ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 295 อู่เยวี่ยที่พูดโกหก + ตอนที่ 296 พี่...พี่สภาพจิตใจไม่ปกติ
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 295 อู่เยวี่ยที่พูดโกหก + ตอนที่ 296 พี่...พี่สภาพจิตใจไม่ปกติ
ตอนที่ 295 อู่เยวี่ยที่พูดโกหก
อู่เยวี่ยกำลังล้างผัก หลังจากที่ได้ยินคำพูดของอู่เหมย เธอก็ฉีกผักอย่างแรงด้วยความโกรธแค้น น้ำสีเขียวจากผักอาบย้อมจนมือเปลี่ยนสี
นังโง่ต้องจงใจแน่ๆ รู้ทั้งรู้ว่าเธอเข้าร่วมการแสดงไม่ได้ ยังจงใจพูดเสียงดังขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะอยากจะยั่วยุเธอหรือ?
เหอปี้อวิ๋นก็ได้ยินที่อู่เหมยพูด แต่เธอไม่ได้รู้สึกอะไร ยายตัวดีจะร่วมการแสดงหรือไม่นั้น เธอไม่สนใจสักนิด แต่ปล่อยให้อู่เหมยส่งเสียงดังอย่างนี้ กลับเป็นการย้ำเตือนเธอด้วยซ้ำ
“เยวี่ยเยวี่ย ครั้งนี้ชั้นเรียนของลูกแสดงอะไรล่ะ? ลูกยังได้เต้นนำหน้าไหม?” เหอปี้อวิ๋นตั้งใจพูดเสียงดัง ก็เพราะอยากจะให้คนที่เดินอยู่บนระเบียงล้วนได้ยินกัน
ลูกของบ้านไหนจะเหมือนเยวี่ยเยวี่ยได้ ผลการเรียนก็ดี ทั้งยังมีความสามารถหลากหลายด้าน แทบจะหาข้อบกพร่องไม่เจอเลย!
อู่เยวี่ยเริ่มรู้สึกอึดอัดใจ เธอตำหนิและกล่าวโทษเหอปี้อวิ๋น ให้เข้าห้องก่อนแล้วค่อยถามไม่ได้หรือ?
จงใจถามต่อหน้าคนเยอะๆ ช่างไม่มีสมองจริงๆ!
อู่เยวี่ยฝืนยิ้ม “หนูถอนชื่อออกจากการแสดงแล้วค่ะ ครูให้หนูเข้าร่วมการแสดง แต่หนูไม่ยอม หนูอยากจะเอาความตั้งใจทั้งหมดไปอยู่ที่การเรียนค่ะ”
เป็นเวลานานที่เหอปี้อวิ๋นจะโต้ตอบ อย่าบอกนะว่าลูกหัวแก้วหัวแหวนของเธอจะไม่ได้เต้นรำนำหน้า แม้กระทั่งเต้นแบบกลุ่มก็ยังไม่ได้มีส่วนร่วม!
แล้วเธอยังพูดต่อหน้าคนเยอะอย่างนี้ ขายหน้าหมดแล้ว!
“เยวี่ยเยวี่ยคิดรอบคอบมาก หน้าที่หลักของนักเรียนก็คือการเรียนหนังสือ การเจียดเวลาไปร้องเพลง เต้นรำ ก็ยังไม่ได้ทำให้เรียนรู้อะไร เอาออกก็ดีเหมือนกัน” เหอปี้อวิ๋นหน้ายิ้มระรื่น ดูไม่ออกว่าไม่พอใจ
คนอื่นๆ เบ้ปากกันหมด ล้วนดูถูกผู้หญิงสองคนนี้ที่พูดเองแสดงเอง เห็นคนอื่นเป็นคนโง่ ช่างตลกจริงๆ !
อู่เหมยก็ได้ยินคำพูดของอู่เยวี่ย เธอรู้สึกเหยียดหยามอย่างที่สุด ยังสามารถทำให้ตัวเองดูดีได้จริงๆ!
เห็นๆ อยู่ว่าเพื่อนร่วมชั้นหญิงคนอื่นๆ ที่เต้นก็ต่างพากันรังเกียจกลิ่นตัวของอู่เยวี่ย ถึงได้ปฏิเสธอู่เยวี่ย นี่ก็พอจะเป็นข้ออ้างได้ พอเต้นรำลงจากเวทีมา ต้องเหงื่อไหลไคลย้อยแน่นอน กลิ่นตัวก็ยิ่งรุนแรงขึ้น เพื่อนร่วมชั้นหญิงเหล่านั้นของอู่เยวี่ยคงได้เหม็นคละคลุ้งจนเป็นลม
เจินหวานหว่านถึงได้ชอบสืบเรื่องราวของอู่เยวี่ยเป็นพิเศษ อีกอย่างข่าวของเธอก็รวดเร็วมาก สามารถเสาะหาเรื่องที่คนอื่นไม่รู้มาได้เป็นประจำ ผู้หญิงคนนี้ยังมีงานอดิเรกอย่างหนึ่ง ก็คือสามารถเอาวีรกรรมอันรุ่งโรจน์ของอู่เยวี่ยมาเล่าให้อู่เหมยได้ฟังเป็นคนแรกเสมอ
ก็ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้คิดอะไรอยู่
อู่เหมยครุ่นคิดพร้อมกับเดินออกไป แกล้งถามด้วยความเป็นห่วง “พี่คะ เพื่อนร่วมชั้นของพี่รังเกียจกลิ่นตัวพี่ ถึงไม่ยอมให้พี่เต้นใช่ไหม? พี่อย่าไปใส่ใจเลยนะเดือนหน้าพี่ก็สอบให้ได้ที่หนึ่ง ข่มพวกเธอเลย!”
อู่เยวี่ยแค้นจนกัดฟันแทบหัก ฝืนยิ้มแล้วกล่าว “เหมยเหมยอย่าพูดเหลวไหล พี่กับเพื่อนร่วมชั้นรักใคร่กลมเกลียวกันมาก จะขัดแย้งกันได้ยังไง? การแสดงครั้งนี้พี่เองที่ไม่อยากมีส่วนร่วม”
“เอ๊ะ ฉันได้ยินชัดๆ ว่าเพื่อนร่วมชั้นของพี่ไม่ยอมเต้นกับพี่ ถึงได้พากันปฏิเสธ ทำไมถึงไม่เหมือนกับที่พี่พูดล่ะ?”
อู่เหมยทำสีหน้าประหลาดใจ และดูไร้เดียงสาเป็นพิเศษ ตรงกันข้ามกับอู่เยวี่ยที่สีหน้าไม่เป็นธรรมชาติอย่างมาก ยิ้มเจื่อนขนาดนั้น ใครพูดจริง ใครพูดโกหก มองปราดเดียวก็รู้
บรรดาสมาชิกในครอบครัวต่างพากันแอบส่ายหน้า ลูกสาวคนโตของตระกูลอู่ก็คงจะเหมือนกับหุ่นโชว์ที่แขวนอยู่ข้างนอก มองดูไกลสวยงามมากๆ แต่ถ้าเข้าไปใกล้ๆ กลับพบว่าเสื้อผ้าเต็มไปด้วยฝุ่น นอกจากนี้ด้านในของหุ่นโชว์ก็อาจจะแตกหักแล้ว
แม้ว่าตอนนี้สภาพอู่เยวี่ยเป็นอย่างนี้ แต่หากไม่มีการป่าวประกาศของอู่เหมย สิ่งที่ทุกคนเห็นก็ยังเป็นหุ่นโชว์ที่ออกแบบมาอย่างตั้งใจ งดงามอ่อนช้อย แต่พออู่เหมยโวยวายขึ้นมา เสื้อผ้าที่สวยงามและประณีตของอู่เยวี่ยถูกถอดออกหมดเกลี้ยง เผยให้เห็นข้างในที่ไม่ค่อยน่ามอง
ตอนนี้ในใจของคนเหล่านี้ล้วนมีความคิดที่เหมือนกัน
อู่เยวี่ยที่สง่างาม และมีความสามารถที่เหอปี้อวิ๋นคุยโวไว้ แท้จริงแล้วไม่เป็นเช่นนี้อีกต่อไป เมื่อเธอมีทั้งสภาพจิตใจไม่ปกติ แล้วยังมีกลิ่นเต่า ผลการเรียนก็แย่ลง เรี่ยวแรงก็ไม่ค่อยมี ทำอะไรก็ไม่ได้ ตอนนี้ยังมีปัญหาใหม่ปรากฏขึ้นมาอีก ไม่คิดเลยว่าอู่เยวี่ยยังชอบพูดโกหกอีก?
……………………………………………………………..
ตอนที่ 296 พี่…พี่สภาพจิตใจไม่ปกติ
แม้ว่าทุกคนแสดงสีหน้าไม่ชัดเจน แต่ภายในใจกลับดูถูกอู่เยวี่ยอย่างมาก เรื่องกลิ่นตัวก็แล้วกันไป สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่สภาพจิตใจไม่ปกติกับชอบพูดโกหกไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ เลย
อีกอย่าง โรคทางประสาทของอู่เยวี่ยยังสามารถฆ่าคนได้ หลายวันก่อนที่บ้านอู่ เอะอะโวยวายเสียงดังกลางดึก พวกเขายังจำได้ดี จิ๊ๆ รอยแผลบนคอของลูกสาวคนเล็กตระกูลอู่ เห็นแล้วรู้สึกเวทนาจริงๆ!
จิตใจที่ชอบโกหก ก็ยังถือว่าเป็นคนที่ไม่ค่อยปกติ ฟังอย่างไรก็น่าหวาดกลัว
ต่อไปคงต้องกำชับเด็กๆ ที่บ้าน ให้อยู่ห่างๆ อู่เยวี่ยไว้ ใครจะไปรู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะอาละวาดขึ้นมาอีกตอนไหน!
อู่เหมยพูดจบก็กลับห้องไป เมื่อครู่เธอพูดค่อนข้างเสียงดัง บรรดาครอบครัวเหล่านั้นน่าจะได้ยินกันหมดแล้วมั้ง?
อู่เจิ้งซือมองอู่เหมยด้วยความไม่พอใจ กล่าวด้วยเสียงต่ำ “เหมยเหมย ต่อไปถ้ามีอะไรจะพูดให้พูดในบ้าน ไม่ต้องออกไปพูดที่ระเบียง”
“อ้อค่ะ หนูก็อยากจะปลอบใจพี่สาว กลัวกว่าพี่จะคิดมาก สภาพจิตใจของพี่ไม่ค่อยจะดีนะ” อู่เหมยอธิบายจริงจัง ดูแล้วก็เหมือนน้องสาวที่ดีคนหนึ่งที่ห่วงใยพี่สาว
อู่เจิ้งซือขมวดคิ้ว มองใบหน้าเล็กๆ ที่ไร้เดียงสาของอู่เหมยอย่างเสียไม่ได้ เขาไม่สงสัยอู่เหมยที่แฝงไว้ด้วยเจตนาไม่ดี ในใจของเขา อู่เหมยเป็นเด็กดีมาตลอด จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะทำร้ายอู่เยวี่ย?
คงเป็นเพราะลูกสาวคนเล็กพูดจาไม่ค่อยเป็นสักเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่ ห่วงพี่สาว แต่พูดออกมากกลับกลายเป็นคนละอย่าง ไม่มีศิลปะในการพูดเอาเสียเลย
“เหมยเหมย ต่อไปลูกต้องอ่านหนังสือมากๆ เรียนเทคนิคการพูดสักหน่อยนะ” อู่เจิ้งซือพูด
อู่เหมยรับปากแต่โดยดี อย่างไรก็ตามอู่เจิ้งซือไม่ไปตรวจดูจริงๆ ว่าเธอเคยอ่านหนังสือหรือไม่ อยู่ต่อหน้าเขาเธอทำอีกอย่างลับหลังทำอีกอย่างก็พอแล้ว อู่เหมยกลอกตาไปมา เอ่ยถามอีก “พ่อคะ แม่ได้พาพี่ไปตรวจที่โรงพยาบาลหรือเปล่า?” พี่ ไม่ได้เป็นโรคประสาทจริงๆ ใช่ไหม?”
อู่เยวี่ยที่ยืนอยู่ตรงระเบียงทนฟังไม่ไหว ผลักประตูพุ่งเข้าไปในห้องนั้น ตวาดเสียงต่ำ “อู่เหมย เธออย่าพูดจาเหลวไหล สภาพจิตใจของพี่ไม่มีอะไรจะปกติไปกว่านี้อีกแล้ว เธอสิ เป็นโรคประสาท!”
อู่เหมยก็ไม่พูดอะไรมาก เพียงแค่เปิดปกเสี้อออก รอยบีบทั้งหมดนั้นที่อู่เยวี่ยมอบให้ ปรากฏขึ้นมาทันที รอยแผลสีจางลงเยอะ แต่ดูแล้วก็ยังน่ากลัวมาก อู่เจิ้งซือรู้สึกตกใจแทบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่นานก็สงบสติอารมณ์ลง
“พี่คะ ก็เห็นดีๆ กันอยู่ แล้วทำไมถึงบีบคอคนอื่น? พวกเราอย่าเจ็บป่วยแล้วไม่ไปรักษาสิ พี่เป็นโรคอะไร รักษาให้หายตั้งแต่เนิ่นๆ จะดีกว่า พ่อว่าหนูพูดถูกไหม?” อู่เหมยหันไปมองอู่เจิ้งซือ
อู่เจิ้งซือสีหน้าลังเล ที่อู่เหมยพูดก็มีเหตุผล ตระกูลอู่ไม่เคยมีประวัติป่วยเป็นโรคประสาทมาก่อน ตระกูลเหอก็ไม่เคยได้ยินว่ามี
สาเหตุคงจะเป็นเพราะเยวี่ยเยวี่ยเรียนหนังสือกดดันเกินไป ควรไปหาหมอให้รักษาแต่เนิ่นๆ ดีกว่า
“เยวี่ย เยวี่ย…”
อู่เจิ้งซือกำลังจะเอ่ยปากพูดก็ถูกอู่เยวี่ยขัดจังหวะ อู่เยวี่ยตะคอกด้วยความโมโห “สภาพจิตใจของหนูไม่มีอะไรจะปกติไปกว่านี้อีกแล้ว คุณพ่ออย่าไปฟัง อู่เหมยพูดโกหก เธอก็แค่อิจฉาหนู ถึงได้จงใจใส่ร้ายหนู หนูไม่ต้องการไปโรงพยาบาล หนูเป็นคนปกติดี ทำไมต้องไปโรงพยาบาลด้วย?”
เหอปี้อวิ๋นรีบเข้ามาดึงอู่เยวี่ยที่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่มาไว้ในอ้อมแขน เธอปวดใจอย่างที่สุด มองอู่เจิ้งซือด้วยความไม่พอใจ “เหล่าอู่ ทำไมคุณถึงได้เชื่อเหมยเหมยที่พูดเรื่องไร้สาระบ่อยๆ ? ยายเด็กนี่จิตใจมืดบอดหมดแล้ว พูดว่าร้ายเยวี่ยเยวี่ยได้ทั้งวัน”
อู่เหมยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณแม่จะพูดอะไรก็ต้องมีหลักฐานนะคะ คนที่บีบคอจนอยากจะให้หนูตายคือพี่สาว ทำอย่างนี้เธอยังจะปกติอีกเหรอ? ถึงแม่จะไม่เห็นความสำคัญของหนู แต่ก็อย่าปั้นน้ำเป็นตัวเลย ถึงอู่เยวี่ยเป็นลูกรักของแม่ แต่ไม่ใช่หนู แล้วหนูมีเหตุผลอะไรที่จะต้องยอมให้พี่บีบคอ?”
…………………………………………………………….