ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 271 ให้เงินเธอ ไม่ต้องรู้สึกแย่ + ตอนที่ 272 แสดงฝีมือให้ชมเล็กน้อย
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 271 ให้เงินเธอ ไม่ต้องรู้สึกแย่ + ตอนที่ 272 แสดงฝีมือให้ชมเล็กน้อย
ตอนที่ 271 ให้เงินเธอ ไม่ต้องรู้สึกแย่
เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วแน่น เขายิ่งไม่พอใจเหอปี้อวิ๋นมากขึ้น หล่อนไม่ได้ถามอะไรแต่กลับขโมยไปเลย ถึงแม้จะเหมือนกับพ่อแม่หยิบของลูกไป แต่ถึงอย่างไรก็ต้องบอกกล่าวกันก่อนสิ อีกอย่างเมื่อคุณหยิบไปแล้ว ทำไมถึงต้องโยนของอย่างอื่นทิ้งไปด้วยล่ะ?
ไม่เข้าใจเลยจริงๆ!
สยงมู่มู่แย่งภาพวาดจากมืออู่เหมย หัวเราะเอิ๊กอ๊ากแล้วพูด “วาดภาพใช้ได้ พ่อแม่ของฉันต้องชอบแน่ๆ ไปกันได้ ฉันหิวจะแย่อยู่แล้ว”
อู่เหมยอยากจะแย่งภาพวาดคืน “ภาพวาดนี้เสียหายหมดแล้ว เดี๋ยวฉันค่อยวาดใหม่ทีหลัง อย่าให้ภาพนี้เลย”
“ยังจะวาดอะไรอีก ก็รับภาพที่วาดไว้ตั้งแต่ทีแรกสิถึงจะดี อย่าพูดไร้สาระมาก รีบไปได้แล้ว”
สยงมู่มู่เดินเร็วมาก เขาดึงประตูเปิดออกแล้วเดินออกไปเลย อู่เหมยยังวิ่งตามไม่ทัน เธอโกรธจนกัดฟันกรอดๆ ภาพนี้ถูกขยำจนเละเป็นผักดองแล้ว ถือออกไปจะไม่ขายขี้หน้าแย่หรือ!
เหยียนหมิงซุ่นตีหน้าผากเธอ เขากระซิบที่ข้างหูเธอเบาๆ “ ไม่ต้องห่วง สยงมู่มู่เขารู้ว่าต้องทำอย่างไร อาทิตย์หน้าพี่ค่อยพาเธอไปซื้อกำไลเงิน เออใช่ ของของเธอหมิงซูรับของไปแล้ว กล่องเครื่องสำอางได้แค่สองร้อยหยวนเอง แต่ขวดยานัตถุ์ยังได้เงินมาบ้างเพราะเป็นของมือชื่อเสียง จึงขายได้เจ็ดร้อย หมิงซูเขาเก็บไว้เอง นี่แปดร้อยหยวนเธอเก็บเงินไว้ให้ดีนะ ค่าเปลี่ยนกุญแจสิบหยวน
อู่เหมยหัวเราะทั้งน้ำตาทันที ไม่มีสิ่งใดที่จะปลอบประโลมความเสียใจได้ดีไปกว่าเงินอีกแล้ว เธอรับเงินมา และห่อเก็บไว้เป็นอย่างดี มอบให้ฉิวฉิว ที่พอได้เห็นเงินก็ตาเป็นประกาย แล้ววิ่งหายวับออกไป
“ฉิวฉิวซ่อนของเก่งมาก เงินของฉันครั้งที่แล้วก็เป็นฉิวฉิวเอาไปซ่อน” อู่เหมยพูดอย่างภาคภูมิใจ อยู่ต่อหน้าเหยียนหมิงซุ่นเธอไม่ค่อยรู้สึกกังวล เธอเชื่อในบุคลิกของผู้นำระดับสูงในอนาคตคนนี้อย่างที่สุด
เหยียนหมิงซุ่นดวงตาเป็นประกาย และไม่รู้สึกแปลกใจ แม้กระทั่งของมีค่าฉิวฉิวยังสามารถหาเจอ ก็ไม่แปลกที่จะสามารถซ่อนสิ่งของได้ ในที่สุดก็ได้เห็นอู่เหมยมีสีหน้ายิ้มแย้ม เขาก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาไม่น้อย เห็นยายตัวดียิ้มออกมายังไงก็ดูดีกว่า
“ทำอย่างนี้ก็ดี แต่ยังไงก็บอกให้ฉิวฉิวระวังตัวด้วย อย่าให้ใครเห็นล่ะ” เหยียนหมิงซุ่นกำชับ กระรอกขาวนั้นไม่ค่อยจะมีให้เห็น ถ้าปล่อยให้คนที่มีเจตนาไม่ดีเห็นเข้า ฉิวฉิวจะเป็นอันตรายมาก
“อื้อ ฉิวฉิวบอกว่า เขาเก่งมาก บอกด้วยว่าฉันไม่ต้องกังวล”
อู่เหมยกับเหยียนหมิงซุ่นเดินไปพลางคุยเล่นไปพลาง เธอพูดเยอะกับคนที่ไม่เคยพูดด้วยอย่างไม่รู้ตัว เหยียนหมิงซุ่นฟังอย่างเงียบๆ ระหว่างนั้นก็ตอบบ้างสองสามครั้ง บรรยากาศเข้ากันดีมาก บรรดาครอบครัวที่ทำกับข้าวอยู่บนระเบียง มองดูเด็กน้อยที่ไร้เดียงสาคู่นี้ ต่างก็ยิ้มอย่างรู้ใจออกมาพร้อมกัน
เมื่อก่อนทำไมถึงดูไม่ออกว่ายายเหมยเหมยเหมาะสมกับเจ้าเด็กผู้ชายตระกูลเหยียนล่ะ?
เหมาะสมกว่าเจ้าเด็กผู้ชายตระกูลสยงตั้งเยอะ ตระกูลสยงหน้าตาดี แต่เดินไปกับเหมยเหมย เหมือนกับเดินกับพี่สาวน้องสาว เดินกับเจ้าเด็กผู้ชายตระกูลเหยียนอย่างนี้ยังดูดีกว่า
พวกเขาเพิ่งจะขึ้นไป กับข้าวร้อนๆ หลายจานวางอยู่บนโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว กุ้งนาง ปูขนนึ่งแดงก่ำ ซี่โครงหมูน้ำแดง เป็นต้น พ่อสยงยังคงยุ่งอยู่ในครัว ดูแล้วยังมีกับข้าวอีกเยอะ
“พ่อสยงคะ ให้หนูทำกับข้าวเถอะค่ะ คุณกับแม่บุญธรรมไปดื่มเหล้ากันเถอะค่ะ”
อู่เหมยไม่ได้เรียกเขาว่าพ่อบุญธรรม ซึ่งคำว่า ‘รุ่นหลัง’ คำนี้ ทำให้บางคนก่อเรื่องยุ่งเหยิง ถ้าเรียกว่าพ่อบุญธรรม เธอไม่สามารถข้ามผ่านอุปสรรคในใจของเธอได้ อย่างน้อยที่สุดก็เรียกว่าพ่อสยง จ้าวอิงหนานสองสามีภรรยาก็ไม่ได้สนใจ เธอจะเรียกอะไรก็ได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือคือความจริงใจ
อู่เหมยกึ่งผลักกึ่งดึงสองคนนี้ออกไปด้านนอก ไม่มีของขวัญแล้ว ก็ปล่อยให้เธอทำกับข้าวสองสามอย่างแสดงความกตัญญูเถอะ เหยียนหมิงซุ่นเสนอตัวเป็นผู้ช่วยอยู่ในครัว เขาไม่ค่อยชอบดื่มเหล้า แล้วก็ไม่ชอบดมกลิ่นเหล้า อยู่ในครัวเขาสบายใจกว่าอยู่ข้างนอก
…………………………………………………………………….
ตอนที่ 272 แสดงฝีมือให้ชมเล็กน้อย
ตอนแรกเหยียนหมิงซุ่นคิดจะเป็นคนลงมือทำอาหาร เพราะดูแล้วอู่เหมยไม่เหมือนคนทำกับข้าวเป็นจริงๆ มือเล็กๆ ขาวบอบบางนั้นจะถือมีดหั่นผักไหวหรือ?
ทว่า…
อู่เหมยล้างผัก หั่นผักอย่างคล่องแคล่วมาก ดูแล้วยังคล่องแคล่วกว่ากว่าผู้ใหญ่ ยายตัวดีกำลังซอยมันฝรั่งเสียงดังฉับๆ เห็นเพียงมีดแลบแสงแวววับ มันฝรั่งซอยที่ทั้งหนาและบางปะปนกันวางกองอยู่บนเขียงแล้ว ฝีมือการหั่นนี้ไม่ใช่วัน สองวันก็สามารถฝึกได้สำเร็จ
ห้องครัวของครอบครัวสยงมีรสนิยมมาก ทั้งเตาแก๊ส พัดลมระบายอากาศ เตาอบ หม้อหุงข้าวก็มีครบหมด ทั้งยังมีวัตถุดิบสำหรับอาหารจานใหญ่มากมาย ทั้งปลาจวดตัวใหญ่เอย เป็ดเอย เป็ดก็น่าจะเป็นเป็ดสดใหม่ หนึ่งตัวหนักกิโลกว่าๆ เธอสับเป็นชิ้นๆ เตรียมทำเป็ดเมาเบียร์ เมื่อตะกี้เธอเหลือบเห็นที่ห้องรับแขกบ้านสยงมีเบียร์หนึ่งลัง
“พี่หมิงซุ่นคะ พี่ช่วยไปหยิบเบียร์ขวดหนึ่งมาให้ฉันได้ไหม?”
อู่เหมยเอาเนื้อเป็ดลงไปลวกในน้ำเดือด ขิง กระเทียม พริกที่ทอดเสร็จอยู่ในน้ำมันรอเป็นเครื่องปรุงรส เอาเนื้อเป็ดที่สะเด็ดน้ำผัดคลุกเคล้าไปมา รอเหยียนหมิงซุ่นหยิบเบียร์เข้ามา ก็จะเทเบียร์ลงไปหมดขวด ได้พอดีกับเนื้อเป็ด
“อาหารของเหมยเหมยแปลกใหม่มากเลยนะ เธอคิดเองเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกสนใจมาก หรือว่าเมื่อก่อนเคยเห็นคนทำอาหารเนื้อเป็ดอย่างนี้ ก็ไม่รู้วาจะอร่อยหรือไม่อร่อย
อู่เหมยไม่กล้าเข้าข้างตัวเอง ยิ้มแล้วกล่าว “อันนี้ฉันเคยเห็นคนอื่นทำ รสชาติอร่อยเป็นพิเศษ พี่หมิงซุ่นชิมดูก็จะรู้”
บนเตานึ่งเปิดไฟอ่อนๆ ไว้อบเป็ดเมาเบียร์ อีกเตาอู่เหมยก็ใช้ผัดกับข้าวอย่างอื่น เธอตั้งใจแสดงฝีมืออย่างเต็มที่ เพราะหากภาพลักษณ์ของอู่เยวี่ยคือผลการเรียนดี เช่นนั้นแล้วเธอก็สร้างภาพลักษณ์ดีๆ บ้างก็ได้ ฝีมือในการทำอาหารก็คงจะถือว่าใช้ได้นะ!
ทำเมนูปลากระรอกยุ่งยากเกินไป อีกอย่างเปลืองน้ำมันด้วย อู่เหมยจึงตัดสินใจทำปลาจวดผัดซอสแดง ปลาจวดที่พ่อสยงเตรียมไว้ทั้งสดทั้งตัวโต ราคาต้องแพงแน่นอน ปลาตากจนแห้งแล้ว อู่เหมยทอดปลาทั้งสองด้านจนเหลืองอย่างคล่องแคล่ว เธอใส่เครื่องปรุงเรียบร้อย เติมน้ำพอดีตัวปลา ปิดฝาหม้อเพื่อต้มให้สุก คราวนี้เธอก็เริ่มหั่นผักอย่างอื่นอีก เอาแนวคิดของฮั่วหลัวเกิง[1] มาใช้ในครัวให้ได้มากที่สุด
เหยียนหมิงซุ่นเดิมทียังอยากจะช่วยออกแรง แต่กลับพบว่ายายตัวดีไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเขาเสียด้วยซ้ำ เธอสามารถทำทุกอย่างได้คนเดียว ทำเป็นลำดับขั้นตอน ไม่มีความสับสนเลยสักนิด
เขาลูบจมูกไปมา อดกลั้นหัวเราะไม่ไหว อู่เหมยที่นิ่งเงียบในครัว ทำให้เขาหลงนิดหน่อย เหมือนว่ามีผู้หญิงที่สวยงามคนหนึ่งในความทรงจำ กำลังทำงานหนักอยู่ในครัวเพื่อเตรียมอาหารให้กับผู้ชายของเธอ
เหยียนหมิงซุ่นพยายามนึกย้อนถึงเรื่องในอดีตที่เลือนลางยิ่งกว่าอากาศบนยอดเขาเอเวอเรสต์ ถึงที่สุดแล้วเพราะว่าเขาเด็กเกินไป จำได้แค่ภาพเงาที่รู้สึกมีความสนิทเท่านั้น ที่ค่อยๆ ทับกับภาพรูปร่างเล็กของอู่เหมยอย่างไม่คาดคิด
“คุณแม่…”
เหยียนหมิงซุ่นเกือบเรียกออกมา
เขาสติกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว สะบัดหัวด้วยความหงุดหงิด ใบหน้าหล่อเหลาร้อนผ่าวราวกับไฟ โชคดีที่เขาเรียกสติกลับมาทัน ไม่อย่างนั้นก็คงจะปล่อยไก่แน่
เรียกยายตัวดีที่อายุสิบสองว่าแม่ คงน่าขบขันที่สุดในโลก
“พี่หมิงซุ่นคะ พี่ร้อนเหรอคะ? พี่รีบออกไปกินข้าวสิคะ ในครัวร้อนอบอ้าวจะตาย” อู่เหมยคิดว่าเหยียนหมิงซุ่นร้อน จึงดันเขาออกไป เหยียนหมิงซุ่นก็อายที่จะอยู่ในครัวกับอู่เหมย ก็เลยถือโอกาสออกไป
เขายอมที่จะดมกลิ่นเบียร์บนโต๊ะอาหาร แต่ก็จะไม่ยอมอยู่ในครัวแคบๆ กับอู่เหมยอีก เขารู้สึกอึดอัดเกินไป
ตอนที่ออกไป มือเขาก็ประคองจานเป็ดเมาเบียร์ออกไปด้วย กลิ่นหอมโชยเตะจมูก สีสันของเนื้อเป็ดก็น่ากิน สีและกลิ่นเข้ากัน หอมหวนชวนกิน รสชาติคงไม่แย่เท่าไร
“วันนี้พวกเรามีลาภปากแล้ว นี่เป็นเมนูใหม่ที่เหมยเหมยทำครับ” เหยียนหมิงพูดด้วยรอยยิ้ม
…………………………………………………..
[1] ฮั่วหลัวเกิง คือ นักปรัชญาชาวจีน เจ้าของวลีสุภาษิต “คนอื่นช่วยเรา เราจะจำชั่วชีวิต เราช่วยคนอื่น จงอย่างใส่ใจ”