ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 305 อู่เยวี่ยตระหนักได้ + ตอนที่ 306 กินบะหมี่
ตอนที่ 305 อู่เยวี่ยตระหนักได้
ความจริงบ้านคนอื่นๆ ไม่ได้ยินเสียงตะโกนของอู่เหมย แต่เพราะว่าครอบครัวจางอยู่ใกล้ จึงพอได้ยินการเคลื่อนไหวอยู่บ้าง แค่ได้ยินแว่วๆ ว่า ‘ช่วยด้วย มีคนถูกฆ่า’
อาจารย์แม่จางยังคิดว่าเหอปี้อวิ๋นตีอู่เหมยอีกแล้ว ก็เลยให้ลูกชายคนโตออกมาดู
อู่เหมยพูดอย่างร้อนใจ “พี่เผิงเจิ้งคะ พ่อของฉันอาการแย่มาก ช่วยไปส่งเขาที่บ้านคุณย่าหยางทีค่ะ!”
จางเผิงเจิ้งตกใจมาก ครูจางสองสามีภรรยาก็วางตะเกียบกับถ้วยและวิ่งออกมาทันที แล้วถามอู่เหมยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“แม่ ทุบหัวพ่อแตกเป็นรูโหว่จนเลือดไหล เลือดไหลออกมาเยอะมากค่ะ อาจารย์แม่จางคะ พ่อของหนูกำลังจะตายแล้ว”
อู่เหมยแสร้งเล่นละครปนกับมีความรู้สึกจริงอยู่บ้าง เธอร้องไห้และเล่าเหตุการณ์คร่าวๆ ด้วยความเศร้าโศก
พอตระกูลจางได้ยินว่าอู่เจิ้งซือกำลังจะตาย ก็รีบไปที่บ้านครอบครัวอู่ทันที พวกเขาไปเห็นเหอปิ้อวิ๋นหยิบกล่องยาเพื่อเอามาทาให้อู่เจิ้งซือ มันเป็นแค่ยาใช้ภายนอกธรรมดาที่ส่วนใหญ่มีติดกันทุกบ้าน ไม่สามารถใช้ห้ามเลือดจากบาดแผลใหญ่ได้เลย เลือดที่ศีรษะของอู่เจิ้งซือยังคงไหลอยู่ ใบหน้าของเขายิ่งซีดเผือด เห็นแล้วเหมือนกับกำลังจะหมดลมหายใจ
ในเวลานี้อู่เหมยเพิ่งจะมีความร้อนอกร้อนใจอยู่บ้างจริงๆ และเธอก็ยิ่งเกลียดเหอปี้อวิ๋นมากกว่าเดิม เธอร้องไห้เสียงดังพลางกล่าว “ทั้งหมดเป็นเพราะแม่ทำร้ายพ่อ แม่ยังไม่ยอมให้ฉันไปเรียกคนมาช่วยพ่อ แม่ตั้งใจจะปล่อยให้พ่อเลือดไหลจนตาย!”
เหอปี้อวิ๋นเห็นว่าเลือดของอู่เจิ้งซือไหลไม่หยุด เธอตกใจกลัวตั้งแต่แรกแล้ว แม้ว่าเธอจะเกลียดอู่เจิ้งซือ แต่ขณะเดียวกันแม้แต่งงานเป็นสามีภรรยาเพียงวันเดียวเธอก็มีความรักลึกซึ้งกับเขาแล้ว เธอเองก็ไม่ได้อยากให้อู่เจิ้งซือตายจริงๆ
เธอคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่า ก่อนหน้านี้เธอทำเรื่องบ้าๆ ที่เอาแท่นทับกระดาษไปทุบอู่เจิ้งซือได้อย่างไร?
แถมยังห้ามไม่ให้อู่เหมยไปเรียกคนมาช่วยเพราะกลัวเสียหน้าอีก หากอู่เจิ้งซือเป็นอะไรขึ้นมา เธอจะไม่กลายเป็นหญิงม่ายหรอกหรือ?
“เหมยเหมยลูกอย่าพูดเหลวไหลนะ พ่อเกิดเรื่องขึ้น แม่ก็ต้องเป็นห่วงพ่อมากกว่าใครๆ อยู่แล้ว คุณลุงจาง อาจารย์แม่จางคะ พวกคุณช่วยพาพ่อไปส่งโรงพยาบาลได้ไหมคะ? คุณพ่อ ท่าน…”
อู๋เยวี่ยโผล่เข้ามาและขัดจังหวะอู่เหมยพูด ในขณะนี้เธอใจเย็นลงแล้ว เธอใจเย็นกว่าเหอปี้อวิ๋น เธอรู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือรักษาอู่เจิ้งซือให้รอดพ้นจากอันตราย และกำจัดปัจจัยที่ไม่เป็นผลดีของตัวเธอเองกับเหอปี้อวิ๋นออกไป
อู่เหมยจ้องเขม็งอู่เยวี่ยด้วยความเกลียดชัง กลับโผล่ออกมาในเวลานี้ ก่อนหน้านั้นบอกให้เธอไปเรียกคนมาช่วย กลับทำเป็นเฉย!
ถึงแม้เธอจะโกรธเคือง แต่เธอก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโต้เถียงกันเรื่องเหล่านี้ เพราะการช่วยชีวิตอู่เจิ้งซือเป็นเรื่องแรกที่ต้องทำ ตอนที่ครูจางอยู่บ้านเกิดเคยเป็นหมอเท้าเปล่าที่ชนบทอยู่ช่วงหนึ่ง บาดแผลทั่วไปเขายังสามารถจัดการได้ เขาให้อู่เหมยรีบไปหยิบผ้าสะอาดทันที แล้วเทยาทาภายนอกลงไป จากนั้นพันรอบแผลให้แน่น
แล้วก็เขากับจางเผิงเจิ้งก็ช่วยกันหามอู่เจิ้งซือที่หมดสติและวิ่งไปที่บ้านคุณย่าหยาง อู่เหมยก็วิ่งตามไปด้วย อู่เยวี่ยดึงเหอปี้อวิ๋นที่ยืนช็อกตัวแข็งทื่อเข้ามาหา แล้วพูดกระซิบ “ถ้าแม่ยังอยากอยู่กับพ่อ ก็ห้ามทำพลาดอีก และแม่ต้องสะสางปัญหาให้ได้ ต่อไปก็ห้ามปฏิบัติกับอู่เหมยเหมือนเมื่อก่อนอีกนะคะ”
เหอปี้อวิ๋นที่ขวัญหนีดีฝ่อก็พยักหน้า ถามด้วยความตื่นตระหนก “เยวี่ย เยวี่ย พ่อของลูกจะตายไหม?”
“สบายใจได้ แค่บาดเจ็บภายนอกเท่านั้น ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ” อู่เยวี่ยพูดหนักแน่น แค่บาดแผลเล็กๆ เท่านั้น อู่เจิ้งซือจะตายได้อย่างไร?
นังสารเลวอู่เหมยเจ้าเล่ห์จริงๆ จงใจพูดให้เรื่องร้ายแรงเป็นพิเศษ คิดจะใส่ร้ายแม่ ชิ! เมื่อก่อนประเมินยายโง่นี้ต่ำเกินไป!
สองเดือนที่ผ่านมานี้ เธอมองข้ามอู่เหมย ดังนั้นตอนนี้ถึงได้มีจุดจบที่ตกต่ำ ต่อไปเธอจะไม่เป็นเช่นนี้ เธอจะเอาแรงทั้งหมดจัดการอู่เหมย เหยียบย่ำอู่เหมยให้อยู่ใต้เท้าเหมือนกับเมื่อก่อน
เพราะเธอคือเจ้าหญิงของตระกูลอู่ตลอดไป ไม่ใช่คนอื่น!
………………………………………………………………….
ตอนที่ 306 กินบะหมี่
อู่เยวี่ยคิดวางแผนให้เหอปี้อวิ๋นเรียบร้อยแล้ว ซึ่งไม่มีอะไรนอกจากการให้เธอเปลี่ยนวิธีการและทัศนคติ ห้ามทำเหมือนเมื่อก่อน อย่าปฏิบัติตัวเป็นปฏิปักษ์กับอู่เจิ้งซือ และรีบเอาอำนาจการบริหารเงินกลับคืนมาถึงเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
แต่เธอไม่พูดอย่างนั้นตรงๆ แน่นอน ทุกอย่างนี้เหอปี้อวิ๋นต้องตระหนักเองให้ได้ เธอก็แค่ชักจูงไปในทางที่ดีด้วยความจริงใจเท่านั้นเอง
เมื่อล้างความคิดของเหอปี้อวิ๋นแล้ว อู่เยวี่ยก็ไปบ้านครอบครัวเหยียน จะปล่อยให้อู่เหมยทำผลงานคนเดียวไม่ได้ เธอก็เป็นลูกสาวที่มีความกตัญญูเช่นกัน
เพื่อแสดงจิตใจที่กตัญญู อู่เยวี่ยหยิบเสื้อคลุมของอู่เจิ้งซือไปด้วย ในฤดูใบไม้ร่วงตอนกลางอากาศหนาวเย็น อู่เจิ้งซือต้องรู้สึกหนาว เสื้อคลุมของเธอได้ใช้พอดี
ดูสิ เธอว่ารู้อะไรเป็นอะไรและรู้จักเอาใจใส่ขนาดไหน อู่เหมยเทียบกับเธอไม่ได้เลยสักนิด!
ครอบครัวเหยียนกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว มีคนพุ่งเข้ามาในบ้านพวกเขาอย่างไม่คาดคิด ทำให้คุณย่าหยางที่กำลังล้างจานอยู่ในครัวตกใจสะดุ้ง อู่เหมยร้องตะโกนด้วยความร้อนรน “คุณย่าหยางคะ ช่วยพ่อหนูด้วยค่ะ พ่อเลือดไหลเยอะมาก!”
เหยียนหมิงซุ่นและเหยียนหมิงต๋าต่างพากันเดินออกมาจากห้อง มองอู่เจิ้งซือที่เหมือนคนตายด้วยความตกใจ ไม่เข้าใจว่าเพิ่งจะไม่เจอกันแค่วันเดียวเอง ทำไมถึงบาดเจ็บจนเกือบถึงตายได้
คุณย่าหยางสงบสติลงอย่างรวดเร็ว เธอเป็นหมอมืออาชีพ ย่อมไม่ตกใจกับบาดแผลของอู่เจิ้งซืออยู่แล้ว เธอบอกให้เหยียนหมิงซุ่นประคองอู่เจิ้งซือไปที่เตียง เธอเย็บแผลเพื่อห้ามเลือดให้อู่เจิ้งซืออย่างรวดเร็ว และยังพันผ้าพันแผลอย่างหนาอีกชั้น ดูเหมือนเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บที่เพิ่งมาจากสนามรบ
“ยายตัวเล็กไม่ต้องร้องแล้ว พ่อเธอไม่เป็นอะไรแล้ว!”
คุณย่าหยางตบหัวอู่เหมย เด็กคนนี้ตกใจกลัวไปหมด ดูท่าทางร้อนอกร้อนใจอย่างนี้ เห็นแล้วน่าสงสารจริงๆ
อู่เหมยในเวลานี้เพิ่งจะโล่งใจ พูดอย่างสะอึกสะอื้น “ขอบคุณค่ะ คุณย่าหยาง!”
อู่เจิ้งซือยังไม่รู้สึกตัว การหายใจของเขายังทรงตัว คุณย่าหยางให้น้ำเกลือแก่เขาเพื่อเสริมกำลัง ดูแล้วขวดใหญ่ขนาดนั้นต้องใช้เวลาสองชั่วโมง
อู่เหมยซาบซึ้งต่อครูจางสองพ่อลูก เธอกล่าว “ลุงจาง พี่จางเผิงเจิ้ง พวกคุณรีบกลับไปกินข้าวเถอะค่ะ ขอบคุณพวกคุณจริงๆ!”
ครูจางยิ้มซื่อๆ แล้วก็กลับไปพร้อมกับจางเผิงเจิ้ง พวกเขาเพิ่งจะกินข้าวไปได้ครึ่งหนึ่งเอง!
ระหว่างทางจางเผิงเจิ้งก็ถามด้วยความสงสัย “พ่อ ครูอู่ถูกอาจารย์แม่อู่ตีจริงๆ หรือเปล่า? เห็นเลือดไหลนั่นแล้ว ก็ตกใจแทบตาย!”
ครูจางทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ เหอปี้อวิ๋นผู้หญิงคนนั้นจิตใจโหดร้าย ตีจนศีรษะเป็นรูใหญ่ขนาดนั้นไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ อู่เจิ้งซือช่างซวยจริงๆ ที่ได้ผู้หญิงจิตใจชั่วร้ายมาเป็นภรรยา แม้แต่ภรรยาของเขาก็ยังเทียบไม่ได้!
อู่เยวี่ยหอบเสื้อคลุมเดินไป
เพราะว่าหลอดไฟของถนนเส้นนี้ขาด และถนนก็ค่อนข้างแคบ อู่เยวี่ยไม่เห็นสองพ่อลูกตระกูลจาง เธอรีบเดินไปทางบ้านตระกูลเหยียน
จางเผิงเจิ้งยังคงมีความรู้สึกดีมากกับอู่เยวี่ย เป็นห่วงว่าถนนไม่มีไฟแล้วอู่เยวี่ยจะกลัว อยากจะไปส่งอู่เยวี่ย แต่ก็ถูกครูจางดึงตัวกลับไป
“จากนี้ไปติดต่อกับอู่เยวี่ยให้น้อยลง ผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนกับพวกเรา เข้าใจไหม?”
ขณะที่ครูจางพูดนั้น น้ำเสียงของเขาไม่สุภาพอ่อนน้อมเหมือนกับเมื่อก่อน ฟังดูแล้วเข้มงวดมาก จางเผิงเจิ้งได้แต่รับปาก แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าพ่อตัวเองจะพูดไม่ถูก แต่เขาก็เป็นเด็กดีที่เชื่อฟังคำพูดของพ่อแม่ ยอดกตัญญูก็คือเขานี่แหละ
จึงเป็นผลให้จางเผิงเจิ้งค่อยๆ ห่างเหินกับอู่เยวี่ย และแม้กระทั่งน้องชายของเขาก็อยู่ภายใต้อิทธิพลจากเขา ค่อยๆ ตีตัวห่างอู่เยวี่ยเช่นกัน
อู่เหมยเฝ้าอู่เจิ้งซืออยู่ข้างๆ เธอหิวจนท้องร้องโครกคราก หลังจากกลับบ้านก็เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้ แม้แต่น้ำเธอก็ไม่ได้กิน!
“ให้ฉันอุ่นบะหมี่ให้กินนะ!”
เหยียนหมิงซุ่นยกบะหมี่ใส่ผักดองไข่ไก่ที่มีกลิ่นหอมวางตรงหน้าอู่เหมย เขามองดูเธอแล้วก็ยิ้มหวาน
……………………………………………………………….