ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 283 ลงโทษอู่เยวี่ยอย่างเฉียบขาด + ตอนที่ 284 เปลี่ยนที่นั่ง
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 283 ลงโทษอู่เยวี่ยอย่างเฉียบขาด + ตอนที่ 284 เปลี่ยนที่นั่ง
ตอนที่ 283 ลงโทษอู่เยวี่ยอย่างเฉียบขาด
คำพูดของอู่เจิ้งซือเหมือนกับลูกระเบิดตอร์ปิโดน้ำลึก ระเบิดให้เหอปี้อวิ๋นสองแม่ลูกตื่นตระหนกตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมด ตัวเหอปี้อวิ๋นยิ่งตกใจจนหน้าซีด เธอไม่กลัวอู่เจิ้งซือด่า หรือตบตี แต่เธอกลัวการหย่าร้าง
ตอนนี้เธอเป็นหญิงกลางคนที่อายุใกล้จะสี่สิบแล้ว ถ้าหากหย่าร้างแล้ว เธอยังจะมีอนาคตอะไรอีก? แต่งงานอีกครั้งก็หาสามีดีไม่ได้ ไม่แน่สามีใหม่ก็ยังสู้อู่เจิ้งซือไม่ได้!
เหอปี้อวิ๋นหวาดกลัวอู่เจิ้งซือจนไม่กล้าพูด ความคิดทุกอย่างหายไปหมด ตีหัวอู่เยวี่ยด้วยความเวทนา เยวี่ยเยวี่ยที่น่าสงสารของเธอ เป็นเพราะโดนยายตัวดีนี่รังแก
เห็นอู่เจิ้งเข้าไปในห้องแล้ว เหอปี้อวิ๋นพูดเสียงเบา “เยวี่ยเยี่ยไม่ต้องกลัวนะ พ่อของลูกดื่มเยอะเลยทำตัวเละเทะ เดี๋ยวรอพรุ่งนี้ก็สร่างเมาแล้ว เขาต้องเสียใจภายหลังแน่นอน”
อู่เยวี่ยรู้สึกจิตใจว้าวุ่น จับต้นชนปลายไม่ถูก เธอหวังว่าอู่เจิ้งซือจะเมาเหล้าจริงๆ ทว่า เธอรู้ดี อู่เจิ้งซือไม่ได้เมาเหล้า แววตาของเขาสดใส การพูดก็ชัดเจน ไม่มีอะไรจะมีสติกว่านี้อีกแล้ว
“แม่ หนูไปซักผ้าก่อนนะคะ”
ตอนบ่ายหลังอู่เยวี่ยอาบน้ำเสร็จ เสื้อผ้าที่เปลี่ยนใส่เมื่อตอนบ่ายก็ยังไม่ได้ซัก เมื่อก่อนล้วนเป็นอู่เหมยซักให้ หลังจากอู่เหมยหยุดทำงาน ก็เป็นเหอปิ้อวิ๋นซัก ตอนนี้มีแต่เธอต้องทำเอง มาตอนนี้อู่เยวี่ยนึกถึงอู่เจิ้งซือที่สีหน้าเย็นชาเมื่อครู่นี้ขึ้นมา ตัวเธอก็สั่นเทา
คนที่อ่อนโยนและพูดเสียงเบาเวลาปกติ ไม่นึกเลยว่าพอระเบิดอารมณ์ขึ้นมาจะน่ากลัวเพียงนี้ อู่เยวี่ยกลัวอู่เจิ้งซือจริงๆ ความปวดแสบที่ใบหน้ายิ่งตอกย้ำเธอ อู่เจิ้งซือไม่ใช่อู่เจิ้งซือคนเดิมแล้ว อีกอย่างเธอก็ไม่ใช่คุณหนูตระกูลอู่คนเดิมอีกแล้ว
เหอปิ้อวิ๋นมองลูกสาวสุดที่รักที่ซักผ้าอย่างทุลักทุเลด้วยความปวดใจ กลับไม่กล้าออกหน้าเข้าไปช่วย อู่เจิ้งซือกำลังโมโห เธอกล้าซะทีไหน?
เพียงแค่หวังว่าผ่านไปหลายวัน อู่เจิ้งซือจะหายโกรธ เธอค่อยไปพูดจาไพเราะ ให้ยกเลิกลงโทษอู่เยวี่ย เยวี่ยเยวี่ยเรียนหนังสือทุกวัน ลำบากขนาดนั้น จะเอาแรงที่ไหนมาทำงานบ้าน?
อู่เหมยมองท่าทางการสื่อสารของผู้หญิงสองคนนี้ออกอย่างชัดเจน ส่งเสียง ฮึ! เบาๆ เธอถือเครื่องประดับเงินกลับห้องตัวเอง วันนี้เธอได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์ เป็นที่น่ายินดีและน่าฉลองอย่างยิ่ง พรุ่งนี้ไปร้านอาหารเฟิ้งไหลกินซาลาเปาไข่ปู เลี้ยงสยงมู่มู่สักมื้อ แล้วยังมีเจ้าอ้วนอู่เชาอีกคนด้วย
ถือโอกาสให้สองคนนี้ป่าวประกาศแทนอู่เยวี่ย ตั้งแต่นี้ต่อไปอู่เยวี่ยจะมีฉายาว่า ‘ขี้ขโมย’ เพิ่มขึ้นมาอีก
จริงๆ แล้ว เธอยิ่งอยากจะชวนเหยียนหมิงซุ่น หากไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือของเหยียนหมิงซุ่น เธอจะซื้อบ้านอย่างราบรื่นได้อย่างไร และก็เป็นไปไม่ได้ที่หาเงินได้เยอะขนาดนั้น แต่เสียดายที่เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกับเธอ จึงไม่ได้เจอเขาเลย
หาไม่แล้ว เธอวาดรูปมอบให้เหยียนหมิงซุ่น ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็เป็นน้ำใจของเธอ!
พอนึกแล้วอู่เหมยก็เกิดอาการตื่นเต้นและคึกคักขึ้นมา
เธอไม่ง่วงไม่แต่น้อย วางกระดาษเรียบร้อยอยู่บนโต๊ะ วาดภาพนั้นที่อู่เยวี่ยทำขาดเสียก่อน เตรียมส่งไปพร้อมกับเครื่องประดับพรุ่งนี้ เพราะว่าเป็นการวาดครั้งที่สอง อู่เหมยวาดเร็วเป็นพิเศษ สักพักก็ลงเส้นและระบายสีอย่างระมัดระวังจนเสร็จ นับว่างานใหญ่สำเร็จลุล่วงแล้ว
ขณะหยิบกระดาษขึ้นมาเพิ่ม อู่เหมยกัดดินสอครุ่นคิดอย่างหนัก ด้วยไม่รู้ว่าจะวาดอย่างไร แต่ไม่นานเธอก็คิดออก เธอขีด เขียน วาดออกมา ไม่นาน มีเด็กผู้ชายรูปร่างสูงและใบหน้าหล่อเหลาคนหนึ่งปรากฏอยู่บนกระดาษ คิ้วและตาคล้ายกับเหยียนหมิงซุ่นมาก มองแวบเดียวก็จำได้
แล้วเธอก็วาดอีกหลายคน ซึ่งล้วนวาดง่ายมาก แม้กระทั่งคิ้วและตาก็ไม่ชัด ในกลุ่มมีเหยียนหมิงซุ่นปรากฏอยู่ในภาพวาด กำลังโยนลูกบาสไปทางแป้นบาส ค้างอยู่กลางอากาศสามวินาที หันกลับมามองแล้วยิ้มให้ เก๋ไก๋อย่างไม่น่าเชื่อ
อู่เหมยวาดภาพที่เธอเห็นเหยียนหมิงซุ่นเล่นบาสครั้งแรกออกมา เธอวาดการ์ตูนเพิ่มลงไป แล้วก็ระบายสี ไม่นานภาพก็มีชีวิตชีวาเหมือนจริง และเธอยังวาดให้เหยียนหมิงซุ่นสวมเครื่องแบบทหารล่วงหน้าอีกด้วย
ไม่มีเสื้อผ้าอะไรจะแสดงให้เห็นเสน่ห์ของผู้ชายได้มากกว่าเครื่องแบบทหารอีกแล้ว!
เธอมองภาพวาดที่วาดเสร็จด้วยความพอใจ แล้วเก็บอย่างระมัดระวัง หาเวลาเอาไปให้เหยียนหมิงซุ่น หวังว่าเขาจะชอบ และเธอยังต้องไปซื้อแม่กุญแจ เพราะต้องป้องกันสิ่งของมีค่าอย่างเข้มงวดให้พ้นจากยายอู่เยวี่ยขี้ขโมย
……………………………………………………………………..
ตอนที่ 284 เปลี่ยนที่นั่ง
วันที่สอง อู่เหมยตื่นสายเล็กน้อย เหอปี้อวิ๋นตื่นนอนแล้ว เธอใส่หน้ากากตั้งแต่เช้าตรู่ อู่เยวี่ยก็ใส่เหมือนกัน อู่เหมยเห็นแล้วแอบโล่งใจมาก สองคนนี้มีความสามารถมากที่ไม่กินข้าวหนึ่งวัน ไม่เช่นนั้นแล้วคนอื่นต้องเห็นหน้าพวกเธอแน่นอน
อู่เจิ้งซือที่ใส่หน้ากากเหมือนกันเดินออกมาจากบ้าน อู่เหมยกั้นหัวเราะไว้ เธอไปยกโจ๊กที่อยู่บนเตา อาจารย์แม่จางเห็นอู่เหมยสบายอกสบายใจ ก็ยิ่งแปลกใจ “เหมยเหมย เธอไม่ได้เป็นหวัดนะ? ครูเหอบอกว่าวันนี้บ้านเธอเป็นหวัด!”
“หนูภูมิต้านทานแข็งแรงค่ะ ไวรัสพวกนั้นกลัวหนูจนหนีไปไกลเลยค่ะ” อู่เหมยพูดด้วยยิ้มตาหยี แล้วขยิบตายุกยิก เดินถือโจ๊กเข้าบ้านไป
เรื่องนี้ไม่ต้องรอให้เธอพูด คางและหางคิ้วของอู่เจิ้งซือต่างก็มีรอยข่วน ใบหน้าของเหอปี้อวิ๋นก็บวมเป่ง หน้ากากจะปกปิดได้ขนาดไหน?
คนที่มีสายตาเฉียบคมแค่เห็นก็รู้ว่าแล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
อาจารย์แม่จางก็ดูออก อีกอย่างเมื่อคืนนี้บ้านอู่ส่งเสียงดังมาก เธอไม่ใช่คนหูหนวก จะไม่ได้ยินได้อย่างไร?
แต่เมื่อสักครู่นี้แค่ตั้งใจถามเท่านั้นเอง ใครบอกให้เหอปี้อวิ๋นทำให้คนเขาโมโหมากนักนะ เป็นโอกาสดีที่ได้ใช้คำพูดหลายคำเยาะเย้ยถากถางเสียที
บรรยากาศอาหารเช้าของตระกูลอู่น่าอึดอัดมาก แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อความอยากอาหารของอู่เหมย เธอกินนมหมดหนึ่งแก้ว กินซาลาเปาเนื้ออีกสามชิ้น แม้ว่าเหอปี้อวิ๋นจะอารมณ์ไม่ดี แต่ปริมาณการกินอาหารเช้าก็ยังดีอยู่ อู่เหมยกินอย่างพอใจมาก กินจนเต็มท้อง เธอแบกกระเป๋าหนังสือขึ้นมาแล้วก็ออกไป
ตอนนี้เธอเต็มไปด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านกับการไปโรงเรียน แม้กระทั่งยังรอคอยว่าจะได้สอบทุกวัน หากเป็นเช่นนี้เธอก็จะพัฒนาขึ้นทุกวัน!
ฟังคุณครูชมเชยทุกวัน จะดีขนาดไหนนะ!
เพิ่งจะเข้าห้องเรียน เจินหวานหว่านถามด้วยน้ำเสียงเกินจริง “เหมยเหมย ได้ยินมาว่าผลสอบเดือนนี้พี่สาวของเธอได้แค่ที่สิบสองของโรงเรียนจริงเหรอ?”
การอ่านตอนเช้าหยุดชะงัก ทุกคนเงยหน้าขึ้น หูผึ่ง หน้าตามีความอยากรู้อยากเห็น อู่เหม่ยทำหน้านิ่ง พยักหน้าและพูดตรงๆ “ใช่ ได้ที่สิบสอง”
“อุ๊ย! ทำไมสอบได้แค่ที่สิบสองล่ะ? พี่อู่เยวี่ยครองที่หนึ่งมาโดยตลอดไม่ใช่เหรอ?” เจินหวานหว่านแกล้งถาม แต่ในใจรู้สึกเบิกบานใจ
อู่เหมยมองเธอด้วยความประหลาดใจ แล้วพูดช้าๆ “อับดับหนึ่ง สอบได้ที่สิบสอง ก็ไม่มีอะไรผิดปกตินี่ ในเมื่อโลกนี้ก็ไม่มีขุนศึกผู้ไม่เคยพ่ายแพ้ที่แท้จริง ก็เหมือนกับเธอนั่นแหละ เจินหวานหว่าน คะแนนสอบล่าสุดไม่แย่ลงก็เก่งมากแล้ว แม้กระทั่งสอบไม่ผ่าน ก็ยังสอบมาแล้ว”
แม้ว่าเธอจะเกลียดชังอู่เยวี่ย แต่เธอก็ไม่ชอบเจินหวานหว่าน ไม่อยากถูกเจินหวานหว่าน ใช้เธอเป็นเครื่องมือดูแคลนอู่เยวี่ย อนึ่ง อู่เยวี่ยเป็นพี่สาวของเธอ เธออยู่ต่อหน้าคนอื่น เธอก็ยังต้องแกล้งแสดงความรักระหว่างพี่สาวน้องสาว จะให้คนอื่นจับผิดความรู้สึกบกพร่องนี้ไม่ได้
เจินหวานหว่านถูกพูดขัดจนสีหน้าดูแย่มาก ทีแรกอยากให้อู่เหมยฉีกหน้าอู่เยวี่ย แต่ไม่นึกเลยว่านังโง่นี่ไม่ตกหลุมพราง แต่กลับแกล้งหักหน้าเธอเสียด้วยซ้ำไป ทำเอาเธอโมโหมาก
“เหมยเหมย เธอพูดถูก บนโลกนี้จะมีขุนศึกผู้ไม่เคยแพ้ที่แท้จริงซะที่ไหน อีกอย่างฉันได้ยินว่า ผู้หญิงหลังจากขึ้นมัธยมต้น คะแนนสอบก็จะแย่ลง นี่เป็นกฎธรรมชาติ”
อู่เหมยมุ่นคิ้ว ตอบกลับโดยไม่เงยหน้า “เจินหวานหว่าน เธอกำลังพูดถึงตัวเองหรือเปล่า? ยังไม่ได้ขึ้นมัธยมต้นเลย คะแนนสอบของเธอก็แย่ลงแล้ว ไม่แปลกใจที่เธอเรียนยังไงก็เรียนได้ไม่ดี ที่แท้ก็เป็นกฎธรรมชาตินี่เอง!
“ฮ่าๆๆ!”
เพื่อนร่วมชั้นหัวเราะกันครื้นเครง ยังมีบางคนพากันกระเซ้าเย้าแหย่ พูดถึงแต่คะแนนสอบของเจินหวานหว่าน ตอนนี้อู่เหมยหน้าตาสวย การเรียนของเธอก็ยังก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว สถานะในหัวใจของเพื่อนร่วมชั้นก็สูงขึ้นเรื่อยๆ แต่เจินหวานหว่านหน้าตาธรรมดา แถมคะแนนสอบก็แย่มาก ใจของทุกคนเอนเอียงไปอยู่ข้างอู่เหมยอย่างเห็นได้ชัด
เจินหวานหว่านโกรธจนร้องไห้ตาแดง เธอร้องไห้เบาๆ ฟุบลงบนโต๊ะ แต่อู่เหมยไม่กลัวเธอ เดี๋ยวรอเลิกเรียน เธอต้องไปหาครูประจำชั้นเพื่อเปลี่ยนที่นั่ง ไม่นั่งกับยายน่ารำคาญคนนี้อีกแล้ว
เหตุผลของอู่เหมยธรรมดามาก เพราะว่าเธอสูงขึ้น เข้าไปขอเปลี่ยนไปนั่งข้างหลังเอง ตอนนี้ครูประจำชั้นมีท่าทีอ่อนโยนและเป็นมิตรกับเธอเป็นพิเศษ เมื่อได้ยินคำขอที่ไม่มากเกินไป ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงและยังเห็นด้วย แล้วย้ายเธอไปทางด้านหลังถัดไปสองที่นั่ง โต๊ะเดียวกับอู่เชาพอดี อู่เชาก็ย้ายตามลงไป เพราะว่าเจ้าเด็กอ้วนคนนี้ก็สูงขึ้น
……………………………………………………………………..