ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 303 เกิดการฆาตกรรมขึ้น + ตอนที่ 304 อู่เจิ้งซือที่ใกล้สิ้นลม
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 303 เกิดการฆาตกรรมขึ้น + ตอนที่ 304 อู่เจิ้งซือที่ใกล้สิ้นลม
ตอนที่ 303 เกิดการฆาตกรรมขึ้น
เหอปี้อวิ๋นได้ยินอู่เจิ้งซือเรียกซินหย่าด้วยน้ำเสียงหนักแน่น และพูดอย่างอ่อนโยน อ่อนหวานอย่างนั้น ทำให้สติสัมปชัญญะของเธอหายไปหมด ความเคียดแค้นที่มีต่อเหยียนซินหย่า เหมือนกับมีงูพิษแลบลิ้นเลียหัวใจเธอ
“อู่เจิ้งซือ คุณยังกล้าว่าฉันได้อย่างไม่ละอายใจได้ยังไง? คุณมองจิตใจที่อัปลักษณ์ของตัวเองดูบ้างสิ เชอะ! แล้วคุณยังมีหน้ามาว่าฉันอีกเหรอ?”
อู่เหมยอดขมวดคิ้วไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้ช่างใจแคบจริงๆ เธอจะดีจะร้ายอย่างไรก็เป็นผู้หญิงคนนี้ที่คลอดออกมา ทำไมถึงพูดคำพูดที่น่ารังเกียจเหล่านี้ต่อหน้าเธอได้?
อู่เจิ้งซือก็รู้สึกว่า เหอปี้อวิ๋นทำให้เขาโมโหมาก เขาเสียใจอย่างที่สุดที่ตัวเองแต่งงานกับผู้หญิงหยาบคายเช่นนี้ เขาสูดหายใจลึกหัวเราะเยาะขึ้นมาฉับพลัน และกล่าว “เหอปี้อวิ๋น คุณคิดว่าตัวเองไม่ผิดเหรอ? คุณกล้าพูดไหมว่าตอนนี้ไม่ได้คิดถึงซั่งกวนอิงหวาอีก?”
เหอปี้อวิ๋นตะลึงงันทันที ในแววตาดูสับสน อู่เจิ้งซือแค่มองเธอในตอนนี้ ในใจก็มีความมั่นใจขึ้นมา ความโกรธถาโถมเข้ามาทันที
นังสารเลวที่หน้าด้านคนนี้ จิตใจไม่ปกติจริงๆ ยังดีที่ในปีนั้น เพื่อเหอปี้อวิ๋นเขาจึงพูดแต่เรื่องดีๆ ของเธอต่อหน้าซินหย่า แต่คิดไม่ถึงว่าเหอปี้อวิ๋นจะมีใจให้ซั่งกวนอิงหวา ตัวเองนั่นแหละที่ผิดปกติ ไม่คิดเลยว่าตอนนี้จะยังมีหน้ามาถามเขา?
ถึงแม้เขายังมีความรักต่อซินหย่า แต่ก็ประพฤติตัวถูกทำนองคลองธรรมมาตลอด ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง ใครจะไปเหมือนเหอปี้อวิ๋น ตามผู้ชายที่มีภรรยาแล้วไม่ยอมปล่อย
“อู่เจิ้งซือ คุณอย่าพูดจาส่งเดชนะ ฉันกับซั่งกวนอิงหวาบริสุทธิ์ใจกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว คุณอย่าคิดใส่ร้ายฉันเลย” เหอปี้อวิ๋นพูดเสียงดัง แต่ในน้ำเสียงนั้นไม่ได้ดังเหมือนเมื่อก่อน เห็นได้ชัดว่าร้อนตัว
อู่เจิ้งซือยิ้มเยาะ “ซั่งกวนอิงหวาเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่แล้ว เพราะเขารับผู้หญิงสารเลวอย่างคุณไม่ได้ ที่ไปหาผู้ชายถึงหน้าบ้าน แล้วคุณก็ทำกับผมเหมือนเป็นถังรีไซเคิล คุณนี่ช่างวางแผนเก่งๆ จริง!”
เหอปี้อวิ๋นโกรธจนหน้าแดง เธอตะคอก “ต้องเป็นเหยียนซินหย่า นังสารเลวนั่นที่บอกคุณใช่ไหม? คุณยอมเชื่อมันแต่ไม่เชื่อฉัน?”
“ผมเชื่อซินหย่าอยู่แล้ว เธอนิสัยดี ไม่เคยพูดโกหกหลอกลวง ผมมีเหตุผลอะไรที่ต้องเชื่อคุณด้วย? เหอปี้อวิ๋น ผมว่า ที่เยวี่ยเยวี่ยเคยชินกับการพูดโกหกก็เพราะเรียนรู้จากคุณไง พอผู้ใหญ่ทำตัวไม่ดี เด็กก็ทำไม่ดีตาม!”
อู่เจิ้งซือเองก็โกรธแค้น เขาพูดออกมาโดยไม่คิด ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนที่เขาต้องคิดแล้วคิดอีก คำพูดของเขาทิ่มแทงเหอปี้อวิ๋นจนเจ็บปวดรวดร้าวไปหมด และยิ่งทำให้เธอบ้าคลั่งมากขึ้น
“เหยียนซินหย่าเป็นนังจิ้งจอก มันยังเป็นพวกกลุ่มคนห้าประเภทในการปฏิวัติวัฒนธรรม เป็นพวกที่ผู้คนต่างเรียกร้องให้รุมตี มันมีสิทธิ์อะไรมาเทียบกับฉัน? คนอย่างฉัน เหอปี้อวิ๋น แข็งแกร่งกว่ามันร้อยเท่า!”
อู่เจิ้งซือหัวเราะเยาะ มองเหอปี้อวิ๋นที่สติวิปลาสอย่างเหยียดหยาม เขาพูดทีละประโยคว่า “เหอปี้อวิ๋น คุณเทียบกับซินหย่าไม่ได้เลยสักนิด แม้แต่ปลายนิ้วเท้าของเธอ คุณก็เทียบไม่ได้!”
คำพูดนี้มันคือการแหย่รังแตน การยึดมั่นครึ่งหนึ่งในชีวิตของเหอปีอวิ๋น ไม่ได้มีแค่เหยียนซินหย่า
เธอเข้าใจมาโดยตลอดว่าตัวเธอเองนั้นแข็งแกร่งกว่าเหยียนซินหย่าหลายร้อยเท่าพันเท่า ซั่งกวนอิงหวาไม่ชอบเธอก็เพราะมีตาเสียเปล่าแต่ไม่รู้จักแยกแยะสิ่งดีไม่ดี สมน้ำหน้าที่ตอนนั้นเขาถูกต่อยจนล้ม
แต่ตอนนี้เธอไม่คิดเลยว่าอู่เจิ้งซือจะพูดว่า เธอเทียบไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้วเท้าของนังสารเลวนั่น เหอปี้อวิ๋นจะทนได้อย่างไร เธอถลึงตาจ้องมองเขาด้วยความเคียดแค้นจนเส้นเลือดฝอยในตาแตก เธอยกแท่นทับกระดาษขึ้นแล้วกระโจนเข้าใส่
“อู่เจิ้งซือ คุณมันไม่ใช่คน!”
นี่เป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่อู่เจิ้งซือจะล้มลง
อู่เหมยที่กำลังดูละครอย่างออกรสออกชาติก็สะดุ้งขึ้นมา มองอู่เจิ้งซือที่ล้มอยู่ที่พื้นด้วยความหวาดผวา เลือดบนหน้าผากของเขากำลังไหลทะลักออกมาเหมือนกับลำธารเล็กๆ ที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย ไม่นานเลือดก็กระจาย นองเต็มพื้น
“คุณพ่อ!”
อู่เหมยพุ่งเข้าไปอย่างร้อนรน เธอยังมีความรู้สึกต่ออู่เจิ้งซือเล็กน้อย และช่วงนี้อู่เจิ้งซือก็ดีกับเธอมาก อีกอย่างสงครามในวันนี้ พูดได้ว่าทั้งหมดเป็นเพราะเธอยุแหย่ให้มันเกิดขึ้น เธอไม่สามารถปัดความรับผิดชอบให้ใครได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ถึงแม้เธอเกลียดความเห็นแก่ตัวและความเฉยเมยของอู่เจิ้งซือ แต่เธอก็ไม่เคยอยากจะให้อู่เจิ้งซือตายสักหน่อย!
………………………………………………………………….
ตอนที่ 304 อู่เจิ้งซือที่ใกล้สิ้นลม
อู่เจิ้งซือสีหน้าซีดเผือด นอนอยู่เหมือนกับคนตาย อู่เหมยยื่นมือไปที่ปลายจมูกเขา ถึงแม้หายใจแผ่วเบา แต่ก็ทำให้เธอวางใจ ยังหายใจอยู่ก็แสดงว่าไม่เป็นอะไร
เหอปี้อวิ๋นกับอู่เยวี่ยตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ยืนนิ่งเหมือนหุ่นไม้ หวังพึ่งอะไรไม่ได้เลย
อู่เหมยก็ไม่เคยคิดจะหวังพึ่งพวกเขา เธอวิ่งตรงไปที่หน้าประตู อยากจะเรียกให้คนมาช่วย ทันใดนั้น เหอปี้อวิ๋นเพิ่งรู้ตัว สุดท้ายเธอก็มาดึงอู่เหมยเอาไว้
“ห้ามเรียกคนมาช่วย ฉันจะใส่ยาให้พ่อของแกเอง”
อู่เหมยไม่เชื่อหูตัวเอง เธอตะคอกความโมโห “พ่อบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ใช้ยาพวกนั้นในบ้านจะมีประโยชน์อะไร? แม่อยากเห็นพ่อตายเหรอ?”
สีหน้าของเหอปี้อวิ๋นนั้นไม่ได้ดีไปกว่าสีหน้าของอู่เจิ้งซือ เห็นได้ชัดว่าเธอก็หวาดกลัว บางทีเธออาจกลัวว่าเธอจะกลายเป็นฆาตกร หรืออาจจะกังวลว่า ภาพลักษณ์ของเธอที่อยู่ภายในใจของคนนอกจะเสื่อมเสียลงอย่างรวดเร็ว เรียกว่าในเวลานี้เหอปี้อวิ๋นรู้สึกสับสบมากจนเธอพูดความรู้สึกใดๆ ออกมาไม่ได้
“พูดเหลวไหล ก็แค่บาดเจ็บภายนอกเท่านั้นแหละ พ่อของแกจะตายได้ยังไง? ถ้ายังพูดจาเหลวไหลอีก ฉันจะตีแกให้ตาย นังเด็กสารเลว!”
เหอปี้อวิ๋นแสดงหน้าตาน่ากลัวถลึงตาดุใส่อู่เหมย เหมือนกับต้องการจะกินเธอ ในเวลานี้อู่เยวี่ยเริ่มมีสติกลับคืนมา ที่จริงแล้วเธออายุยังน้อย ไม่ได้สงบเยือกเย็นเหมือนเหอปี้อวิ๋น เธอมองอู่เจิ้งซือที่พื้นด้วยความหวาดผวา แล้วก็ร้องไห้หงิงๆ ออกมา
อู่เหมยไม่อยากจะพูดพร่ำทำเพลงอะไรกับเหอปี้อวิ๋น เลือดที่หัวของอู่เจิ้งซือไหลทะลักออกมาเหมือนกับน้ำประปา ขืนยังเสียเวลาต่อไปแบบนี้เขาอาจจะตายจริงๆ
เธอพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะสะบัดให้หลุดจากเหอปี้อวิ๋น แต่มือของผู้หญิงคนนี้เหมือนฝ่ามือเหล็ก จับเธอไว้แน่นจนเธอเจ็บ อู่เหมยไม่สามารถหลุดไปได้
“อู่เยวี่ย รีบออกไปตามคนมาช่วย หรือว่าพี่อยากเห็นพ่อตาย?”
อู่เหมยไม่รู้จะทำอย่างไร จึงทำได้แค่ตะโกนบอกอู่เยวี่ย หวังว่าเธอยังมีสติรู้ผิดชอบชั่วดีอยู่บ้าง วิ่งออกไปตามคนมาช่วย
อู่เยวี่ยหยุดร้องไห้ วิ่งออกไปที่หน้าประตู เธอเองก็ไม่อยากให้อู่เจิ้งซือตาย จิตใจของอู่เยวี่ยที่อายุสิบสี่ปียังเต็มไปด้วยจิตสำนึก แต่ยี่สิบปีหลังจากนั้นเธอกลับกลายเป็นจิตใจดำเสียแล้ว
“เยวี่ยเยวี่ยอย่าไป พ่อของลูกไม่เป็นอะไร เดี๋ยวแม่จะรีบเอายามาทาให้ก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”
เหอปี้อวิ๋นลดเสียงให้ต่ำลง เธอเรียกอู่เยวี่ยเอาไว้ อู่เยวี่ยมองอู่เจิ้งซือด้วยความลังเล แล้วก็มองเหอปี้อวิ๋น ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรถึงจะถูก
“อู่เยวี่ย พี่อย่าไปฟังแม่ พ่อเลือดไหลเยอะขนาดนั้น ถ้ายังไหลอยู่แบบนี้ต่อไป พ่อต้องเลือดไหลจนตายแน่ รีบออกไปตามคนมาเร็ว!”
ทว่าอู่เยวี่ยยังคงลังเล เธอยังคงเชื่อเหอปี้อวิ๋น รู้สึกว่าเหอปี้อวิ๋นคงจะไม่ฆ่าอู่เจิ้งซือ
บาดแผลของพ่อคงจะดูเหมือนสาหัส แต่จริงๆ แล้วไม่ได้มีอะไรร้ายแรง
จะว่าไปแล้วพ่อก็ออกจะกลัวเสียหน้า ขืนปล่อยให้พวกเพื่อนบ้านเห็นพ่อมีลักษณะน่าขายหน้าอย่างนี้ พอพ่อฟื้นขึ้นมา พ่อต้องดุเธอแน่นอน เธอยังคงเชื่อฟังคำพูดของแม่ และบอกตัวเองว่าอย่าก่อเรื่องอะไรอีกเลย!
อู่เหมยโกรธผู้หญิงสองคนนี้มาก ไม่นึกเลยว่าแม่ลูก จะมีจิตใจเหี้ยมโหดอำมหิตเหมือนกัน
“มีคนถูกฆ่าตาย รีบมาช่วยเร็ว!”
อู่เหมย ตะเบ็งเสียงร้องออกมา ตอนนี้ทุกคนกำลังกินข้าวอยู่ในบ้าน และในเวลานี้ข้างนอกก็มีคนมากมายเสียงดังเอะอะโวยวาย จ้อกแจ้กจอแจมาก ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะได้ยินเสียงของเธอหรือไม่?
แค่เสียดายที่ฉิวฉิวไปอยู่ที่บ้านใหม่แล้ว ไม่อย่างนั้นเธอยังให้ฉิวฉิวช่วยส่งจดหมายให้สยงมู่มู่ได้ และเธอก็จะไม่โดนกระทำอย่างนี้
เหอปี้อวิ๋นทำให้อู่เหมยตกใจกลัว เธอยื่นมือมาปิดปากเธอไว้ทันที ในเวลานี้เองกลับเปิดโอกาสให้อู่เหมย หลุดจากการจับของเหอปี้อวิ๋นทันที
อู่เหมยดีใจมาก เธอรีบวิ่งไปที่หน้าประตู พลันเปิดประตูออกอย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งไปทุบประตูข้างบ้าน ลูกชายคนโตของตระกูลจาง จางเผิงเจิ้งก็ประจวบเหมาะเปิดประตูออกมา พอเห็นอู่เหมยก็ถามด้วยความประหลาดใจ “เหมยเหมย บ้านเธอเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
………………………………………………………………….