมยมีของล้ำค่าติดตัวล่ะก็ ชีวิตน้อยๆของเด็กบื้อนี่คงรักษาเอาไว้ไม่ได้
อู่เหมยตกใจ รีบร้อนพงกหัว แล้วก็ไม่สนใจว่าเหยียนหมิงซุ่นนั้นพบความลับของเธอใช่หรือไม่ เหงื่อเย็นๆออกที่หลังในฉับพลัน เดิมทียังมีความคิดที่จะถือโอกาสในช่วงหยุดสุดสัปดาห์มาเดินดู ทันใดนั้นก็หยิกตัวเองทันที
ชีวิตนั้นมีค่าจริงๆ ไม่ง่ายเลยที่เธอจะมีชีวิตฟื้นคืนกลับขึ้นมาใหม่ แน่นอนว่าจะต้องมีชีวิตถึงหนึ่งน้อยปีถึงจะไม่ขาดทุน!
เหยียนหมิงซุ่นมองของในมือขิ้นเล็กชิ้นใหญ่ คิ้วขมวด หยิบผ้าใบกันน้ำออกมาจากตะกร้า เอาของที่อู่เหมยซื้อมาห่อให้เรียบร้อย วางไว้ตะกร้าหน้ารถ แบบนี้ก็ไม่ได้เตะตาคนขนาดนั้นแล้ว
อู่เหมยเพิ่งจะคิดอยากพูดให้เหยียนหมิงซุ่นช่วยเธอขายของ เหยียนหมิงซุ่นกลับเป็นคนพูดก่อน “ตอนนี้ยังไม่ต้องขายสินค้าออกไปก่อน รอไม่กี่วันผ่านไปพี่ค่อยช่วยเราจัดการ เธอเลือกของที่อยากจะขายออกไปมาให้พี่”
อู่เหมยรีบพยักหน้า หยิบกล่องเครื่องแป้งส่งให้เหยียนหมิงซุ่น คิดๆแล้วก็เพิ่มขวดยานัตถุ์เข้าไปอีก สองชิ้นนี้คงขายได้เงินบ้าง ตอนเลือกของสองชิ้นนี้หางของฉิวฉิวก็สะบัดไวอยู่
“พี่หมิงซุ่น รบกวนพี่ขายของสองชิ้นนี้ด้วย!
เหยียนหมิงซุ่นมองเธออย่างลึกล้ำ ตาเหมือนกับน้ำทะเลลึกที่มืดและเงียบ มองจนอู่เหมยรู้สึกจิตใจไม่สงบ ลูกตาหลบเลี่ยงไปทุกทิศ ไม่กล้าจ้องมองเหยียนหมิงซุ่นตรงๆ
หวาดผวาไปหมด!
เหยียนหมิงซุ่นมองอย่างขบขัน ซื่อบื้อจริงๆ หยิบของออกมาสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้ ยังพูดให้เขาไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินให้ ไม่ใช่ว่าเป็นการแสดงออกโดยตรงว่ายัยเด็กบื้อนี่รู้อยู่แล้วว่าของพวกนี้เป็นของแท้?
แม้กระทั่งเล่นละครยังไม่เป็น ซื่อบื่อจนไม่รู้จะซื่อบื่อยังไง วันหลังเขาคงต้องจับตามองให้ดีๆหน่อยแล้ว!