ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 289 การแสดงกลุ่มสามคน + ตอนที่ 290 ไปเรียนเต้น
ตอนที่ 289 การแสดงกลุ่มสามคน
หลังเลิกเรียน อู่เหมย อู่เชาและสยงมู่มู่ทั้งสามคน ไปร้านอาหารเฟิ้งไหลด้วยกัน พอได้ยินว่ามีซาลาเปาไข่ปู สองคนนี้ก็ตาเป็นประกาย ยากมากที่จะไม่เถียงกัน
อู่เหมยซื้อซาลาเปาน้ำซุปสามเข่ง ต้าทังเปาแวววาวใสแจ๋วร้อนๆ สามชิ้น เห็นแล้วก็จิตใจเบิกบาน
“พวกเรากินกันก่อน ไม่พอค่อยซื้อใหม่” อู่เหยมกล่าว
สยงมู่มู่กับอู่เชาร้องไชโยด้วยความดีใจ ทั้งสองคนดูดน้ำซุปอย่างพร้อมเพรียงกัน ท่าทางเป็นจังหวะเดียวกันด้วยสีหน้าพอพึงพอใจ ผ่านไปไม่นานต้าทังเปาก็หมดเกลี้ยง เสี่ยวทังเปาก็หมดเกลี้ยงตาม เหมือนผีตายอดตายอยากกลับชาติมาเกิด
“โอ๊ย! ถ้ารู้ว่าเหมยเหมยจะเลี้ยง ฉันก็จะไม่กินข้าวกลางวัน!” สยงมู่มู่ทำหน้าหงุดหงิดอย่างเสียอารมณ์ หลังจากกินเสี่ยวทังเปาหนึ่งเข่ง
อู่เชากินซาลาเปาอย่างมีความสุข และตบท้อง “ฉันกินข้าวกลางวันนิดเดียว ตั้งใจเก็บท้องไว้กินโดยเฉพาะ!”
สยงมู่มู่มองเขาอย่างเหยียดๆ แวบหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าเผลอยอมให้เจ้าอ้วนแย่งโอกาสสำคัญไปได้ เซ็งจริงๆ!
สักพักอู่เหมยก็ไปซื้อต้าทังเปาสามชิ้นและเสี่ยวหลงเปามาเพิ่มอีกสามชิ้น เธอพูดด้วยความหงุดหงิด “เห็นแก่อนาคตอันสดใสของพวกนาย หลังจากนี้ไปขอเพียงพวกนายแสดงดี ซาลาเปาไข่ปูให้ฉันเหมาเอง”
สยงมู่มู่ตาลุกวาว ยกนิ้วโป้งให้อู่เหมย กินซาลาเปาอย่างสบายใจ
อู่เชากลับรู้สึกหงุดหงิด อดถามไม่ได้ “เหมยเหมยเธอเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะ? ลุงสองให้เธอเหรอ? เป็นไปไม่ได้!”
“ตอนนี้เหมยเหมยเป็นน้องสาวของฉัน แม่ฉันบอกว่าเลี้ยงลูกชายให้รู้จักความยากลำบาก เลี้ยงลูกสาวให้สุขสบาย เงินค่าขนมเหมยเหมยมากกว่าฉันตั้งเยอะ รีบๆ กิน ถ้าไม่กินฉันจะกินให้หมด!”
สยงมู่มู่แกล้งทำเป็นไปคีบทังเปาที่อยู่ในเข่งชิ้นสุดท้าย เขาดึงดูดความสนใจของอู่เชาได้จริงๆ เขาร้องตะโกนโหวกเหวกจะไปแย่งซาลาเปา โดยไม่สนใจว่าอู่เหมยเอาเงินมาจากไหน
กินซาลาเปาหมดไปเกินครึ่ง สองคนนี้ก็เริ่มกินช้าลง อู่เหมยพูดถึงเรื่องการแสดง ขอให้สยงมู่มู่ช่วยเล่นกู่เจิง
“ไม่ไป ฉันเป็นนักเรียนมัธยมต้นที่น่าเกรงขาม ทำไมต้องไปแสดงกับพวกเธอที่เป็นนักเรียนประถมด้วย?” สยงมู่มู่ปฏิเสธทันที
“ฉันว่านายเล่นกู่เจิงไม่เป็นล่ะสิ? อู่เชาทำเสียงฮึ
สยงมู่มู่ยักไหล่ “ใช้วิธียั่วยุกับพี่ ไม่ได้ผลหรอกนะ ฉันไม่เพียงแต่จะเล่นกู่เจิงเป็น แม้กระทั่งปี่ก็เป่าเป็น เจ้าอ้วน อย่ามาโอ้อวดต่อหน้าพี่เลย!”
หากพูดถึงเครื่องดนตรีที่เล่นเป็น อู่เชาสู้สยงมู่มู่ไม่ได้แน่นอน สยงมู่มู่ไม่เพียงแต่จะเล่นเครื่องดนตรีหลากหลายชนชาติได้ สำหรับเครื่องดนตรียุโรปก็ยิ่งคล่อง มีอะไรมาก็เล่นได้ทุกอย่าง
อู่เหมยรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าสยงมู่มู่จะไม่รับปากง่ายๆ
เธอคิดไว้นานแล้ว คีบทังเปาที่หอมฉุยแกว่งไปแกว่งมาต่อหน้าเขา แล้วพูดอย่างจงใจ “ถ้าพี่ไม่ช่วย งั้นต่อไปฉันก็จะเลี้ยงทังเปาแค่อู่เชา จะไม่ชวนพี่แล้ว “
สยงมู่มู่กลืนน้ำลาย แต่ท้ายที่สุดก็ทนความดึงดูดของทังเปาไม่ได้ หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่หลายครั้ง ในที่สุดก็ฝืนใจรับปากจนได้ ทว่า
“จะให้ฉันช่วยก็ได้ แต่ต้องฟังสิ่งที่ฉันจัดเตรียมนะ ไม่เช่นนั้นแล้ว กินทังเปาทุกวันก็ไม่สำเร็จ”
“ตกลง ขอเพียงแต่พี่พูดถูก ฉันฟังพี่แน่นอน” อู่เชายอมอ่อนข้อให้
สยงมู่มู่หันไปมองอู่เหมยอีกครั้ง บ่งบอกขอให้เธอรีบรับปากเช่นกัน อู่เหมยไม่ได้เอามาใส่ใจอยู่แล้ว เธอรับปากอย่างไม่แยแส อย่างมากเธอก็แค่เลี้ยงซาลาเปาไข่ปูหลายมื้อ
เพียงแต่
“อยากจะแสดงครั้งเดียวก็ชนะเลิศ ถ้าอย่างนั้นตอนที่ขึ้นเวทีก็ต้องดึงดูดสายตาของผู้ชม ดังนั้นแค่พวกเราสองคนทำไม่สำเร็จหรอก ต้องมีอีกคน” สยงมู่มู่มั่นใจมาก
“จะเพิ่มใคร?” อู่เชากับอู่เหมยถามพร้อมกัน
สยงมู่มู่ชี้ไปที่อู่เหมยที่กินจนปากมันแผล่บ “ก็เธอไง!”
………………………………………………..
ตอนที่ 290 ไปเรียนเต้น
อู่เหมยตกใจจนเกือบจะถูกน้ำซุปลวกลิ้น พูดอย่างอารมณ์เสีย “สยงมู่มู่ สมองพี่มีปัญหาเหรอ? ฉันไปแล้วทำอะไรได้? ร้องเพลงไม่เป็น เต้นรำไม่เป็น เล่นกู่เจิงก็ไม่เป็น พี่จะให้ฉันแสดงเป็นหุ่นไม้เหรอ?”
สยงมู่มู่มองเธออย่างเหยียดๆ แวบหนึ่ง “ไม่เป็นก็ไปเรียนสิ ตอนนี้ยังมีเวลาตั้งหนึ่งเดือนกว่าก่อนที่แสดง เพียงแค่เรียนเต้นนิดหน่อย ยังไงก็ทัน!”
อู่เหมยได้ยินแล้วก็รู้สึกตลก ถามกลับ “สยงมู่มู่ พี่คิดว่าฉันเก่งนักเหรอ? หนึ่งเดือนกว่าก็เรียนเต้นเป็น? สู้พี่ไปเต้นเองดีกว่านะ!”
“ฉันต้องเล่นกู่เจิ้ง การเต้นไม่ต้องความยากอะไรสักหน่อย แค่บิดก้นส่ายไปมา ง่ายนิดเดียว อีกอย่างฉันคิดว่า เธอมีพรสวรรค์ทางด้านนี้ หน้าตาไม่เลว ต่อให้แสดงเป็นหุ่นไม้ก็สวยมาก ตกลงตามนี้แหละ เมื่อกี้ก็พูดแล้วว่าให้ฟังพี่จัดเตรียมไม่ใช่เหรอ พี่เป็นใหญ่นะ!”
สยงมู่มู่ไม่ยอมให้อู่เหมยปฏิเสธ ตกลงตามนี้ อู่เหมยโมโหจนกัดทังเปาขาด ทำให้น้ำซุปกระเด็นถูกตัวเขา ร้อนแทบแย่
“จะยังไงก็ช่าง พอถึงตอนนี้ ถ้าล้มเหลวก็เป็นชื่อเสียงของพวกนาย ไม่เกี่ยวกับฉัน!” อู่เหมยพูด
“จะล้มเหลวได้ยังไง? ขอเพียงเชื่อพี่ พี่รับรองว่าพอพวกเธอขึ้นเวทีแสดง ทุกคนจะต้องตกตะลึง และได้ไปเข้าร่วมการแสดงของเมือง ไม่แน่นะว่าอาจจะได้ไปแสดงงานกลางคืนเทศกาลตรุษจีนด้วย!” สยงมู่มู่อวดเก่งที่สุด เขาสะบัดขาไปด้วย มือก็เอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำซุปไปด้วย ในแววตาเปล่งประกาย
“พี่ฝันไปเถอะ!”
อู่เหมยกับอู่เชาสำลักพร้อมกัน ได้เข้าร่วมการแสดงของเมืองก็ถือโชคดีแล้ว ยังคิดจะอยากเข้าร่วมการแสดงในงานกลางคืนเทศกาลตรุษจีน?
แค่ฝันก็ยังเร็วไปหน่อย!
สยงมู่มู่ไม่พอใจสองคนนี้ที่มีตาหามีแววไม่ นกน้อยไยจะรู้ปณิธานของพญาหงส์ เด็กพวกนี้ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เขาเป็นผู้ใหญ่ที่ใจกว้างกว่า ไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วยแล้ว
วันที่สองอู่เหมยพูดกับเจียงซินเหมยเรื่องขอให้คนนอกช่วย เจียงซินเหมยตัดสินใจไม่ได้ ต้องไปเสนอครูอู๋ ครูประจำชั้น ครูอู๋ฟังความคิดของพวกอู่เหมย กลับรู้สึกสนใจมาก ทั้งวิ่งทั้งกระโดดด้วยความดีใจไปปรึกษาหารือกับครูประจำชั้นของสยงมู่มู่ การปรึกษาหารือของครูประจำชั้นสองคนนั้นเสร็จสมบูรณ์ด้วยดี ตกลงกันว่าทั้งสองห้องร่วมมือกัน การแสดงครั้งนี้เป็นประจักษ์พยานความร่วมมือมิตรภาพอันงดงามของโรงเรียนประถมกับโรงเรียนมัธยมต้น
เพื่อขอปลีกตัวอู่เหมยอ้างเหตุผลว่าไม่มีฝีมือ เธอไปหาเจียงซินเหมยเพื่อถอนตัวจากเต้นกลุ่ม เจียงซินเหมยก็ไม่บังคับเธอ อย่างไรก็ตามในชั้นเรียนมีนักเรียนหญิงตั้งหลายคน เลือกใครสักคนก็ได้
เธอเป็นกังวลกับการแสดงของอู่เหมยและอู่เชามาก แล้วยังบอกอู่เหมยว่ามีเรื่องอะไรก็ให้มาหาเธอได้ อู่เหมยรับปากอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวด เธอเห็นเจียงซินเหมยที่รูปร่างสูง หุ่นดี ก็เกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาทันที จึงวิ่งกระหืดกระหอบด้วยความดีใจไปปรึกษากับสยงมู่มู่ ขอให้เจียงซินเหมยเต้นแทนเธอ
“พี่ดูสิ เจียงซินเหมยเรียนเต้นคลาสสิกมืออาชีพนะ หน้าตาก็สวย เธอเหมาะสมกว่าฉันแน่นอน”
สยงมู่มู่ ไม่รู้จักเจียงซินเหมยหรือว่าไห่ซินเหมยอะไรทั้งนั้น เดิมทีอยากจะบอกปฏิเสธทันที คิดๆ ดูแล้วทำอย่างนี้ไม่เห็นใจคนอื่นเกินไป จึงมองดูเจียงซินเหมยอย่างฝืนใจกล้ำกลืน
“หน้าตาธรรมดาเกินไป อีกอย่างลักษณะของเจียงซินเหมยไม่เหมาะสมกับชุดฮั่น ถึงจะเต้นดีแค่ไหนก็ไม่ได้ ขาดท่วงทำนองและศิลปะ” สยงมู่มู่ส่ายหน้าตรง ๆ
เจียงซินเหมยในกลุ่มคนทั่วไปถือว่าหน้าตาสวย แต่ว่าหน้าใหญ่ไปหน่อย ยิ่งเหมาะสำหรับการแต่งตัวบนเวทีแสดงที่งดงาม แต่คงสวมชุดฮั่นไม่เหมือนผู้หญิง แตกต่างกับอู่เหมย ตากลมโต หน้าเรียวเล็ก ปากเอิบอิ่ม แม้ว่าไม่ได้สวมชุดฮั่นก็สวยแบบคลาสสิก เขามั่นใจได้ว่าตราบใดที่อู่เหม่ยสวมชุดสีขาวสมัยฮั่น และยืนอยู่บนเวทีต้องสวยหยาดเยิ้ม และผู้ชมจะคลั่งไคล้!
ขณะที่สยงมู่มู่พูดถึงเรื่องนี้ เขาสีหน้าจริงจังมาก แตกต่างจากหน้าทะเล้นเวลาปกติ รู้สึกว่าเหมือนกับเปลี่ยนเป็นอีกคน ในที่สุดอู่เหม่ยก็ไม่กล้าเถียงเขา จำใจต้องถามเขาว่าต้องไปเรียนเต้นที่ไหน
“ให้ครูเฮ่อสอนเธอ พื้นฐานความชำนาญการเต้นคลาสสิกของครูแข็งแรงมาก เก่งกว่าเจียงซินเหมยหลายเท่า” สยงมู่มู่กล่าว
……………………………………………………….